ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เมื่อครู ขอเชิญผู้ปกครอง ครั้งแรก เริ่มนับหนึ่งละ

สายๆ ของ 24 สิงหาคม 2011 มีสายโทรฯเข้ามา
แม่ของลูก นั่นเอง เห็นเบอร์นี้ แสดงว่า มีปัญหา (อีกแล้ว) ไม่รู้ คราวนี้ จะแนวไหนดี


"ครูของลูก อยากพบผู้ปกครอง วันนี้ ตอน 16:00 น." เสียงผ่านทาง Android Phone
"ลูกไม่ส่งการบ้านครู หลายงานเลย ไปเจอครู จะได้รู้ว่า ใครโกหกกันแน่"

ก่อนไป ผมโทรฯคุยกับผู้ปกครองท่านอื่นๆ
(อย่าลืม ว่าผมเป็น ประธานเครือข่ายผู้ปกครอง ของห้อง เลยมีเบอร์ ที่อยู่ ทุกคน)
ถามรายละเอียดของการเช็คงานของนักเรียน ทางเน็ต ว่า ครู ใช้ผ่านเวปอะไร อย่างไร
แล้วอะไำรบ้างที่ลูกตกค้างอยู่
สายๆ ของวัน ผมสมัครไปในเวปของครู แล้ว Login เข้าไปดูรายละเอียด
เพื่อจะได้รู้ว่า มีอะไรบ้างที่ต้องปรับปรุง ในงานของลูก



ในรายงาน ปรากฏว่า มีงานค้างหลายช่องมาก
นี่แค่วิชาเดียว เท่านั้นนะ
แต่เท่าที่ถาม และได้พิมพ์รายงานให้ลูก ก็น่าจะตกค้าง วิชาเดียวนี่แหละ
ที่ต้องทำแล้วแสดงผล ทางเวปของครู ผ่านทาง Socialgo

โลกยุคปัจจุบันมีเทคโนโลยี ต้องรู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์
ทั้งครู และ นักเรียน ยอมรับว่า เด็กนักเรียนสมัยนี้ เก่งตามครู
มีการสร้างไฟล์ Powerpoint , Clip ลงโพสในเวปฝากไฟล์ต่างๆ
ยุคสมัยที่ผมเรียน คอมพิวเตอร์ ยังไม่รู้จักเลย ....



ถึงเวลานัด ผมไปพบครูตามที่นัดกันไว้
ก็เล่าปูมหลัง เรื่องพื้นฐานให้ครูฟังด้วย เพราะ ครูจะได้เข้าใจ และเห็นชัดเจนขึ้น
หลังจากนั้น ก็เรียกลูกมานั่งคุยด้วยกันกับครู
ทบทวนงานที่ตกค้าง สิ่งที่ลูกสัญญากับครู
ส่งงานที่ตกค้าง ภายในวันพุธหน้า (แต่พ่อขอให้ส่งให้พ่อวันจันทร์ เพื่อตรวจดูก่อน)
หลังจากวันนี้ พักเที่ยง และเย็น ให้มาที่ห้องครู เพื่อเคลียร์งานให้เสร็จ
สมัครในเวปของครู เพื่อดูผลของงาน และ Update สถานะของงานของตัวเอง และเผื่อเตือนเพื่อนๆได้

20:00 น. ลูกสมัครในเวปของครูแล้ว
สิ่งที่ทำให้พ่อ ยิ้มได้ คือ หน้า Profile ของลูก ใส่เพลงฤดูร้อน - Paradox
เมื่อเวลาเปิดหน้า Profile ของเขา จะมีเพลงนี้ดังขึ้น

ส่วน Profile ของพ่อน่ะหรอ คนบนฟ้า - Paradox



ส่วนของพ่อ คงมีเรื่องของการสร้างพัฒนาการที่ดี ให้เขาโต
ครูบอกว่า ลูกยังเด็ก ยังไม่พร้อมจะช่วยตัวเองได้เต็มที่
นั่น ต้องโทษพ่อละ ที่มีเวลา พัฒนาเขาน้อยไป
ประมาณ กลางเดือนหน้า เราคงได้อยู่ด้วยกันละลูก
รอบ้านข้างโรงเรียนลูกเสร็จ เราจะย้ายไปอยู่ด้วยกัน
เติบโต ในแบบของพ่อ อาจจะหยาบกร้านไปบ้าง
แต่ถึงเวลาแล้ว ที่ลูกต้องเติบโต ในวิถีแห่งเรา พ่อ - ลูก

