ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2558

รถเมล์ - กติกากับผู้คน

มีนาคม 2015

ช่วงนี้ ได้มีโอกาส ใช้รถขนส่งมวลชนบ่อยครั้งมากๆ
เลยได้มีโอกาสทบทวนความทรงจำ ความรู้สึก ที่เคยนั่งสมัยหนุ่มๆ ราว 20 กว่าปีที่แล้ว
เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน - อันนี้ในเพลงของอัสนีย์-วสันต์ โชติกุล
สำหรับรถเมล์ และผู้คน เวลาเปลี่ยน พฤติกรรมคนเปลี่ยน


- โทรศัพท์ หรือ อุปกรณ์สื่อสาร
20 กว่าปีที่แล้ว ยุคที่ไม่มีอุปกรณ์สื่อสารอะไรมากมาย
การที่คนจะมีโทรศัพท์มือถือสักเครื่อง นั่นคือผู้มีอันจะกิน เพราะราคาในยุคนั้น ก็ราวๆ 1 แสนนู่นเลย

ก็เลยมีการเปรียบเปรยกันว่า คนที่นั่งรถเมล์ในยุคนั้น คงไม่มีใครใช้โทรศัพท์มือถือกันหรอก
ใครเอามาใช้ คงดูประดัก ประเดิด น่าดู


แต่พอราคาเริ่มลดลง จนยุคนี้ โทรศัพท์มือถือ เป็นเรื่องที่ทุกคน แทบทุกวัย จะหาซื้อมาใช้งานกันได้
ดังนั้น จึงสามารถเจอผู้คน Online และ Update Status กันได้อย่างเป็นปกติ
ไม่ว่าจะบนรถไฟฟ้า (มาหานะเธอ) รถเมล์ หรือ เรือเมล์

------------------------------------------------


- เบาะนั่งแถวสุดท้าย รถปรับอากาศ
รถเมล์ปรับอากาศ หรือ ที่เราเรียกกันสั้นๆว่า ปอ. 
แม้จะมีช่วงหนึ่งที่มีรถ ปอ.พ. ราคา 20 บาทตลอดสาย แต่ตอนนี้ ปอ.พ. ได้จากพวกเราไปเสียแล้ว

ไอ้เจ้าเบาะนั่งรถ ปอ. ในสมัยก่อน (ตามรูปด้านบน) ระดับของเบาะที่นั่ง จะเสมอกันกับเบาะนั่งแถวอื่นๆ
เวลาที่รถเมล์วิ่งไป ตำแหน่งคนนั่งตรงจุดนั้น ก็จะอยู๋ในระดับที่ไม่น่าตื่นเต้นจนเกินไป
แต่ สมัยนี้ เรามีรถปอ. รุ่นใหม่ สีเหลืองสดใส


เจ้ารถ ปอ.เหลืองนี้ พิเศษตรงที่ มีประตูหน้า และ กลาง ให้ผู้โดยสารขึ้นลงได้อย่างสะดวก
แถมประตูก็ 2 บานพับ กว้างพอที่จะลงได้ 2 คน พร้อมๆกัน
แล้วเจ้าเบาะนั่งแถวสุดท้ายของมันล่ะ ??


มันเป็นดินแดนลึกลับ ที่ไม่ค่อยมีผู้คนอยากจะเข้าไปสักเท่าไรนัก
เพราะเบาะแถวสุดท้ายนั้น อยู่ระดับที่สูงกว่าที่นั่งอื่นๆ
เบาะแถวนั้น จะมี 4 ที่นั่ง แต่ 2 ที่นั่งกลางนั้น ไม่มีจุดให้จับหรือ ยึดเพื่อประคองร่าง
ขณะที่รถเคลื่อนตัว หรือ เลี้ยว หรือ ขึ้นเนิน หรือ คอสะพานนั้น สุดจะบรรยาย 

------------------------------------------------


- รถเมล์ร้อน ประตูกลาง และคนเดินช้าๆๆๆ
รถเมล์ที่จะพูดถึง ก็คือรถเมล์ครีม-แดง ที่มีประตู 2 บายอยู่ตรงกลางรถนั่นเอง
เรียกว่า แทบจะทุกครั้งที่ได้ขึ้นรถครีม-แดงนี้ ก็มักจะเจอผู้โดยสารประเภทที่ ....


เดินขึ้นมาแล้ว ก็ หันซ้าย-หันขวา มองหน้า-มองหลัง เพื่อเลือกตำแหน่งที่ตนเองจะนั่ง
โดยที่ไม่ได้หันไปมองว่า ผู้โดยสารท่านอื่นๆ ก็รอที่จะขึ้น และเข้ามาในรถ
....
...
..
ขอความกรุณาเถอะครับ !! ขึ้นแล้ว รีบเข้าข้างใน
นั่งไหนก็ได้ อย่าเป็นส่วนหนึ่งของตัวการที่ทำให้คนติด และ รถติด
..
.
คุณล่ะ เคยเจอผู้โดยสารประเภทนี้ไหม ??

