ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

[MV] PARADOX - ปลายสายรุ้ง (HD)



เพลงของ Paradox มาทีไร ต้องหลงไหล ดังโดนสะกด (เวอร์ไหม?)

Paradox - ปลายสายรุ้ง
คำร้อง/ทำนอง   อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา
เรียบเรียง          Paradox


เธอ เธออยู่แห่งไหน แหงนมองดูท้องฟ้ากว้าง
วันที่ฟ้าสีคราม เปลี่ยนเป็นฤดูกาลอบอุ่น
รอให้เธอบินกลับมา อีกครั้ง

เธออยู่แห่งไหน เธอได้ยินไหม
ฟ้าสีครามที่สองเรา นั่งมองในวันที่สุขใจ
วันที่เหน็บหนาว เปลี่ยนเป็นสดใส
แต่เธออยู่ไหน จะบินกลับมาไหม

เธอได้สอนให้ฉันได้กอด กอดจนหัวใจที่ว่างเปล่า
เต็มไปด้วยความรัก มันมีค่ากว่าสิ่งใด
แต่ลมหนาวพัดมาเร็วไป วันที่ฉันได้ทำพลาด
กอดเธอไม่แน่นพอ เธอบินหายไป

หา หาเธออยู่ไหน แหงนมองดูท้องฟ้ากว้าง
วันที่ฟ้าสีคราม เปลี่ยนเป็นฤดูกาลอบอุ่น รอให้เธอบินกลับมา
แล้ว นับต่อจากนี้ จะมีแต่น้ำตาแห่งความสุข
ที่ไหลรินออกมาด้วยไออุ่น จากเราสองคนด้วยรัก

เธอได้สอนให้ฉันได้กอด กอดจนหัวใจที่ว่างเปล่า
เต็มไปด้วยความรัก มันมีค่ากว่าสิ่งใด
แต่ลมหนาวพัดมาเสียก่อน ก่อนที่ฉันจะพูดว่าเสียใจ
ก็สายไป ที่จะเอ่ยคำว่ารัก

หา หาเธออยู่ไหน ฉันยังคงรอเธออยู่
วันที่ฟ้าสีคราม เปลี่ยนเป็นฤดูกาลอบอุ่น รอให้เธอบินกลับมา
แล้ว นับต่อจากนี้ จะมีแต่น้ำตาแห่งความสุข
ที่ไหลรินออกมาด้วยไออุ่น จากเราสองคนด้วยรัก

ฤดูกาลอบอุ่นแล้ว กลับมาได้ไหม
ฉันรอเธออยู่ตรงนี้ อยู่ที่ปลายรุ้ง

คืนที่จันทร์หาย บนดอยเสมอดาว

Plan ท่องเที่ยวหลักประจำปี 2011 ผมวางกันล่วงหน้า 4-5 เดือน ด้วยหวังว่า ปีนี้ จะมีเพื่อนๆ มาร่วมเดินทางกันมากกว่าทุกปี
ส่งเมล์ย้ำเตือน บ้างก็เดินทางไปเชิญถึงบ้าน
สุดท้าย ก็คณะเดิม แถม ลดทอนครอบครัวอ๊วกแตกอีก 1 ครับ
ไม่เป็นไร แผน ก็ต้องเดินทางไปตามนั้น ไม่มีล้มเลิก เพราะหาเที่ยววันยากละ


ก่อนเดินทางไม่กี่วัน เพื่อนอู๊ดเสนอเปลี่ยนเส้นทางในวันที่ 2 เป็นไป คลองลาน ด้วยเหตุผล
1. เพื่อนควาย ไปไม่ได้ เลยต้องไปหามัน
2. เพื่อนอุ้ม จะมาจากอิสาน แล้วอยากเจอเพื่อนๆหลายๆคน
3. เพื่อนเก ก็มีงานตัดอ้อย
เอาวะ เปลี่ยนก็เปลี่ยน แผนที่วางไว้ วันที่ 2 เลยเดินทางยาวขึ้น เพื่อลงมาที่คลองลาน

