ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

มาบริจาคอวัยวะกันเถอะ ( ขอร้องละ )

เรื่องความคิดที่จะบริจาคอวัยวะสำหรับผม เกิดขึ้นเมื่อสมัยเริ่มเรียนมหาลัย
ก็ราวๆปี 2533 นู่นเลย
อาจจะเป็นเพราะวัยในขณะนั้น กระบวนการเรียนรู้ในขณะนั้น
ความคิดที่อยากเรียนรู้โลก มันมีมากมาย หลายรูปแบบเหลือเกิน



สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้ คือ การให้
การมอบอวัยวะของเราเอง ให้แก่ผู้ที่ต้องการ เมื่อวันที่เราจากไปจากโลกนี้
ผมเริ่มเรื่องกับทางบ้าน ว่าต้องการจะบริจาคอวัยวะ และดวงตา
( ต้องบอกก่อน เพราะว่า พ่อ แม่ มีสิทธิ์ ที่จะไม่ให้ก็ได้ เมื่อเราจากไปแล้ว นั่นเอง )
ด้วยวัย และ ชีวิตช่วงนั้น ที่เรียนอยู่ พ่อ แม่ จำต้องยอมรับ
อาจจะกลัวลูกเพี้ยน แล้วต่อต้าน จนไม่อยากเรียนให้จบ


สุดท้ายผมก็ได้บริจาคดั่งใจ ด้วยการโทรไปขอเอกสารจากสภากาชาดไทย
ทั้งศูนย์รับบริจาคอวัยวะ http://www.organdonate.in.th/
และศูนย์ดวงตา http://www.eyebankthai.com/
เ่อ่อ....ยุคนั้น ไม่มีอินเตอร์เน็ตแพร่หลายนะครับ ทำได้เพียง
โทรฯ > รอเอกสาร > กรอก > ส่งเอกสารกลับ > รับบัตร

ไปที่ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทยกันก่อน
http://www.organdonate.in.th/

ที่นี่ อวัยวะและเนื้อเยื่อที่บริจาคได้ คือ
หัวใจ
- หัวใจใหม่นี้จะได้รับจากผู้เสียชีวิตด้วยภาวะสมองตายและได้บริจาคอวัยวะให้ โดยได้รับความยินยอมจากญาติ

ลิ้นหัวใจ ผู้เสียชีวิตที่สามารถบริจาคลิ้นหัวใจมี 3 ประเภท คือ
- ผู้เสียชีวิตจากสมองตาย ที่บริจาคอวัยวะเพื่อการปลูกถ่ายอวัยวะ แต่หัวใจมีสภาพไม่เหมาะสมที่จะนำไปปลูกถ่ายได้
- ผู้เสียชีวิตที่หัวใจหยุดเต้น ทั้งนี้ผู้บริจาคต้องไม่มีข้อห้ามในการนำลิ้นหัวใจไปใช้ ซึ่งจะพิจารณาจาก อายุ สาเหตุการเสียชีวิต ระยะเวลาที่เสียชีวิต การติดเชื้อต่าง ๆ เป็นต้น
- ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายหัวใจใหม่ สามารถบริจาคหัวใจดวงเก่าไม่มีพยาธิสภาพที่ลิ้นหัวใจ
ปอด
- ปอดใหม่นี้จะได้จากผู้เสียชีวิตด้วยภาวะสมองตาย และได้บริจาคอวัยวะให้โดยได้รับความยินยอมจากญาติ
ตับ
- ตับใหม่ได้มาจากผู้ที่เสียชีวิต โดยภาวะสมองตาย ซึ่งญาติผู้เสียชีวิตได้เห็นประโยชน์ และยินยอมบริจาค

ไต ได้มาจากไหนได้บ้าง
- จากญาติร่วมสายเลือดกัน อาจเป็นพี่น้อง พ่อแม่ หรือลูกที่เต็มใจบริจาคไตข้างหนึ่งให้ผู้ป่วย
- จากผู้เสียชีวิตโดยภาวะสมองตาย โดยผู้ตายได้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะไว้ก่อนตาย หรือได้รับความยินยอมจากญาติ
** ผู้ที่รอรับไต จะต้องมีหมู่เลือดเดียวกับผู้บริจาค และต้องมีการตรวจการเข้ากันได้ของเนี้อเยื่อด้วย

ปัจจุบันอัตราการบริจาคอวัยวะในประเทศเรายังมีจำนวนน้อย เมื่อเทียบกับความต้องการของผู้ป่วยระยะสุดท้ายเหล่านี้ ประมาณว่ามีผู้ป่วยโรคตับระยะสุดท้าย ที่ต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนตับ จำนวนหลายพันคนต่อปี ในขณะที่ผู้บริจาคอวัยวะมีไม่ถึงร้อยคนต่อปี

วิธีแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ  ไปที่ Link นี้ได้เลย
http://www.organdonate.in.th/?page_id=86


ความเชื่อผิดๆ ของการบริจาค ที่ผมเองถูกทางบ้านต่อต้านในช่วงแรกๆ ก็คือ
การเกิดมาในชาติหน้า จะไม่มีอวัยวะ ??
ถ้าจะตอบแบบอารมณ์ช่วงนั้น หรือ ช่วงวัยนี้ แบบที่ใช้อารมณ์ คำตอบคือ
"ผมไม่แคร์สักนิด กับชาติหน้า"
เพราะหากคุณเชื่อในชาติหน้า ชาตินี้ คุณฆ่ามด ฆ่าปลา
ชาติหน้าคุณก็ต้องเกิดมาเป็นมด เป็นปลา ให้เจ้ากรรมฆ่ากลับคืน
แล้วถ้าคิดกับแบบนี้ กรรมมันจะวนเวียน ซึ่งไม่ใช่แนวทางที่พุทธศาสนาสอน
หรือใช่ หว่า ??

