ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ไป 3 ดอย + ง้อควายไปผาตั้ง - วันต่อมา และต่อไป [ทำใจได้แล้ว]

พวกเรามาถึงที่ อ.พร้าว ในรอบที่ 2 ในช่วง ไม่ถึง 1 ชั่วโมง ขับรถไปแบบชลอ เพื่อหาของกินมื้อเที่ยง
ผมขับรถทำ เพราะหิว แล้ว ดันได้จังหวะกลับรถก่อน ก็เลย ขับผ่านเข้าตัวอำเภอ

แล้วก็มีสิ่งหนึ่ง ทำให้ผมเบรครถอย่างรวดเร็ว.....!!!

ร้านขายเบียร์ครับ !! ร้านแนวร้านขายส่ง เบียร์เป็นตั้งๆ หลากยี่ห้อ น้ำแข็งก็เพียบ

ผมจอดรถ พร้อม ว. บอกสมาชิกในทีม ใครอยากได้อะไร ก็ลงมาเลือกเลย ผมละโคตรดีใจ !!!








ผมเลือกเบียร์สิงห์แบบกระป๋อง 1 แพค 24 กระป๋อง ป้าแกกดเครื่องคิดเลข ( ผมเริ่มงงละ ตอนนี้ - ก็ขายส่งน่าจะจำราคาแพคได้น่า )
ป้าแกกดเครื่องคิดเลข 34 บาท x 24 กระป๋องครับ
"อ้าว...ป้า ไม่ได้ขายราคาส่งหรอ.." ป้าแกบอกลูกสาวไม่อยู่ แกมาช่วยขาย
"อ้าว...มาแล้ว โครโมโซม X  - ตอบไม่ตรงคำถาม" อันนี้ คิดในใจ
เอาอารมณ์ดีใจของผมเมื่อกี้กลับมาเลย นะ คุณป้า ราคานี้ ซื้อข้างทางก็ได้..แหม....
ขับไปกันต่อหลังจากเล่นอาหารกลางวัน ข้าวซอยเมืองพร้าว
จะบอกว่า วันนี้ตอนออกจาก อ.พร้าว โทรฯไปสวัสดี ทักทายเตี่ย แถมโดนอำกลับมาว่า "เตี่ยอยู่เชียงใหม่"
สุขใจ ได้อำลูก

13.00 น. เดินทางกันต่อ ไปทาง อ.ไชยปราการ เป้าหมาย ดอยวาวี ตามความเดิมตอนที่แล้ว
พวกเราจอดเติมน้ำมันกันที่ ไชยปราการ ตาผมเหลือบไปเห็นป้ายแว๊ปๆ "ดอยอ่างขาง"
เวลาตอนนั้น 15.30 น. โดยประมาณ ผมคำนวนในใจว่า คงไปถึงดอยวาวีราว 18.00 น. แน่ๆ แล้วกว่าจะหาที่ และ กางเต๊นท์ ทำอาหาร โอย....หิวอีกแล้วตรู....

ว่าแล้วก็หยิบ ว. สื่อไปหาทุกคน "ดอยอ่างขาง 17 กม. สนไหม ?"
ผมคำนวน(อีกแล้ว) ในใจว่า ขึ้นไป กางเต๊นท์ มีเวลาสัมผัสธรรมชาติบ้าง สักวัน
 ทั้งๆที่ไม่รู้เลย ว่า บนนั้นมีอะไร
ถามสมาชิกทั้งหมด (รวมเพื่อนควายด้วย) โอเค เบตง ขึ้นดอยอ่างขาย Let's Go ! !


เส้นทางขึ้นดอยอ่างขาง บางช่วงเป็นเส้นทางขึ้นเขาสูงชัน ยาวๆ
ตามเส้นทาง มีรถจอดความร้อนขึ้น และมีปัญหาตลอดทาง ช่วงขึ้นเขายาวๆ   รวมทั้ง.....
รถเพื่อนควาย คลัทช์จม รถเพื่อนอู๊ด (จอมพลัง ล้อโต) ความร้อนขึ้น ระหว่างช่วงกลางๆทาง
ต้องจอดกันสักพัก โดยประมาณเอา แต่ เรื่องไม่เป็นเช่นนั้น !!!

รถจอมพลัง ล้อโต ความร้อนขึ้น แต่ไม่ถึงกับน็อคไป ยังเดินครบ 4 สูบ ปกติ
เพื่อนอู๊ด จอดทิ้งสักพัก แล้วจัดการ เอาผ้าห่อฝาหม้อน้ำ เปิดฝา !!