จริงๆแล้วเป้าหมายปีนี้คือ เดินทางให้น้อย อยู่กับธรรมชาติให้มาก แล้วก็ไม่เป็นดังที่หวังสักเท่าไร
บางทีก็คิดอยู่ว่า ควรได้เวลาที่จะไปเอง แบบตามใจตัวเองบ้างสักที
นั่นเป็นโครงการส่วนตัว คงได้เริ่มในอีกไม่นาน

10 ธันวาคม 2011
เริ่มต้นเดินทาง ผมกับ ดญ.อรสา มานัดเจอเพื่อนอู๊ดระหว่างทาง ที่ถนนสาย 11 ช่วง อ.ไพศาลี กับ อ. หนองบัว เริ่มตันนัดเวลากันเช้าๆ 08:00 น.
ได้ลองรถ Terrano II ที่ซื้อมาได้หลายเดือน ลองขับจริงๆ จังๆ ไม่กี่ กม. ทริปนี้ ได้ลองของจริง
ผมขับรถ โดยมี ดญ.อรสา นั่งไปด้วย ส่วนเพื่อนอู๊ด ขับคนเดียว จากแผนที่วางไว้จะมีคนไปด้วยอีกหลายคน
เพื่อนพงษ์และครอบครัว นัดเจอกันที่ พิษณุโลก ราว 10:00 น.

สรุปทริปดอยเสมอดาว มีเพียง 3 คัน Terrano II , G ล้อโต และ Ford เมาบุบ

เจอกับครบหน้า ราว 11:00 น. เริ่มออกจาก พิษณุโลก ไปเรื่อยๆ ผ่านอุตรดิตถ์ หอมกลิ่นทุเรียนข้างทาง แต่ไม่ได้แวะซื้อ
ผ่านแพร่ เข้าสู่ อ.ร้องกวาง มุ่งหน้าไป อ.นาน้อย จ.น่าน
ระหว่างทาง ผ่าน อ.ร้องกวาง ผมเหลือบเห็นเส้นทาง มีป้ายบอกไป อุทยานแห่งชาติขุนสถาน
ซึ่งผมดูจากแผนที่ก่อนเดินทางแล้วว่า สามารถขับผ่านไปแล้วไปที่ดอยเสมอดาวได้
แต่ว่าขับผ่านไปแล้ว ก็เลยตามเลย เพราะมีเส้นทางอื่นอีก
จากที่ผมวางแผนไว้ คือ เข้า อ.เวียงสา แล้วจึงเข้า อ.นาน้อย

แต่ก็ป้ายอีกเช่นกัน ที่สะดุดตาผม เขียนว่า เส้นทางลัดไป อ.นาน้อย ผมเลี้ยวขวาทันที
เส้นทางนี้ รถน้อยมาก วิ่งไปสักพัก เพื่อนๆ ว. มาถามว่า "มึงแน่ใจหรอ ไม่เห็นมีรถอะไรเลย"
ผมค่อนข้างจะมั่นใจ ว่าใช่ ไม่หลง แล้วก็ร่นระยะทางและระยะเวลาได้

เส้นทางนี้ มีขึ้นเขาบ้าง ไม่สูงชันมาก แต่เส้นทางจะผ่านหมู่บ้าน ไร่ นา ของชาวบ้าน
ซึ่งแน่นอน รถจอดข้างถนนอย่างไม่สนใจอะไรมา เพราะรถวิ่งไป-มาน้อย
แล้วก็ หมา ไก่ พร้อมจะเดินมาทักทายพวกเราบนถนนอยู่ตลอดเวลา
เพราะมาถิ่นเขานี่นา ...
ผมเริ่มสังเกตุเข็มความร้อนรถผม เมื่อไต่เนินยาวๆ สักระยะ มันเริ่มตอบสนองให้รับรู้แล้ว
กับน้ำหนักตัวรถที่สองตันต้นๆ ค่อนข้า่งหนักเอาการ