การเกิดมาในชาติหน้า จะไม่มีอวัยวะ ??
คนที่คิดแบบนี้ คือ พวกคิดไปเอง ไม่ศึกษา และคิด
ฟังแล้ว ก็ เชื่อตามนั้น ขอร้องเถอะครับ
หยุดเชื่อ โดยปราศจาก กระบวนการคิด โดยเฉพาะ กับการบริจาคอวัยวะ !!

----------------------------------------------------------------

ไปที่ ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทยกันต่อ อันนี้ สั้นๆ
http://www.organdonate.in.th/
วิธีการก็เหมือนกับการบริจาคอวัยวะ นั่นละ



----------------------------------------------------------------

ลูกสาวของเพื่อนผมคนหนึ่ง ก็เฝ้ารออวัยวะ มานานหลายปี
น้องหยก มีปัญหากับอวัยวะของร่างกาย ซึ่งเป็นที่จุดไหน ผมก็ไม่รู้รายละเอียดมาก
จนถึงวันหนึ่ง น้องหยก ก็ได้จากพวกเราไป ทิ้งภาพรอยยิ้มของเด็กน้อยวัยสดใส
ที่สำคัญ เหตุการณ์ดันเกิดในช่วงน้ำท่วม 2554
ที่วันนั้น ผมนัดแนะกับเพื่อนว่าจะไปร่ำลา น้องหยก ครั้งสุดท้าย ที่ จ. กำแพงเพชร
แต่ปรากฎว่า น้ำดันมาท่วมถนนสายเอเซีย ในคืนก่อนวันเผา
เลยทำให้ พวกเราไปหานางฟ้าตัวน้อยๆไม่ได้


คนที่รออวัยวะ เป็นคนใกล้ตัวคุณๆเข้ามาทุกขณะ
ร่วมกันเถอะครับ บริจาคร่างกาย บริจาค ร่างที่คุณไม่ได้ใช้แล้ว
ให้แก่ผู้ที่ยังสามารถทำประโยชน์ต่อประเทศชาติได้

ผมมีความเชื่อ ว่า คนที่ได้รับอวัยวะไปนั้น
จะไม่เป็นคนเลว จะไม่ทรยศชาติ หรอกครับ

วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ทางเลือก - EBOLA : การหยุดความคิดฆ่าตัวตาย

พอดีมีจังหวะที่ ได้คุยกับน้องคนนึง เรื่องงาน
แล้วลากไปถึงงานในอดีต ที่เกี่ยวกับเครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์
ที่ต้องใช้อุปกรณ์บางอย่าง ในการช่วยชีวิตคนที่กินยา ฆ่าตัวตาย
ลากไป ลากมา สุดท้าย ก็เป็นประเด็นการคิดสั้น

เรื่องราวมันเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายของคนที่ผิดหวัง อกหัก เศร้าซึม ฯลฯ
แล้วพาลให้คิดสั้น 
ด้วยหวังว่า เขาคนนั้น หรือคนที่ยังอยู่นั้น เข้าใจ หรือ เสียใจกับการฆ่าตัวตายครั้งนี้


ก็เข้าใจครับว่า เวลาผิดหวังท้อแท้ มันเป็นอย่างไร
ทุกคนบนโลกนี้ ก็เคยเป็นครับ เว้นเพียงเด็กทารก เท่านั้นแหละ 

ไม่ต้องไปขุดคุ้ยอะไรมาก เกี่ยวกับสาเหตุ
เพราะคนพอรู้สึกแย่แล้ว อะไรก็แย่ไปหมด
ต้องมีคนกล่อมจิตใจ ให้กำลังใจ จนคนใกล้ๆ ก็พลอยจะจิตตกไปด้วย



แล้วทำไง ?
ด้วยความที่พอได้สัมผัสความรู้สึกของคนที่กินยาตายบ่อยๆ
ก็เลย มาประมวลความคิดออกมาได้ว่า

เมื่อรู้สึกแย่ ท้อแท้ หมดหวัง จนอยากฆ่าตัวตายนั้น 
มีเพียงตัวเราเอง ที่จะปลุก กระตุ้นให้เราได้ลุกขึ้นยืนได้ อย่างดีที่สุด
แล้วทำไง ?


ทำให้ตัวเองรู้สึกว่า ตัวเองมีคุณค่า ครับ
อ๊ะ....พูดง่าย ทำไงล่ะ ทำล่ะยากไหม ? ทำล่ะ ทำอย่างไร ?

สมมุติว่า คุณอกหักและกัน ( เพราะเจอบ่อย อกหักแล้วแดกยาตาย - ขออภัยถ้าไม่สุภาพ )
เวลานั้น คุณจะอยู่ อย่างโดดเดี่ยว คุยจะมองทางไหน ก็มีแต่ภาพเก่าๆ ความหลังอันแสนเศร้า

ทำไง ? คุณต้องหยุดที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยว
เดินครับ !!  เดินออกมาข้างนอกบ้านเลย
( ไม่ต้องร้องไห้นะ ล้างหน้าให้สะใจก่้อนออกมา เดี่ยวหมาจะเห่าหอนซะกลางทาง )



เดินออกมาพร้อมความตั้งใจที่แน่วแน่ว่า 
"การเดินออกมาครั้งนี้ เราจะช่วยเหลือ ทุกคนที่ผ่านมาในสายตา"

เดินออกมาคุณ จะพบ สองสามี ภรรยา กำลังเอาทีวีขนาดใหญ่ขึ้นรถ
คุณต้องรีบเดินเข้าไปช่วย

เดินออกมาคุณ จะพบ เศษขยะ ขวดน้ำ สารพัดขยะ ตามพื้น
คุณต้องรีบเดินเข้าไปเก็บใส่ถังขยะ

เดินออกมาคุณ จะพบ รถยนต์ที่จอดเสีย กีดขวางถนน
คุณต้องรีบเดินเข้าไป บอกเขาว่า เรามาช่วยกันเข็นหลบไหม ?