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Securing Flat Rack Container

แรกเริ่มเลย ตั้งใจว่าจะเอา ส่วนหนึ่งของบทเรียนที่สอนลูกน้องในทีมงานมาลงเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ได้ศึกษา ซึ่งมันเป็นภาษาอังกฤษล้วน
แต่คิดไป คิดมา ทำมัน 2 ภาษาร่วมกันไปเลย น่าจะดีกว่า

เพราะเรื่องพวกนี้ มันไม่มีสอนในตำรา หรือ สถาบันไหน ต้องค้นคว้าข้อมูล ทดสอบ รวมทั้งประสานงานกับสายเรือ ที่จะต้องรับตู้ Container พวกนี้ลงเรือ

จริงๆ แล้ว ก่อนที่จะมาเป็นขั้นตอนนี้ มันมีขั้นตอนในส่วนของการทำ Lashing Plan เพื่อส่งให้ Agent ของสายเรือตรวจ และ Approve ก่อน ว่า Plan นั้น มั่นคง แข็งแรง ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม หรือไม่ ?

ว่างๆ จะลงงานแนวๆ นี้ มาให้เป็นข้อมูล สำหรับคนที่เลือกจะทำงานที่เกี่ยวกับสินค้าหนักๆ
จะว่าไป มันก็ "มันส์ดี"


Flat Rack Container :

When receive and check Flat Rack Container, Must check Max Gross Weight ( at floor of Flat Rack )

เมื่อได้รับตู้ Flat Rack Container มา สิ่งที่จะต้องดูคือ Capacity ของตู้ Flat Rack นั้นๆ ว่ารองรับสินค้าที่เราจะวางบนตู้นั้นๆได้ไหม เพราะตู้ Flat Rack แต่ละตู้ แต่ละ Agent มี  Capacity ต่างกัน

อีกเหตุผลหนึ่ง คือ คนจองตู้ อาจจะไม่รู้ว่าต้องดู หรือ สั่งตู้ที่มี Capacity เท่าไร  





ถ้าตู้ Flat Rack รับน้ำหนักสินค้าที่จะบรรจุไม่ได้ "อย่าฝืน" ไม่คุ้มค่าความเสียหายแน่ๆ เพราะ Machine หรือ Mold บางอย่าง ราคาหลายร้อยล้าน
 
 
Picture : Show Max Gross Weight , Tare Weight and Net Weight to load for this Flat Rack. 

ตู้ Flat Rack บางแบบ จะมี ช่องสำหรับใส่เสา เพื่อกันสินค้าเคลื่อน แต่ปกติ ก็ไม่ค่อยใช้กัน เพราะว่า สินค้าที่จะใส่ Flat Rack นั้น ขนาดก็จะกว้างเกินขอบตู้อยู่แล้ว 

Another Flat Rack different point and weight.





Picture : Show the hoop cannot lashing at this point.

Check around container, Where lashing point ?


ก่อนที่จะวางสินค้า จะต้อง Plan ดูว่า จุดที่จะ Securing สินค้ากับตู้ อยู่จุดไหน วางให้เหมาะสมกับจุดยึด และ Balance ของตู้
จุดใดควรยึด จุดใดไม่ควร ต้องดู เพราะ Capacity ต่างกัน



เรื่อง Balance เป็นเรื่องสำคัญ เพราะสินค้าน้ำหนักมาก ถ้าวางไม่ได้ Balance ก็จะทำให้เมื่อเวลายกตู้ Container ตู้จะเอียง และเสี่ยงต่อสินค้าเลื่อนไหล หลุดจาก สิ่งที่เราได้ Securing ได้

 
Some hoop isn’t lashing point. Because securing weight not enough to lashing.

บางจุด ไม่ใช่จุดที่จะ Securing ช่องนี้ สำหรับใส่ไม้ เพื่อช่วยกันสินค้าไม่ให้เคลื่อนตัว กรณีที่สินค้ามีความกว้างพอดีกับตู้
แต่ปกติ ก็จะกว้างกว่าตู้อยู่แล้ว ไม่งั้นจะเสียเงินใช้ตู้ Flat Rack เร๊อะ.....555






Picture : Show the hoop cannot lashing at this point.
Before load cargo to Flat Rack, Must check
# Lashing Plan
# Calculate center weight
# Lashing Point at cargo 


Picture : Mention about Lashing Hoop secure at 5000 Kgs. 