แค่นี้ ไม่หวั่น ยังควบคุมได้ ผมห่วงแค่ ขึ้นดอยเสมอดาว จะไม่ทันเสพธรรมชาติมากกว่า

ขับไปสัก ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงทางแยกที่จะไป อ.นาน้อย
พวกเรา เลี้ยวขวา เข้าเขตอำเภอ
ผมจอดรถ ดูแผนที่อีกครั้ง เพื่อความมั่นใจ
ดูเสร็จ ผม ว. บอกทุกคนว่า เดี๋ยวตรงไป แล้วเลี้ยวซ้าย น่าจะเป็นทางขึ้นดอย
"กูรู้ตั้งนานแล้ว" เสียงเพื่อนพงษ์ ว.ตอบกลับ
ขับไปไม่ถึง 200 เมตร ก็เจอแยก มีป้ายบอกชัดเจน ว่า ดอยเสมอดาว

เส้นทางจากแยกสู่ดอยเสมอดาว ราว 16 กม. แล้วก็ไม่ได้ขึ้นเขาชันอะไรมาก
มีเพียงช่วงใกล้ๆ ที่ชันมากขึ้นหน่อย แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอะไรมาก


ไม่นาน พวกเราก็มาถึงดอยเสมอดาว จอดรถ หาที่กางเต๊นท์
แน่นอน วันหยุดยาวๆแบบนี้ รถเพียบ คนเพียบ
พวกเราเล็งๆ ที่กางเต๊นท์ ทำอาหาร ยกสิ่งของ รวมทั้ง เบียร์


รอบนี้ ผมว่าผมพร้อมมากกว่าทุกปี ด้วยความที่มี ดญ.อรสา ช่วยเตือนว่าลืมอะไรไหมด้วย
ที่สำคัญ รอบนี้ ผมมี โต๊ะกางที่เป็นถังแช่เบียร์ โต๊ะ เก้าอี้อีก 2 ตัว อยู่ในเซ็ตเดียวกัน
มีผ้า่ห่ม ถุงนอน ที่นอนปูพื้น กล้องถ่ายรูป ขาตั้งกล้อง
เอาเป็นว่า ครบเซ็ต ไม่ต้องขอผ้าห่มจากเพื่อนๆ เหมือนทุกทริป




สาวแดง กับ ดญ.อรสา ทำกับข้าว โดยหนุ่มๆทั้ง 3 จิบเบียร์ ยกของ กางเต๊นท์
จิบไป ช่วยทำอาหารไป กินไป นั่งชมอากาศ ภูเขา
ฟ้าเริ่มมืด พระจันทร์เริ่มอออกมาทักทาย




ณ. ตอนนั้นเอง ผมก็เพิ่งรู้ว่า คืนนั้น เป็นคืนที่ ราหูอมจันทร์ หรือ ชื่อจริง จันทรุปราคา
พวกเรานั่งดื่มไป คุยไป ดูพระจันทร์ไปเรื่อยๆ จนพระจันทร์ดับหายไป
แล้วแย้มจันทร์ก็ส่งยิ้มมาให้พวกเราอีกครั้ง



แม้พระจันทร์จะกลับมาฉายแสงอีกครั้ง แต่ผมก็ง่วงนอน ตาปรือ
แล้วความทรงจำ และสติก็หล่นหายไป


อรุณสวัสดิ์ยามเช้า 11 ธันวาคม 2011
เหมือนเดิม...ผมแหกขี้ตาตื่นก่อนตะวัน ก่อนเพื่อนๆ
ลืมตาหร้อมความหวังจะได้เจอทะเลหมอก ที่ไม่ได้โทรฯนัดไว้
ผลเลยออกมาเป็นแบบในภาพ คือ ไม่มีหมอกให้ชื่นใจ






เหมือนคนอกหัก
แต่พยายามฝืน สุข สดชื่น เสพสภาพอากาศที่มี
มีความสุขกับสิ่งที่ได้เห็น แม้จะผิดหวัง แต่พวกเราก็ยินดี
อย่างน้อยก็ทำให้เราหวนคิดจะกลับมาอีก
กลับมาที่ "ดอยเสมอดาว"