ฯลฯ


เดินออกมาคุณ จะพบ ความต้องการมากมาย ที่รอการช่วยเหลือจากใครสักคน
ใครสักคนก็ได้ ที่ไม่จำเป็นต้องรู้จัก สนิทกัน

เชื่อเถอะครับ ว่าหลังจากคุณได้ช่วยเหลือเขาแล้ว
คุณจะรู้สึกว่า ตัวเราเอง มีคุณค่ามากขนาดไหน

เดินไปเถอะครับ เดินไปช่วยคนที่ลำบากกว่าเรา 
จนกว่า เราจะมีแรง และกำลังใจ เพียงพอที่จะอยู่ด้วยตัวคนเดียวอีกครั้ง
และนั่น จะไม่นานหรอก ที่โลกจะปล่อยให้คุณอยู่อย่างคนเดียว
โลกใหม่ๆ ที่ดีกว่า กำลังรอคอยคุณ !!

กดปุ่ม Play สีเขียวๆ แล้วคุณจะบันเทิงไปกับดนตรีของพวกเขา ... EBOLA




ทางเลือก - EBOLA
 
คน - คนนั้นอาจไม่รู้ เธอมีค่าเพียงใด

คน - คนนั้นอาจไม่สน รักที่เธอให้ไป

เสียใจมากี่ครั้ง มากพอรึยัง 

น้ำตาจากเธอที่เค้าไม่เคยสนใจ
 
    คนที่เลือกทางผิด ก้อแค่เลือกทางใหม่
    ชีวิตเรา มีโอกาสเลือกเสมอ
    วันนี้มันเจ็บ ทำให้เรื่องมันจบ
    จากเขาไป
    เพื่อชดใช้ให้แก่ตัว เธอเอง

คำว่ารักอาจจะพอ  คุ้มที่เธอเสียใจ

นานมาแล้ว อาจจะมี   เรื่องดี - ดีมากมาย

ถามใจเธออีกครั้ง

นี่คือทุกอย่างที่เธอใฝ่ฝันที่เธอต้องการหรือไร

    คนที่เลือกทางผิด ก้อแค่เลือกทางใหม่
    ชีวิตเรา มีโอกาสเลือกเสมอ
    วันนี้มันเจ็บ ทำให้เรื่องมันจบ
    จากเขาไป
    เพื่อชดใช้ให้ตัวเอง สักครั้ง

คนที่เลือกทางผิด ก้อแค่เลือกทางใหม่

ชีวิตเรา มีโอกาสเลือกเสมอ

วันนี้เดินผิด เธอแค่เลือกเดินใหม่ 

ยอมเดินหนีเขาไป เพื่อชดใช้ให้ตัวเอง

ชีวิตของเธอ อย่าใช้มันเพื่อใคร

จำเอาไว้จากนี้  จนตาย

เธอเลือกเองได้เสมอ

เลือกได้แล้ว ความเสียใจ

เธอมีค่าเกินไป

ที่ให้ใครมาทำร้าย ใจเธอ 

จบมันได้แล้ว

วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เมื่ออยากขายรถคันเก่า - ขายสด & จัดไฟแนนซ์

ก็คิดซะว่า เป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่อยากจะขายรถ เพราะผู้ซื้อ มีหลากหลายขีดความสามารถในการซื้อ
เอาประสบการณ์จากรถที่ใช้อยู่เอง คันรองๆ ไม่ใช่รถหลักที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

ในช่วงตั้งแต่ปี 2008 ช่วงกลางๆปี ราคาน้ำำมันดีเซลสูงขึ้นมาก เดือน 07 ปี 2008 ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 44.24 บาท/ลิตร
ด้วยความที่ตอนนั้น ผมใช้รถ ISUZU D-Max ซึ่งใช้น้ำมันดีเซล ( แม้จะไปใช้ B5 เพราะราคาถูกกว่า ) เจอราคาน้ำมันแบบนี้ เล่นเอาไปไหนไม่เป็นเลยทีเดียว

หนทางออกทางหนึ่งของผม ก็คือการหาซื้อรถยนต์มือ 2 เครื่องเบนซิน ในราคาที่พอรับได้
อย่างน้อย เอารถมาลองขับสนุกๆ
อย่างน้อย เอามาดมแก๊ส ให้สบายใจเวลาเติมน้ำมัน หรือ แก๊ส

คันแรกเลย HONDA Civic ปี 1991 บ้างเรียกกันว่า ท้ายแดง ท้ายสองชั้น เกียร์ธรรมดา


รถคันนี้ นัดเจอ ดูรถครั้งเดียว บอกตรงๆไม่ได้ลองขับด้วย แต่ราคาและของในรถนี่ซี น่าสนใจ
เครื่อง B16A เทคเล็ก ( เครื่องเดิม รุ่นนี้ คือ คาร์บูเรเตอร์ ) เรี่ยวแรง จัดจ้านแน่นอน
โช๊คทั้ง 4 ต้น เป็นของ TEIN บอกตรงๆ ว่า ถ้าชำแหละของดีๆ ออก แล้วขายรถต่อ ยังมีกำไร
Spoiler หน้า เรียกว่า หน้า 9 ไฟใต้ไฟหลักจะ ยาวๆ หน่อย

คันนี้ได้มา ยังไม่ดมแก๊สครับ เอาไปให้ พรรคพวกของน้องชายที่ทำรถ HONDA ตรวจเช็ค พร้อมจัดการดมแก๊สซะเลย ก็เป้าหมายผม คือ ดมแก๊ส วิ่งกลับบ้านนอกอย่างสบายกระเป๋านี่นา