ควันและน้ำร้อนๆ พวยพุ่งออกจากหม้อน้ำ เพื่อนอู๊ดไม่เป้นอะไร เพราะ ระวังตัวไว้แล้ว
แต่ฝาหม้อน้ำ หาย!! มันหายไปไหน ทุกสายตา มารุมกันช่วยหา เกือบชั่วโมง
ไม่เจอ ?#$%^$^#&#!!!
สรุปกันใหม่ เพื่อนพงศ์ไปกับน้องเอก ลงดอยไปหาซื้อฝาหม้อน้ำ
ที่เหลือ ยังคง เดินด้อมๆ มองๆ ล้วงๆ จกๆ ค้นหาฝาหม้อน้ำ ที่หล่นไป แล้วไม่ตกลงพื้น
อันนี้ ผมยืนยันได้ เพราะไม่เห็นอะไรหล่นลงพื้น ตอนที่เปิดฝา


ซากุระไทย บานสะพรั่ง ระหว่างรอฝาหม้อน้ำ


ผมและทุกคน ยังคงด้อมๆ มองๆ หา ฝาที่ติดในรถต่อไป
แล้วก็เป็นผม ที่นึกยังไงไม่รู้ เอามือล้วงเข้าไปที่ ปีกนกล่าง ด้านซ้าย ที่ใกล้คานรับ

ตรงนั้นมีช่องเล็กๆ ที่มีขนาดพอดีกับฝาหม้อน้ำที่จะลงไปได้








เจอแล้ว !!!
ผมดีใจแบบไม่รู้จะบอกยังไงดี
เพื่อนอู๊ดรีบโทรบอก คณะที่ลงไปหาฝาหม้อน้ำ
มันบอกจะถึงร้านแล้ว อยู่ตรงหน้านี่เอง
สุดท้าย เพื่อนๆ ลงความเห็นว่า ผมน่าจะรีบล้วงตรงนั้น มารออะไร จนเขาจะถึงร้านกันแล้วเนี่ย....
เป็นการแซวกันเล่นๆ ด้วยความที่รู้ว่าผมออกอาการ "จกเด็ก" บ่อยๆ เลยพอจะชำนาญการ....ทำความดี กลายเป็นโทษอีก กรู....555...
ทุกคนขับรถไปต่อ โดยให้ เพื่อนพงศ์ กับ น้องเอก ตามไปทีหลัง ไม่งั้น ดูแล้ว อาจจะหาที่กางเต๊นท์ลำบาก เพราะคนขึ้นไปกันเยอะมาก ก็หยุดยาว นี่นา...


ขับขึ้นเขามาอีกไม่กี่กิโลเมตร ก็ถึงจุดกางเต๊นท์จุดแรก มาถึงก็ราวๆ 18.00 น.
เย็นอีกจนได้ หิวชิบ.....!! ยังไม่ได้มุมกางเต๊นท์เลย
ผมเสนอ "ตรงไหนน่าสนใจ จอดกางเต๊นท์เลยเน๊อ....กูขอบรรยากาศ ไม่เอา จุดหมาย"
ผมเบื่อผู้คนเยอะแยะ ตามที่ท่องเที่ยวน่ะ รักษาไม่หาย เสียที...
สุดท้ายเราขึ้นไปที่จุดบนสุด มีที่กางเต๊นท์ใต้ต้นซากุระไทย โอย....ยอดเยี่ยม
จอดรถ กางเต๊นท์กันเสร็จสรรพ เตรียมทำอาหาร

เรื่องเต๊นท์ เดี๋ยวต้องเขียนอีกเรื่อง ให้้หัวข้อว่า "กางเลือกเต๊นท์ให้เหมาะกับชีวิตคุณ"
สืบเนื่องจาก ตั้งแต่วันแรกเลย น้องโก๊ะ เตรียมเต๊นท์มาขนาดใหญ่มาก แต่มากัน 2 คน
ขนากแบบ 2 คน กาง ยังงงเลย
แล้ว เพื่อนพงศ์ เขามาเต๊นท์เดิม ครับ ขนาดมินิ นอน 3 คน พ่อแม่ลูก คนละเรื่องกันเลย
จนต้องเปรยว่า เต๊นท์ Property Perfect กับ พวกเต๊นท์บ้านพฤกษา
ความยิ่งใหญ่ของบ้าน และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ผิดกัน
ส่วนของผม ขนาดพอดี 3 คน พ่อแม่ลูก แต่ ไปทีไร ก็ 2 คน พ่อลูก....ฮือ.......
ผมใช้ขนาด คนเดียวกางได้สบายๆ ที่ต้องเขียนเรื่องเต๊นท์แยก เพราะมันมีอีกหลายจุดที่ต้องเลือก ก่อนซื้อ ว่า เหมาะกับเราไหม กางคนเดียวได้ไหม เพราะ Property Perfect กางคนเดียวไม่ไหวจริงๆ