Some Flat Rack cannot support 5000 Kgs., Must check before lashing.

บางตู้ก็จะมีป้ายบอก ว่า จุดยึดต่างๆ รองรับได้ 5 ตัน 

นั่นหมายความว่า ตู้ Flat Rack ที่มีจุดยึด ยิ่งมาก ยิ่งดี เพราะจะทำงานง่าย
บาง Agent บางสายเรือ ตู้ Flat Rack มีจุดยึด น้อยมาก ที่เจอบ่อยๆ คือ MOL ไม่รู้จะหวงจุดยึดไว้ทำไม ทำมันไว้เยอะๆ ยิ่งปลอดภัยน่า.....


Agent ที่ทำตู้ Flat Rack ได้ถูกใจมากๆๆๆๆ คือ NYK มีจุดยึดเพียบ แถมยังมีห่วงที่กลางตู้ เผื่อกรณีที่สินค้ากว้างไม่เกินกว่าขอบตู้ น่ากอดจริงๆ เลย คนทำตู้แบบนี้เนี่ย......


Picture : Lashing Ring or Lashing Hoop.
Normally, Lashing at lowest hoop.

ตู้บาง Agent จะมีจุดยึดเยอะ แต่ดันมีเยอะแบบไม่ได้ประโยชน์เต็มที่ 
จุดยึดควรจะกระจายกันอยู่หลายจุดตามแนวของตู้ Flat Rack ไม่ใช่กระจุกตัวรวมกันแบบนี้
ถ้าจุดยึดแบบนี้ ควรยึดที่ตำำแหน่งล่างสุด







Picture : Lashing Point on floor of Flat Rack
Some Flat Rack have lashing ring on the floor. It’s better for small cargo but heavy weight.

นี่ละตู้ NYK ของโปรด พื้นตู้มีจุดยึดให้เพียบ ดีสำหรับสินค้าที่มีขนาดเล็ก เพราะสามารถยึดที่พื้นได้เลย ไม่ต้องยึดกับจุดยึดข้างตู้
น่ารัก น่ากระโดดกอดจริงๆ ตู้ Flat Rack แบบนี้


Picture : Lashing Hoop of Flat Rack may different depend on Flat Rack Agent.

จุดยึดของตู้ Flat Rack มีหลายแบบ ในภาพก็เป็นแบบห่วงสามเหลี่ยม ยึดด้านบนของพื้น
บางตู้จะอยู่ด้านล่างของพื้นตู้ แต่ไม่มีปัญหา ขอแค่เป็นจุดยึดที่รับได้ 5 ตัน/จุด เป็นพอ







ยังมีเรื่องราวอีกมากมาย ร่ายมาคร่าวๆก่อน กำลังทำเป็นฉบับสมบูรณ์ เสร็จแล้วจะฝากไฟล์ไว้เป็นความรู้ กับคนรุ่นต่อๆไป



Lashing Material :

   

Picture : Ratchet Strap 
Capacity : 5 Tons.

Belt ขนาด 5 ตัน
ผมเริ่มใช้แบบนี้ แทนที่สลิง 16 มม. มาได้ 2-3 ปีแล้ว เพราะสะดวกกว่ากันเยอะ และสายเรือต่างๆ ยอมรับ ยกเว้น K Line รายเดียว







Picture :         

Wire Rope 16 mm. 
ลวดสลิง 16 มม.
Breaking Load         18,400 Kgs.

Clip 16 mm.  
คลิปยึด 16 มม.
Peak Load                   3,300 Kgs.

Eye & Eye Turnbuckle 
เกลียวเร่ง แบบห่วง 2 ด้าน
Peak Load                   5,400 Kgs.



Picture : Block with Wooden.