พอได้ใช้รถจริงๆ เริ่มหวั่นใจครับ รถมันแรงจนคอกระบะดีเซลอย่างผม หวั่นใจ
แน่นอน ปริมาณการกินแก๊ส ก็สูงตาม รถรอบจัดมาก สั่งเป็นมาตามแรงเท้า
สุดท้าย ใช้งานไม่กี่เดือน ก็ขายคันนี้ เพราะไม่ตอบโจทย์ของผมเพียงพอ
รถจอดอยู่ที่อู่พรรคพวกของน้องชาย และขายเป็นเงินสด ง่ายๆ ไม่มีปัญหา
คันนี้ ตอนซื้อมา เป็นชุดโอนลอย ผมก็ส่งชุดโอนลอยต่อให้กับผู้ซื้อได้เลย
ผู้ซื้อก็ซื้อเงินสด จบข่าว ไม่มีอะไรซับซ้อน
คนแรกที่มาดูรถ แล้วก็ โอเค ตกลงซื้อเลย

คันต่อมา MAZDA 323 New Sedan ปี 1996 เกียร์ออโตเมติก
ผมชอบรูปทรงของรถคันนี้ เพราะ รุ่นนี้ น้องชายเคยใช้มาก่อน แม้วันนี้ ผมก็ยังว่า รุ่นนี้ ยังคงสวยอยู่


รถปีใหม่ขึ้นมาอีกนอก คันนี้ ดมแก๊สมาแล้ว เพราะฉะนั้น มาถึง ใช้งานได้เลย ไม่ต้องมาเก็บมาทำอะไรอีก นอกจากล้อเดิม ที่ผมเปลี่ยนมาเป็นล้อแม็กซ์ (มือสอง)



คันนี้ เจ้าของเดิมถือว่า ดูแลมาดีมาก สภาพยังดี ทั้ง Body และเครื่องยนต์
คันนี้ ใช้งานมาประมาณ 1 ปี ลืมไปเลยว่า เวลาเข้าปั๊มน้ำมันเนี่ย เข้าไปเติมยังไง
ผมเล่น ดมแก๊สล้วนๆ 2 เดือน เข้าปั๊มน้ำมันทีนึง ถือว่าคุ้มค่ามากกับส่วนต่างน้ำมัน
จากที่ต้องใช้ดีเซล มาเป็นแก๊ส สุดท้ายก็ขายคันนี้ เพื่อหันไปมองหาคันอื่นๆ
คันนี้ ขายโดยที่ผู้ซื้อ จัดไฟแนนซ์ ผ่าน เวปตลาดรถ

** นอกเรื่องมาที่เวปตลาดรถ http://www.taladrod.com/w20/Home/Home.aspx
ผมมักจะมองๆ ดูๆรถจากเวปนี้เป็นหลัก แล้วก็ลงขายรถ ที่เวปนี้เป็นหลัก เพราะมีพวกเต๊นท์รถ เอารถมาลงน้อยกว่าเวปอื่นๆ

ตอนขายคันนี้ ผู้ซื้อมาดูรถ ตกลงกันเสร็จสรรพ ก็โทรนัดผมไปเจอส่งมอบรถ รับเช็ค+เงินสด ที่ สนง ตลาดรถเลย สถานที่ก็แถวๆ ชิดลมนู่นเลย
เรียกว่า สะดวกมากสำหรับผู้ขายอย่างผม เพราะ ลางานไปครึ่งวันบ่าย
ไปถึง ส่งเล่มทะเบียน เอกสาร รับเงินสดจากผู้ซื้อ และ รับเช็คจากตลาดรถ
จบข่าว !! ใช้เวลาไม่ถึง 3 ชม. รวมเวลาเดินทาง สำหรับผู้ขายอย่างผม
นี่ก็เป็นคนแรกที่มาดูรถ แล้วก็ โอเค ตกลงซื้อเลย

คันต่อมา เป็นรถที่ขนาดใหญ่ขึ้น NISSAN Terrano II ปี 1996 เกียร์ธรรมดา


รถคันนี้ ค่อนข้างใหญ่ครับ น้ำหนักตัวก็สองตันเข้าไปแล้ว
ไปดูรถคันนี้ กันเพื่อนอู๊ด [ Yukujung Ini - ยุกูจัง ไอ้นี่ ] ผู้ชักชวน ยุยง ให้ผมซื้อรถ 4WD เอาไว้ขับเที่ยว ตจว. และไว้ลุยๆ ด้วยกัน
คันนี้ ดมแก๊สแบบหัวฉีดมาแล้วเรียบร้อย ไม่ต้องทำอะไรอีกเช่นกัน นอกจากเก็บงานเล็กๆน้อยๆ ตามประสาคนซื้อรถมือ 2


ซื้อรถคันนี้มาช่วงก่อนน้ำท่วมปี 2554 ได้มาใช้ไม่นาน พี่ชายก็มาขับคันนี้ไปให้พ่อใช้งานที่ ต่างจังหวัดชั่วคราว เพราะรถมันสูง พอจะลุยน้ำได้บ้าง
ผมก็เลยได้ขับจริงๆ ไม่กี่ กม. จนได้พาเจ้า Terrano II ไปเที่ยวทริปประจำปีกับเพื่อนๆที่ จ. น่าน



ก่อนหน้าที่จะเดินทาง ผมแอบลงขายรถคันนี้ไว้ก่อนแล้ว และก็มีคนสนใจจะดูรถ แต่ด้วยความที่ รถอยู่กับพ่อผม เลยได้แต่เลื่อนนัดไปก่อน
ที่ต้องแอบขาย เพราะ กลัวว่า เพื่อนๆ จะโกรธ จะงอน ที่ขาย 4WD ไป 555