กลับมาที่การทำอาหาร เตรียมกินละผมไปช่วยปรุง คนๆ กะทะ แบบอยากให้สุกไวๆ โคตรหิวมากๆ

สาวๆ ต่างทำอะไรอีกเตา  ผมก็ยังวนเวียนกับกะทะ หมูทอด
ส่วนลูกน่ะหรอก ขบวนเด็กๆ เล่นมาม่าคัพ โจ๊กคัพ
ขบวนพ่อๆ ก็เบียร์ เย็นฉ่ำชื่นใจ ท่ามกลางอากาศหนาวๆ กลางแสงดาวต้นเดือนธันวา บนยอดดอยสูง ใต้ซากุระไทย



โอ...เมืองไทย ไม่ไป ไม่รู้


ทุกคนต่างนั่งบ้าง ยืนบ้าง กินอาหาร ที่สาวๆ ทำมาให้


จนค่ำมืด ราตรีลากไปถึงเวลาไหนไม่รู้.....สุดท้ายมันก็มา......เพื่อนควาย เริ่มเพี้ยนแล้ว
เริ่มเรื่องจาก มันบอกว่า เอาโซดา ใส่ใต้เบาะมอเตอร์ไซค์ Fino แล้วระเบิด (อันนี้ มันบอก เด็กแถวบ้านมัน)
ผมก็เถียงคำไม่ตกฟาก ว่า เป็นไปไม่ได้หรอก จอร์จ...!! จะระเิบิดได้ไง แรงแก๊สจากขวดโซดา ที่ผมวางไว้ท้ายกระบะ เขย่าขึ้นดอยม่อนล้านมาหลายชั่วโมง ยังไม่ระเบิดเลย

ว่าแล้วผมก็เดินไปหยิบขวดโซดา ใหม่ๆ 1 ขวด โยนเข้ากองไฟ แล้วบอกว่า
"เนี่ย มันถูกเขย่ามาเป็นชั่วโมง กูแถมความร้อนเข้าให้อีกด้วย"
เพื่อนๆ รีบเขี่ยกันออก - เสียดายโซดากันน่ะ

เพื่อนควายมันคงสับสนอะไร ไม่รู้มัน มันเดินไปหยิบถังแก๊สปิกนิค สีส้มๆ วางบนกองไฟ

"เฮ๊ย!! " ทุกคนอุทาน ผมไม่แน่ใจว่า ผม หรือ ใคร เดินไปหยิบถังแก๊สออกไปจากกองไฟ



"แม่ง!! บ้าไปแล้ว..เอาถังเก๊สมาเผาไฟ" ทุกคนลงความเห็นแนวๆ นี้
แล้วก็ดูชุดมันเถิด เสื้อชมพู กางเกงเขียว - อะไร ดลใจให้มันเลือกสีแบบนี้วะเนี่ย ....


หลังจากนั้น มันก็เอาเหล้า โซดา ใส่หม้อข้าวต้มที่เหลือไว้ สำหรับวันพรุ่งนี้

กลางดึก (ผมหลับไปแล้ว) มันคุยอะไรกะเพื่อนพงศ์ไม่รู้ มันเสือกเอาไข่ดิบ เผาไฟ จะทำไข่ปิ้ง

โอย.....กูละเครียดกะมันจริงๆเลย  รีบจบเรื่องยามค่ำคืนดีกว่า เดี๋ยวมันจะโทรมาด่า หาว่า ประจานมันผ่านโลกไซเบอร์

"กูไม่ได้ประจานนะโว๊ย....กูแค่ แฉ ว่ามึงยังเหมือนเดิม..5555"

อากาศยามค่ำวันนี้ เย็นสบาย มีลมไม่แรงมาก แต่เหมือนเดิม ไม่มีหมอก ไม่มีทะเลหมอกให้ผมเห็น
แต่ไม่เป็นไร ทำใจไว้แล้ว ว่าไม่คาดหวังอะไรมาก แค่กลัวลูกผิดหวัง ... ก็เท่านั้น