การยึดส่วนที่เหลือด้วยไม้ จะต้องตีค้ำกับผนัง
ส่วนรูปแบบการวางไม้ เพื่อยึด ต้องดูหลายแบบ 

ว่างๆ (อีกแล้ว) จะเอามานำเสนอ











Tip & Trick ?
# Size of Wire Rope or another material …. Depend on 
ขนาดของลวดสลิงที่ใช้ ขึ้นอยู่กับ
@ Cargo Weight and/or Loading Weight of Cargo per M2.
น้ำหนักสินค้า เฉพาะ Package นั้นๆ และภาพรวมทั้งหมด

@ Cargo Size over width or not ? If over width, Breaking Load of material will reduce from standard.
ขนาดสินค้า กว้างเกินขอบตู้มากน้อยขนาดไหน ? ยิ่งขนาดกว้างเกินขอบตู้มากเท่าไร ความสามารถในการยึดของอุปกรณ์ ยิ่งถดถอยลง

@ Center weight of Cargo.
ศูนย์กลางของน้ำหนักของสินค้า อยู่ที่ไหน ต้องดูประกอบกัน ในการวางสินค้าลงตู้ Flat Rack

@ Customer must approve lashing plan before work.
Agent สายเรือ ต้องยอมรับ Lashing Plan ก่อนทำงาน

@ Some Vessel Agent accept Ratchet Strap , Not all agent.
บางสายเรือ ไม่ยอมรับ Belt ในการยึดสินค้ากับตู้ Falt Rack

@ K Line not accept Ratchet Strap.
ก็ K Line นี่แหละ ที่ไม่ยอมรับการใช้ Belt ยกเว้น มีการขอยกเว้นโดยทีมของ K Line เอง

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คนบนฟ้า - Paradox



 
 
 
Paradox - คนบนฟ้า
คำร้อง/ทำนอง    อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา
เรียบเรียง           Paradox








ในมือของฉันนั้นมีดอกไม้
แต่ฉันไม่รู้จะไปให้ใคร
เพราะว่าฉันไม่มีจุดหมาย
มันไม่มีเธออยู่ตรงนี้

ในมือของฉันนั้นมีความฝัน
แต่ฉันจะฝันไปเพื่ออะไร
ฝันก็ฝันไม่มีความหมาย
มันไม่มีใคร ยังคงเหงา

บทเพลงรัก ยังคงร่ำร้อง
จากคนเหงา คนที่ยังหม่นหมอง
คนที่ยังตามหา ใครจะมาจับจอง
ให้ฉันได้มีความสุข กับวันที่สวยงาม
วันที่ฟ้า เปลี่ยนเป็นสดใส
วันที่รักฉันนั้นมีความหมาย
วันที่เคยเงียบเหงา จะเป็นวันสุดท้าย
หากฉันได้มีเธออยู่ และเดินไปด้วยกัน ก็ขอให้มีจริง

ในมือของฉันนั้นมีความรัก
และฉันก็หวังว่าคงสักวัน
นับถอยหลังเพื่อรอวันนั้น
วันที่มีเธอ อยู่ตรงนี้ ข้างกัน

คนที่ฟ้าส่งมาให้ฉัน
คนคนนั้นจะเป็นคนแบบไหน
คนที่เดินตากฝนกันจนวันสุดท้าย
ร้องไห้มีความสุข ใต้เงาพระจันทร์
คนน่ารัก คนที่อ่อนไหว
คอยบอกรัก จุ๊บ จุ๊บก่อนนอน
คนที่คอยดึงหู ตอนที่เราแอบมอง
ให้ง้อชอบงอนตุ๊บป่อง จะเป็นเช่นไร
หากคนคนนั้น นั้นมีจริง
 
โว๊ะโอ เฝ้ารอ โว๊ะโอ เฝ้าคอย นับวัน
ว่าคนบนฟ้าที่มาจากฝัน จะมีจริงไหม โว้ โอ
โว๊ะโอ เฝ้ารอ โว๊ะโอ ว่าคนที่อยู่บนฟ้า
นับวันเฝ้าคอยคนจากฟ้า จะหล่นมาตอนไหน โว้ โอ


วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รัฐบาล บนบ่อทอง - IPPC บรรจุภัณฑ์ไม้เพื่อการส่งออก

วัสดุบรรจุภัณฑ์ไม้ เพื่อการส่งออก ต้องมีการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการส่งออก !