พอกลับมาจากทริปที่ไปน่าน ก็นัดเจอผู้ซื้อรถ เพื่อดูรถ
หลังจากนัดดูรถ ก็ตกลงราคากันเรียบร้อย ผู้ซื้อโอนเงินสดเข้าบัญชีผมเลย
คันนี้ เรียกว่า ขายง่ายดายมาก ไม่เสียเวลาอะไรมาก นอกจากการต่อรองราคา
นี่ก็เป็นคนแรกอีกเช่นกัน ที่มาดูรถ แล้วก็ โอเค ตกลงซื้อเลย

คันต่อมา เป็น SUZUKI Vitara 3D ปี 1993 เกียร์ธรรมดา


หลังจากที่ปล่อย Terrano II ไปแล้ว ก็หันมามองรถที่เฝ้ามองมันอยู่เกือบ 20 ปี
Vitara 3D เครื่องเดิมปกติ จะเป็นเครื่องคาร์บูเรเตอร์ และด้วยรูปทรงอันกระทัดรัด ปราดเปรียว
รุ่นนี้ผมถึงมองว่า มันสวย ลงตัว และแข็งแกร่ง อยู่ในคันเดียวกัน
รถคันนี้ได้มา เครื่องถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องหัวฉีด (ที่อยู่ในรุ่น 5 ประตู)


ดมแก๊สมาเรียบร้อยแล้ว แต่เป็นถังขนาดเล็กกระจิ๋ว 25 ลิตร
ผมเลยจัดการมาเปลี่ยนเป็นถังผอมยาว 64 ลิตรแทน เพื่อการเดินทางไกลกับเพื่อนๆ
ล้อเดิมๆ ก็เปลี่ยนเป็นล้อแมกซ์ JRD (แน่นอน....มือสอง)


Body รถเดิมๆ ดูไม่ดุดัน เลยใส่คิ้วล้อ ( เอาไปช่วยกันใส่บ้านเพื่อนอู๊ด [ Yukujung Ini ] เจ้าเดิม )
รูปร่าง และ กำลังของรถ ดูลงตัว - ความเห็นส่วนตัว


คันนี้ ลงประกาศขายในเวปตลาดรถ ที่เดียว เหมือนเดิม
มีผู้สนใจโทรฯ มาถามกันมากมาย แถมบางรายอยากได้ล้อเดิม ให้หาเปลี่ยนให้
เอ่อ.....ยังไม่มาดูรถ ยังไม่ตกลง ยังไม่จ่ายเงินจอง จะให้ผมทำนู่นทำนี่ คงไม่ได้ละครับ



และความที่ผมทำงานประจำ ก็เลยมีเวลาให้ดูรถได้วันเดียว คือวันอาทิตย์
ใครอยากมาดู สะดวก ก็โทรนัดมา ไม่พร้อม ไม่สะดวก ก็ผ่านไป ก็เท่านั้น
จนมีรายแรกที่มาดูรถจริงๆ ก็ตกลงโอเคกัน แต่เขาขอจัดไฟแนนซ์ ซึ่งผมก็ไม่ซีเรียส


ก็ถือว่าเป็นโชคดี ที่การซื้อ-ขายรถ ในแต่ละคัน ไม่มีครั้งไหนที่ขาดทุน หรือเจ็บตัว
อาจจะมีกำไรนิดๆหน่อยๆ พอที่จะทำให้สบายใจในการเล่นรถมือสอง

เป้าหมายต่อไป จะเป็นรถอะไรดี ???



ขั้นตอนการจัดไฟแนนซ์รถเก่า (มากๆ ปี 1993 ไฟแนนซ์ไม่ค่อยจัดรถเก่ามาก)

1. ผู้ซื้อตกลงราคากับผู้ขาย เท่าไร ก็ว่ากันไป
2. นัดกัน เอารถมาให้ให้ไฟแนนซ์ถ่ายรูป ทำเรื่องขอจัดไฟแนนซ์ ส่วนใหญ่ก็ที่เต๊นท์รถน่านแหละ ผู้ขาย เตรียมสำเนารถนะครับ อย่าเพิ่งให้เล่มทะเบียนไปก่อนล่ะ
3. รอไฟแนนซ์จัด ทำเรื่องว่าผู้ซื้อ ผ่าน / ไม่ผ่าน ส่วนผู้ขาย นั่งเกาสะดือรอ หรือ ดำรงชีวิตปกติ ขั้นตอนนี้ น่าจะใช้เวลาประมาณ 3-5 วันทำการ
4. เมื่อเรื่องผ่าน ทางเต๊นท์จะนัดให้เอาเล่มทะเบียนมาให้ เพื่อทำเรื่องโอนเป็นชื่อไฟแนนซ์ (ส่วนใหญ่ก็จะโอนนอก- คือไม่ต้องเอารถไปโอนน่านแหละ)
5. เมื่อไฟแนนซ์โอนเสร็จ ก็ราว 3 วันทำการ ก็จะส่งเช็คมาให้ทางเต๊นท์ เพื่อโอนเข้าบัญชีผู้ขาย หรือนัดกันมารับเช็คที่เต๊นท์
6. ผู้ซื้อจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้ผู้ขาย แล้วจึงส่งมอบรถกัน หากจัดไฟแนนซ์ได้เต็ม ก็ไม่ต้องเตรียมเงินสด
7. ผู้ซื้อ ได้รถ พร้อมหนี้สิน จริงๆ ได้หนี้ตั้งแต่ทำเรื่องจัดไฟแนนซ์แล้วละ
8. ผู้ขาย ได้เงินสด จากผู้ซื้อ และเช็คจากไฟแนนซ์ หรือ ผ่านเต๊นท์รถที่จัดไฟแนนซ์