------------------------------------------------


- ยืนรอรถเมล์ บนถนน....บนถนนน่ะ ไม่ใช่ทางเท้า !!
ไม่กล้าถ่ายรูป และเอารูปจากเมืองไทยมา กลัวเดี๋ยวจะว่าประจานกัน
เกือบๆ เดือนที่ได้นั่งรถเมล์ ได้เจอ 3-4 ราย ที่มักจะยืนรอรถเมล์บนถนน
ทั้งๆ ที่ ไม่มีรถเมล์ ที่กำลังจะวิ่งเข้าป้าย แต่อย่าลืมว่า มีรถตู้ รถมอเตอร์ไซค์ และอื่นๆ
ที่พร้อมจะวิ่งเข้ามาเฉี่ยวชนผู้ที่ยืนบนถนน

รอที่ทางเท้าเถอะครับ รถเมล์มา จอดให้เกือบสนิท ค่อยลงไปที่บนถนน
ท่านจะปลอดภัย มอเตอร์ไซค์ รถตู้ ก็ไม่เดือดร้อน

------------------------------------------------


- รางจักรยานบนสะพานลอยคนข้าม
สารภาพตามตรงว่า ผมไม่ค่อยได้ดูทีวี ข่าวสารก็ไม่ค่อยได้ติดตามอย่างเป็นกิจจะลักษณะ
ก็ตั้งแต่ ระบบการเมืองปวนแปร แบ่งแยก เลยไม่กล้าเสพสื่อ สะเปะสะปะ
..
เดินข้ามสะพานลอยคนข้ามมา ก็เจอรางเหล็ก ที่อยู่ด้านข้าง 2 ด้านของทางขึ้น
มันคืออะไร ???
..
ผมเดินไปถามเจ้าหน้าที่ ที่เป็นผู้ดูแลรถเมล์ยามเช้า แกให้คำตอบผมว่า
"อ่อ...เป็นทางสำหรับให้เข็นจักรยานขึ้นสะพานลอย เพื่อข้ามฝั่ง"
โอว....เพิ่งเข้าใจ และนึกภาพออก เพราะเป็นพวกที่ชอบปั่นจักรยานอยู่แล้ว
..
มีรางจักรยานให้ใช้ ไม่อย่างนั้น อาจจะเป็นอย่างพี่ๆ ในภาพด้านล่าง


ก็มีข้อสงสัยนิดเดียว ด้วยความที่ไม่เคยใช้ และไม่เคยเห็นคนใช้เจ้ารางจักรยานที่ว่านี้
* แฮนด์รถ มันไม่ติดราวสะพานลอยหรือ ??
** รถพับคันเล็กๆ แฮนด์จะติดไหมหนอ หรือ มันเบากว่า ไม่ต้องใช้รางแบกขึ้นได้เลย ??

------------------------------------------------

ขอขอบคุณ และขออนุญาต เจ้าของภาพ , นายแบบในภาพ และ ระบบขนส่งมวลชน ที่เป็นที่พึ่งของผู้คนทุกชนชั้น

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

เงาของศรัทธา - ปีชง เหยื่อของความเชื่อ ?

ทุกๆปลายปี ในระยะราว 10 ปีให้หลังมา เรามักจะได้ยิน มหาทวยเทพพยากรณ์มากมาย ออกมาให้คำแนะนำ ชี้นำ เสนอแนะ รวมถึงการขายคำพูด (พยากรณ์อนาคต) ผ่านทางสายด่วน 1900 XXX XXX

หมอดูมากมาย จับจอง แย่งชิง พื้นที่สื่อ โดยใช้สารพัดเหตุผล ที่จะดึงคนเข้าสู่เป้าหมายลึกๆที่ต้องการ คือ 1900 XXX XXX เพราะนั่นคือรายได้มหาศาล จาก
ความอ่อนแอทางจิตใจ
ความหวัง กำลังใจ ที่ขาดหายไป
ความละโมภ อยากมั่งมี
ฯลฯ

ศาสตร์แห่งการพยากรณ์นั้นมีมานานมาก จากการคำนวน การเก็บสถิติ
ซึ่งตัวเลข ข้อมูลต่างๆนั้น แต่ละคนย่อมมีวิถี และ กาล ที่ต่างกัน
ก็ย่อมหมายความว่า เหตุที่จะเกิดกับคนนั้นๆ ย่อมต่างกัน

และขอย้ำว่า ศาสตร์การทำนายไม่เกี่ยวข้องกับศาสนา !!