ก่อนอื่น ต้องเริ่มต้นด้วยการบอกความหมายของ คำที่ใช้ในมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กันก่อน
อาจจะออกวิชาการบ้าง แต่จะเคาะๆๆๆ ให้ไม่วิชาการมากเกินแล้วกัน

คำที่ควรจะรู้คือ  มาตรฐานระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรการสุขอนามัยพืช
[International Standard for Phytosanitary Measures No.15 : Guidelines for Regulating Wood Packaging Material in International Trade ]


เอาแบบเข้าใจกันด้วยภาษาง่ายๆ คือ
สินค้าที่มีวัสดุบรรจุภัณฑ์ไม้ เพื่อการส่งออกนั้น ต้องมีการกำจัดศัตรูพืช ด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง
ไอ้วัสดุบรรจุภัณฑ์ไม้ เพื่อการส่งออกที่ว่าเนี่ย ... ไม่รวมถึง วัสดุบรรจุภัณฑ์ไม้ที่ผลิตจากไม้แปรรูป วัตถุดิบไม้ที่มีความหนาไม่เกิน 6 มิลลิเมตร
** ย้ำ !!! ว่า ไม่เกิน 6 มม. นะครับ ไม้อัดบางขนาดจะหนาเกิน ต้องระมัดระวังให้ดี อย่าสับสน !!
และผลพลอยได้จากไม้ ได้แก่ ไส้ไม้ [Veneer Peeler Core] ขี้เลี่อย [Sawdust] ฝอยไม้ [Wood Wool] ขี้กบ [Shaving] เนื่องจากวัสดุเหล่านี้ทำให้โอกาสที่แมลงศัตรูไม้เข้าสู่ประเทศผู้นำเข้าได้น้อยมาก


การควบคุมเพื่อกำจัดศัตรูพืช ทำได้โดยวิธีการใด วิธีการหนึ่ง ดังนี้




1. อบด้วยความร้อน หรือเราเรียกกันว่า Heat Treatment มันคือการอบไม้ด้วยความร้อน จนแกนกลางของไม้ได้รับความร้อนไม่น้อยกว่า 56 องศาเซลเซียส เป็นเวลา ไม่น้อยกว่า 30 นาที
ซึ่งในการวัดอุณหภูมินั้น ต้องวัดที่แกนกลางไม้ ไม่ใช่วัดเพียงแค่ผิวนอกของเนื้อไม้

ย้ำ!! อีกครั้ง ว่า วัดที่แกนกลางของไม้ 
ต้องเจาะเข้าไป เอาเครื่องมือวัดที่แกนกลาง หลายรายวัดค่าผิด หรือ เข้าใจความหมายเพี้ยนไป


2. รมด้วยเมธิลโบรไมล์

อุณหภูมิ อัตราที่ใช้                       ความเข้มข้นขั้นต่ำที่วัดได้เมื่อเวลาผ่านไป

กรัม / ลบ.เมตร                                             กรัม / ลบ.เมตร


2 ชั่วโมง 4 ชั่วโมง 12 ชั่วโมง 24 ชั่วโมง
21°C or above 48 36 31 28 24
16°C or above 56 42 36 32 28
10°C or above 64 48 42 36 32




วิธีการจำง่ายๆ ก็คือ บ้านเรา อุณหภูมิสูงเกิน 21°C อยู่แล้ว เพราะจำนั้น จำแค่ตัวเดียว คือเกิน 21°C
จำง่ายๆ อีกอย่างคือ ปล่อยความเข้มข้นของ MB ที่ 48 กรัม เมื่อ 24 ชั่วโมงผ่านไป ต้องได้ค่ามากกว่า 50% ก็คือ 24 กรัม.







เพราะฉะนั้น จำง่ายๆ "ปล่อยที่ 48 กรัม ครบ 24 ชม. ต้องวัดได้มากกว่า 24 กรัม."


ไม้ที่ผ่านการ Fumigated ต้องประทับตรา ที่ได้รับอนุญาตจากกรมวิชาการเกษตร เพื่อบ่งบอกว่า ไม้นั้นได้ผ่านการ Fumigated ถูกต้องตามหลักเกณฑ์แล้ว



พีงระลึกเสมอว่า

ตราประทับเป็นของบริษัท แต่สิทธิเป็นของกรมวิชาการเกษตร

ทางกรมวิชาการเกษตร สามารถเพิกถอนใบอนุญาตได้ หาก บริษัทไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้





ผู้ที่จะได้ตรานั้น ต้องเป็นผู้ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรเท่านั้น
ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบ ข้อมูลการ Fumigated จากกรมวิชาการเกษตรตลอดเวลา
แล้วไอ้ตราประทับที่ว่านี้ แต่ละบริษัท ก็จะมีหมายเลขของตัวเอง ที่ได้ลงทะเบียนไว้