คร่าวๆ ก็จะแบบนี้ อาจจะมีแตกต่างกันนิดๆ หน่อยๆ ต่างกรรม ต่างวาระ
จะว่าไปแล้ว ก็ 2 อาทิตย์เลยนะเนี่ย
ถ้าจะซื้อรถมือสอง ปีใหม่ๆหน่อย ก็แนะนำว่า ตลาดรถดอทคอม นี่ละครับ
รวดเร็ว ทันใจทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย ไม่ต้องรอนานอย่างผม ( ที่ขาย Vitara นี่ละครับ )
ขอให้โชคดีครับ กับรถมือสอง ( สาม สี่ .... ) ที่คุณๆ ท่านๆ จะซื้อ

วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

I almost forgot : เกือบจะลืมไปหมดแล้ว (เชียว)


I almost forgot - Matthew Sweet : ภาคแปล



You would never turn around
เธอไม่ควรจะหวนกลับมาอีก
You're laughing at everything that's bringing me down
ตราบที่เธอยังยิ้มได้ จากการที่ทำให้ฉันเจ็บปวด
Did you say you loved me?
เธอเคยบอกใช่ไหม ว่ารักฉัน
I almost forgot, I almost forgot
ฉันเกือบจะลืมอดีตได้หมดแล้วเชียว

That I will never be free
ฉันไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตมีอิสระเลย
There'll always be something
ความรู้สึก และภาพต่างๆของเรา
Stuck inside of me
ยังคงเป็นปมติดอยู่ในใจ
Did you say you felt that?
เธอยังคงรู้สึก เหมือนที่ฉันรู้สึกบ้างไหม

I almost forgot, I almost forgot  
ฉันเกือบจะลืมอดีตได้หมดแล้วเชียว
I almost forgot, I almost forgot  ฉันเกือบจะลืมอดีตได้หมดแล้วเชียว
I almost forgot, I almost forgot  ฉันเกือบจะลืมอดีตได้หมดแล้วเชียว

You knew me
เธอน่ะ รู้จักฉันดี
Changed my name
ว่า (การจากไปของเธอ ) มันเปลี่ยนแปลงตัวฉันไป
If love leaves us for a moment
แม้การจากกันเพียงชั่วเวลาสั้นๆ
Is it gone forever?
นั่นแปลว่า เราจะจากกันตลอดไปแล้วใช่ไหม

Make up your mind
ตั้งใจฟังให้ดีๆ
But then you should never have to choose
แม้เธอเอง ที่สุดแล้วก็ต้องเลือกที่จะจากกัน
Whenever you win, you know
เมื่อใดก็ตามที่เธอเข้าใจอะไรมากขึ้น เธอจะรู้ว่า
I'm wishing you'd lose So you know I love you
ฉันยังหวังให้เธอลืมเรื่องร้ายในอดีตของเรา  เมื่อรู้ว่า ฉันยังรักเธอมากเพียงใด

I almost forgot, I almost forgot  ฉันเกือบจะลืมอดีตได้หมดแล้วเชียว
I almost forgot, I almost forgot  ฉันเกือบจะลืมอดีตได้หมดแล้วเชียว
I almost forgot, I almost forgot  ฉันเกือบจะลืมอดีตได้หมดแล้วเชียว



ก็ไม่รู้เป็นอะไร หลงไหลกับ Sound ดนตรี ของ Matthew Sweet เหลือเกิน
แต่ไอ้หมอนี่ ก็ไม่ค่อนจะดังเปรี้ยงปร้างกับเขา
อาจจะเป็นเพราะ ช่วงเวลา จังหวะ ของการออกผลงาน ไม่ค่อยเป็นใจเอา
หรือว่า สิ่งที่หมอนี่ทำอยู่ มันอาจจะยังไม่ดีพอ ?

วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2555

คัมภีร์ที่ประกอบกันเป็นพระเวท

คัมภีร์พระเวท (สันสกฤต: वेद) โดยทั่วไปถือว่าเป็นคัมภีร์ใน ศาสนาพราหมณ์ฮินดู หากกล่าวโดยเฉพาะลงไป หมายถึง บทสวดต่างๆ ที่เกี่ยวกับความเชื่อของชาวอินโดอารยัน หรืออาจเรียกได้ว่าศาสนาพราหมณ์ฮินดู 
โดยมีการรวบรวมเป็นหมวดหมู่ในชั้นหลัง คำว่า 
“เวท” นั้น หมายถึง ความรู้ มาจากธาตุ “วิทฺ” (กริยา รู้) แต่ไม่ใช่ความรู้ที่เกิดจากภูมิปัญญาของมนุษย์ แต่เป็น  "ศรุติ"  คือคำสั่งสอนของพระเป็นเจ้าที่ถ่ายทอดให้แก่เหล่าฤๅษีอินเดียในสมัยโบราณ ไม่มีผู้เป็นปฐมาจารย์ของคัมภีร์พระเวท

คัมภีร์พระเวท ประกอบด้วยคัมภีร์ 4 เล่ม ได้แก่ 
ฤคเวท (Rgveda) ใช้สวดสรรเสริญเทพเจ้า  
สามเวท (Samaveda) ใช้สำหรับสวดในพิธีกรรมถวายน้ำโสมแก่พระอินทร์และขับกล่อมเทพเจ้า 
ยชุรเวท (Yajuraveda) ว่าด้วยระเบียบวิธีในการประกอบพิธีบูชายันและบวงสรวงต่างๆ และ  
อาถรรพเวท (Atharvaveda)ใช้เป็นที่รวบรวมคาถาอาคมหรือเวทมนตร์



ความเห็นส่วนตัว [ Natt C. ] : นี่เป็นเพียงเนื้อหาเบื้องต้นของ คัมภีร์พระเวท 
ก่อนจะเป็นคัมภีร์ 4 เล่มในคัมภีร์พระเวทนั้น มาจากงานเขียน 4 ประเภท 
ติดตามจากด้านล่างได้เลย 