เรื่องปีชง ดวงชง ตามศาสตร์จีน มีมายาวนาน แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทำนาย
และไม่ได้ปรารถนา จะให้คนเข้าใจว่า มันคือแกนหลักของการทำนาย

ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การสื่อสารพัฒนาการไปมาก
คำว่า ปีชง ถูกกระตุ้นให้มีชื่อเสียงตามไปด้วย
( แม้บาง Website จะมีแสดงปีชง ตั้งแต่ พ.ศ. 2400 แต่ มันมี Internet แล้วหรือ ?? - นั่นแปลว่า มาทำทีหลัง เผื่อคนอ่านเจอข้อความแล้วจะแอบเถียงในใจ )

10 ปีที่ผ่านมา การบอกปีชง คือ คนเกิดปีนั้นปีนี้ จะชง-คัก-เฮ้ง-ผั่ว
แล้วก็แนะนำให้คนในปีชงนั้นๆ ไปทำบุญ ที่นั่น ที่นี่ แล้วแต่จะปั้นแต่งขึ้นมา

ต่อๆมา
ก็เริ่มมีมากขึ้น ให้คนปีนั้นไปที่นั้น / ปีนี้ไปที่นี้ / ไปนู่นไปนี่

ต่อๆมา (อีกครั้ง)
ก็เริ่มมีมากขึ้น(อีกครั้ง) ควรไปเวลานั้น เวลานี้

ต่อๆมา (อีกครั้ง อีกครั้ง)
ก็เริ่มมีกลเม็ดเด็ดพรายขึ้นมาอีก โดยมีชงเป็น %
ปีชง 100% , 75% , 50% , 25% โอว.....

ในอนาคต เมื่อกลเม็ดปีชง เจริญเติบโตมากขึ้น ตามผู้คนที่เชื่อมากขึ้น
อาจจะมีการแสดงปีชง ในระดับทศนิยม ก็เป็นได้
วกกลับมาที่หมอดู เทพพยากรณ์ทั้งหลาย
การพูดถึงการทำนาย แบบวงกว้างนั่นเอง ที่จะทำให้พวกเขาอยู่รอด และมีรายได้จากสังคม
สังคมที่มีสัดส่วนกลุ่มคนเน้นความเชื่ออย่างไร้กระบวนการจำนวนมาก

หมอดู เทพพยากรณ์หลายๆท่าน ได้พยายามผูกโยงศาสนาเข้ามา
เพื่อ - ทำให้ดูมีความขลัง
เพื่อ - ทำให้สิ่งนั้นดูเป็นพุทธะ
เพื่อ - ใช้ศาสนาเป็นเกราะกำบังการทำนายอันผิดพลาด
เพื่อ - ฐานของผู้เชื่อ ที่มีมากขึ้น
เพืี่อ - ฯลฯ ที่ หมอดู เทพพยากรณ์ นั้นไม่สามารถเปิดเผยได้

จะมีหมอดู เทพพยากรณ์คนไหน ที่มีเวลาพอเก็บสถิติ ผู้เสียชีวิตเทศกาลปีใหม่
แล้วมาบอกไหมว่า คนที่ตายไปนั้น ปีชง กี่คน ? ไม่ชง กี่คน ?

จะมีหมอดู เทพพยากรณ์คนไหน ที่มีเวลาพอมาพูดว่า ที่ตนทำนายไปปีที่ผ่านมา ผิดตรงไหนบ้าง
ควรรู้ว่า ศรัทธา เกิดจากการยอมรับ ไม่ใช่ความเชื่อ



ทุกศาสนา สอนให้คนเป็นคนดี ตามวิถีทางของแต่ละศาสนา
หากเราตั้งอยู่ในกระบวนการคิดดี ทำดี และไม่เห็นแก่ตนเอง
ไม่ต้องสนใจปีชงให้มากมาย ถ้าคุณคิดว่าคุณดี และมีกระบวนการคิดดี

หากคุณๆ ที่ปีชง กังวลใจ ไม่มีเงิน ไม่มีเวลา
แค่คุณทำดีกับพ่อแม่ และคนรอบๆตัว ก็พอแล้ว
ไม่ต้องดิ้นรนจนตัวเองต้องลำบากจนเกินกำลัง
พาพ่อแม่กินข้าว , โทรฯหา , จับมือ โอบกอด
เท่านี้ ก็เพียงพอ และมีค่ากว่าการดิ้นรน กระเสือกกระสน ไปนู่นนี้ ตามคำของหมอดู เทพพยากรณ์