อ้าว...ร่ายมาซะยาว แล้วเกี่ยวอะไรกับรัฐบาลนี้ล่ะ
งั้นต้องเกริ่นเพิ่มเติม รัฐบาลนี้มี 3 สาขา ต่างพื้นที่กันไป
แต่ละสาขา ก็มีหัวหน้ารัฐบาลดูแล ที่เป็นชาวต่างชาติ ก็ชาติเดียวกับท่านผู้นำน่านแหละ

ด้วยความที่คุยกันภาษาเดียวกัน บวกกับความหน้าใหญ่ อวดรู้ แต่ไม่รู้
หัวหน้ารัฐบาลสาขาที่ 2 ได้เอ่ยปากขอยืม ตราประทับดังที่บอก ไปใช้ที่สาขาตัวเอง
ผ่านทางท่านผู้นำ ที่เป็นคนชาติเดียวกัน
ตอนที่มันตกลงกัน มันคุยกันนอกรอบ ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ไม่ใช่ที่ทำงาน เพราะว่า...

บ่ายๆ วันหนึ่ง ที่ท่านผู้นำไม่อยู่ คนในรัฐบาลของสาขาที่ 2 มาขอรับตราประทับ
ผมจึงได้โทรฯไปสอบถามเรื่องราวได้ความว่า
ท่านผู้นำทั้ง 2 ได้รับปากกันแล้ว ว่าจะให้ยืมไปใช้

ชิ....ก หาย ละซี
กรูเพิ่งสานความสัมพันธ์อันดีกับ กรมวิชาการเกษตร
มันจะมาทำให้ความไว้ใจที่เคยสร้างมา หายไปซะแล้ว

ปัญหาคืออะไร ทำไม จะให้ไม่ได้
หากใครเอาตราประทับ ที่มีหมายเลขของบริษัทผมไปใช้ประทับบนไม้
แล้วส่งออกต่างประเทศ แล้วประเทศปลายทางพบว่า มีแมลง หรือ ศัตรูพืช

อันดับแรก บริษัทที่ได้รับตราประทับนั้น ถูกแขวน คือ ไม่สามารถใช้สิทธิในการผลิตบรรจุภัณฑ์ไม้เพื่อการส่งออกได้ เป็นระยะเวลา 5 ปี รายได้จะหายไปหลายสิบล้าน

อันดับสอง ชื่อเสียงของประเทศ ในฐานะผู้เป็นสมาชิก ISPM15 ย่อมถูกลดความน่าเชื่อถือ

อันดับสาม ผู้ประกอบการรายอื่นๆที่ได้รับตราประทับ เดือดร้อน เพราะกรมวิชาการเกษตร จะต้องเข้มงวดมากขึ้นในการตรวจสอบการ Fumigated

อันดับสี่ ผมเองในฐานะ ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ จะไปอยู่ตรงไหนได้หว่า.....อยู่ที่ผลเสียที่เกิดขึ้น ว่าร้ายแรงขนาดไหนกับประเทศปลายทาง

สุดท้าย ผมโทรไปคุยกับคนชาติเดียวกัน ที่พอรู้เรื่องระเบียบ ข้อกำหนดของการ Fumigated และบอกผลเสียที่จะเกิดขึ้น

สุดท้ายของสุดท้าย ทางเจ้าหน้าที่ของสาขาที่ 2 นำตราประทับ มาคืน ในวันรุ่งขึ้น
น่าน....มันต้องอย่างนั้น ถ้าจะขัดใจต่างชาติ ต้องขัดใจร่วมกัน
ร่วมกันอธิบายให้พวกท่านผู้นำเข้าใจ ทั้ง 2 รัฐบาล ว่าผลเสียเป็นอย่างไร

แค่รู้ว่า มันขอยืมตราประทับกันเอง แล้วมัน เออออกัน
ผมก็หงอกไปอีก ครึ่งหัวแล้ว .... เฮ๊อ ...

ทำงานกับท่านผู้นำรายนี้ ผมคงหงอกหมดหัวแน่ๆ กว่ามันจะหมดวาระเสวยสุข แล้วกลับประเทศ
แล้วจะไปมีผมดำๆ ไว้ให้ผมหงอกกับท่านผู้นำ ท่านไหนได้อีก