คัมภีร์ทางศาสนาของอินเดียที่ประกอบกันขึ้นเป็นพระเวทนั้น
ประกอบด้วยงานเขียน 4 ประเภท คือ
1. มันตระ
2. พราหมณะ
3. อารัณยกะ
4. อุปนิษัท

-------------------------------------------
มาว่ากันทีละประเภทกันครับ

1. มันตระ (ภาษิต, บทเพลง, มนตร์) จัดว่าเป็นคำประพันธ์ที่เก่าที่สุดของวรรณคดีพระเวท เป็นคัมภีร์ของศาสนาพราหมณ์ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นศาสนาฮินดู
คัมภีร์นี้ไม่ปรากฏผู้แต่งและเวลาแต่ง สันนิษฐานว่าเริ่มแต่งขึ้นประมาณ 1500 ปี ก่อนคริสตกาล และท่องจำเล่าสืบต่อกันมาโดยไม่มีการเขียน



ต่อมาได้มีการรวบรวมเข้าด้วยกัน โคลงกลอนซึ่งประกอบเป็นพระเวทนั้นใช้สำหรับร้องสรรเสริญบูชาเทวดาในพิธีบวง สรวงเทพยดา ซึ่งคงจะเป็นเทพยดาประจำเผ่า นอกจากนี้ยังใช้ท่องบ่นในพิธีแต่งงาน พิธีศพมันตระประกอบด้วยคัมภีร์ 4 เล่ม คือ


          - ฤคเวท (Rgveda) จัดว่าเป็นคัมภีร์ทางศาสนาที่เก่าที่สุดในโลก รวบรวมเอาบทสวดแด่เทพยดาต่างๆ เข้าไว้ คงจะเป็นการรวบรวมบทสวดของเผ่าต่างๆ เข้าด้วยกันจึงมีการกล่าวถึงพระเจ้าหลายองค์ โดยมิได้ระบุอย่างแน่ชัดว่าองค์ใดเป็นประมุขของทวยเทพ
บทสวดเหล่านี้จะถูกจดจำสืบต่อกันมาหลาย ชั่วอายุคน โดยไม่มีการหลงลืมหรือบิดเบือน เนื่องจากความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรมและความศักดิ์สิทธิ์ของคำสวดทุกพยางค์ จนกระทั่งมาถึงเมื่อประมาณศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาลจึงมีการจดบันทึกฤคเวทลงเป็นลายลักษณ์อักษร

คัมภีร์ฤคเวทนี้ถือว่าเป็นคัมภีร์ของพวกนักบวชอย่างแท้จริงเพราะ นอกจากจะเป็นผู้แต่งขึ้นแล้วก็ยังเป็นผู้ใช้ในการประกอบพิธีกรรมสังเวยเทพยดาอีกด้วย


          - สามเวท (Samaveda) แต่งขึ้นเพื่อรวบรวมบทสวดที่เลือกมาจากฤคเวท เพื่อประโยชน์ในการสวดเท่านั้น จึงไม่ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับพวกอารยันนอกเหนือไปจากที่ฤคเวทได้ให้ไว้


          - ยชุรเวท (Yajuraveda) คัมภีร์นี้รวบรวมมนตร์ที่นักบวชประเภทหนึ่ง ต้องท่องในการประกอบพิธีกรรม ซึ่งประพันธ์ไว้เป็นทั้งร้อยกรองและร้อยแก้ว
คัมภีร์นี้เองที่เป็นต้นเค้าให้แก่คัมภีร์พราหมณะ เพราะมีอยู่ด้วยกันหลายฉบับ  
"ฉบับดำ : กฤษณ " คือตัวมนตร์กับคำอธิบายอย่างสังเขปในการประกอบพิธี 

"ฉบับขาว : ศุกล" เป็นการอธิบายอย่างละเอียดถึงเนื้อหาแห่งพิธีกรรม ตลอดจนเหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง การประกอบพิธีแต่ละขั้นตอน
"ฉบับขาว" นี้เรียกว่า พราหมณะ (เข้าใจว่ามาจากคำ พรหมะ ในฤคเวทซึ่งมีความหมายหนึ่งในหลายๆ ความหมายว่า "สาระแห่งการสวด" ดังนั้นผู้ทำการสวดจึงถูกเรียกว่าพราหมณ์)

ในบรรดาพระเวททั้งสามซึ่งบางทีเรียกว่า ไตรเวท จะสะท้อนให้เห็นถึงความคิดพัฒนาการของความคิดในหมู่อารยันชั้นสูง ซึ่งมีนักบวชเป็นผู้นำ แต่เนื่องจากพวกอารยันมีหลายเผ่า จึงทำให้บางกลุ่มไม่ยอมรับความเชื่อที่ปรากฏในฤคเวท
นอกจากนี้การที่พวกอารยันอพยพเข้ามาอยู่ในดินแดนของชนชาติอื่น ย่อมเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะต้องปรากฏลักษณะความเชื่อของผู้คนดั้งเดิมอยู่บ้าง จะถือเอาไตรเวทเป็นตัวแทนของความเชื่อทั้งหมดไม่ได้ ดังนั้นคัมภีร์เล่มสุดท้ายของมันตระคือ อาถรรพเวท นี้จึงมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ด้วยเหตุดังกล่าว


          - อาถรรพเวท (Atharvaveda) รวบรวมขึ้นหลังฤคเวท บรรจุเรื่องราวของ การสาป-การเสก การท่องมนตร์ที่เป็นคำประพันธ์ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความเชื่อผีสางเทวดาแบบง่ายๆ และ เรื่องไสยศาสตร์ ที่ไม่ลึกซึ้งเหมือนอย่างเรื่องราวที่ปรากฏในฤคเวท จึงเหมาะสำหรับคนที่มีระดับวัฒนธรรมต่ำกว่าคนที่เชื่อในฤคเวท
 เข้าใจว่าอาถรรพเวทสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของประชาชนส่วนใหญ่ จึงมีร่องรอยของวัฒนธรรมที่ไม่ใช่อารยันผสมผสานอยู่อย่างมาก

ความเห็นส่วนตัว [ Natt C. ] : ในเรื่องของการสาป-การเสก ปรากฎในเรื่องราวของมหาภารตะยุทธเยอะมาก จะเรียกได้ว่า การสาป เป็นสิ่งรุนแรงมาก การจะแก้ หรือ ถอนคำสาปนั้น ยากมาก

2. พราหมณะ ปลายสมัยพระเวทความสำคัญของตัวพิธีกรรมสังเวยเทพยดามีมากขึ้น ในขณะที่ตัวเทพยดากลับลดความสำคัญลง จึงเกิดคัมภีร์เพื่ออธิบายความหมายของพิธีกรรมต่างๆ ที่ปรากฏในพระเวท คัมภีร์พราหมณะแต่งขึ้นราว 800-600 ปี ก่อน ค.ศ. ซึ่งยังเป็นผลงานของนักบวช (พราหมณ์) ดังนั้น จึงสอดคล้องกับหลักการใหญ่ๆ ของพระเวท คือ เน้นการกระทำสังเวยแก่เทพยดา 
อย่างไรก็ตามคัมภีร์พราหมณะก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในความคิด เกี่ยวกับศาสนาอยู่เหมือนกัน

3. อารัณยกะ หรือหนังสือคำสอนสำหรับใช้ในป่า ซึ่งเป็นภาคผนวกของพราหมณะ มีภาษาสำนวนและแม้แต่เนื้อความคล้ายกับพราหมณะ แต่ให้ความสนใจแก่ความหมายของพิธีกรรมและความหมายในสัมหิตา มากกว่าพราหมณะที่สนใจแต่กฎเกณฑ์ของการประกอบพิธีกรรม

4. อุปนิษัท ในปลายสมัยพราหมณะ ความเชื่อทางศาสนาของพวกพราหมณ์ไม่เป็นที่เพียงพอแก่สภาพของประชาชนอินเดีย ซึ่งได้ผ่านความเปลี่ยนแปลงในทางการเมือง และสังคมไปมากแล้ว
ความไม่รู้สึกเพียงพอต่อคำอธิบายทางศาสนาในพระเวท และพราหมณะนี้ทำให้อินเดียก้าวเข้าสู่ยุคหนึ่ง ของการคิดค้นทางด้านศาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก
คัมภีร์อีกประเภทหนึ่งเริ่มปรากฏขึ้นเรียกว่า อุปนิษัท
ความสนใจของคัมภีร์ประเภทนี้มิใช่อยู่ที่พิธีสังเวยอีกต่อไป แต่อยู่ที่การคิดค้นหาทางอภิปรัชญาอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะการค้นหาทางแห่งความหลุดพ้นโดยสิ้นเชิงจากการเวียนว่ายตายเกิด
ในสมัยนี้มีคนจำนวนมากออกกระทำทุกขกริยา หรือมิฉะนั้นก็ออกไปแสวงหาสมณธรรมตามป่าเขา โดยตัวคนเดียวบ้างเป็นหมู่คณะบ้าง แล้วเที่ยวประกาศคำสอนอย่างใหม่ในที่ต่าง ๆ
คำสอนนี้แม้ว่าจะมีความสำคัญต่างไปจากพระเวท แต่ก็หาได้ปฏิเสธพระเวท แต่ก็ยังไม่ยอมรับความสำคัญของ พิธีกรรมสังเวยเทพยดาของพราหมณ์อยู่ เป็นแต่เพียงไม่เห็นว่าจะเป็นช่องทางนำไปสู่ความหลุดพ้นเท่านั้น
คำสอนของอนาคาริกหรือขอเรียกง่าย ๆ ในที่นี้ว่า ฤษี เหล่านี้รวมเรียกว่าอุปนิษัทซึ่งแปลว่าการเข้ามานั่งใกล้ (เพื่อรับการสอน)
อุปนิษัท ที่แต่งรุ่นแรก ๆ เป็นร้อยแก้ว อธิบายคำสอนอย่างสั้น ๆ ด้วยบทสนทนาซักถาม
อุปนิษัทรุ่นหลังแต่งเป็นคำประพันธ์ก็มี ถึงแม้อุปนิษัททั้งหลายไม่เกี่ยวเนื่องกันเอง (เพราะรวบรวมจากคำสอนของคนหลายกลุ่ม) และไม่มีเอกภาพแต่มีสาระสำคัญตรงกันในด้านคำสอน

ความเห็นส่วนตัว [ Natt C. ] : ต้องออกตัวก่อนว่าเรื่องการศึกษาพระเวท ไม่เกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์ หรือ มนตร์ดำ หรือ การเข้าทรงเป็นเทพไหนๆ 
การเข้าทรงเป็นการประโลมโลก หรือลวงให้คนจิตอ่อนแอ (ในช่วงเวลานั้นๆ) คล้อยตามสิ่งที่ร่างทรงอวดอ้าง ร่างทรงใดแน่จริง ก็ำจงทำนายขนาดรองเท้า และจำนวนรองเท้าในตู้รองเท้าของผมทีเถอะ ทายถูก จะไปสักการะ ท่านถึงที่เลย.....ขอท้า...!! 

ลิงค์ด้านล่างเป็นลิงค์รวบรวมข่าวร่างทรง...เชิญทัศนา...
http://www.siamganesh.com/devils10.html
 
Source : Wikipedia , http://www.siamganesh.com , mahakali.org , http://www.phrasiarn.com