สายๆ เริ่มเดินทางกลับ โดยแผนถูกเปลี่ยนไปที่ อ.คลองลาน
ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง และเพื่อเพื่อน

ครั้งนี้ เราเดินทางกลับโดยใช้เส้นทางผ่าน อช.ขุนสถาน
เส้นทางจากนี้ ช่วงแรกเป็นถนนที่แย่มาก ราดยางปนดิน ถนนแคบ
ผ่านมาสักระยะ ก็ขึ้นเขาสูงตลอด
ภูเขาแถวนี้ เป็นภูเขาหัวโล้นหมด
ป่าไม้เมืองไทย หน้าหนาวเมืองไทย
กระทบแน่ๆ ถ้าป่าเป็นแบบนี้


หลังจากขึ้นเขาได้สักพัก เพื่อนอู๊ด ว. มาบอกว่าจอดพักก่อน ความร้อนเริ่มขึ้นละ
ผมสังเกตรถผม ก็เห็นเช่นเดียวกัน
ด้วยความที่ Terrano II น้ำหนักตัวมาก เลยเห็นผลชัดเจน
เผิดฝากระโปรงรถ พบว่า Terrano II ของผม
หม้อน้ำด้านบน มีรอยรั่ว แรงดันทำให้น้ำฉีดออกมาตามรอยปริ
เลยต้องจอดรถพักเครื่องกันพักใหญ่
แล้วเพื่อนอู๊ดก็จัดการ คลายฝาหม้อน้ำรถผมนิดนึง
เพื่อลดแรงดันเวลาวิ่ง
แล้วบอกให้ผมหมั่นจอด เพื่อตรวจระดับน้ำ

สุดท้าย ราว 18:00 พวกเราก็มาถึง อช. คลองลาน
โดยมีเพื่อนควายและครอบครัว เพื่อนอุ้ม เพื่อนเกและครอบครัว รออยู่
และสุดท้าย(อีกครั้ง) พวกเราก็กลับมาในสภาพของมิตรภาพแบบเดิมๆ
เพียงแต่ต่างสถานที่
พวกเรากางเต๊นท์นอนกันริมลำธารของน้ำตก
เสพบรรยากาศ นั่งคุย ฟังเสียงน้ำตก จนผ่านไปอีกราตรี

อรุณสวัสดิ์(มั้ง) วันที่ 12 ธันวาคม 2011
ผมตื่นมาเหมือนเดิม คนแรกๆ ราวตี 5 ได้
สาวๆ นอนบ้าน หนุ่มๆ นอนเต๊นท์
โผล่หน้ามาก็ ถ่ายพระจันทร์เอาความสดใสซะหน่อย



 พระัอาทิตย์เริ่มมา ผมก็ เดินถ่ายรูปไปพลางๆ สูดอากาศให้ชื่นใจ





เดินไปเจอต้นตะเคียนประจำน้ำตก
โดนมือดีเอาแป้งทา ขอหวยซะละ เฮ๊อ....ความเชื่อของคน

ด้วยความที่ตั้งความหวังกับทริปนี้สูงไป
เลยหมดมุข เขียนอะไรไม่ค่อยออก จนเกือบเดือนกว่าจะเสร็จ เฮ๊อ...(อีกครั้ง)

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

13 November 2011 : บ้านฉัน บ้านเธอ

13 November 2011
ผมมาหาเพื่อนอู๊ดตั้งแต่เช้า เพราะนัดกันไว้ จะเข้าไปดูบ้านผม ห่วงน้ำท่วม ที่ ม. ราณี 5 กัน
เหมือนเดิม ผมแหกขี้ตาตื่นมาแต่เช้า
กว่าจะออกเดินทางกัน ก็บ่ายๆ รอแดดดีๆ น้ำจะได้ดูใส...555
ลงจากทางด่วน เข้าสู่ เลียบด่วน รามอินทรา-อาจณรงค์ เลี่ยวซ้ายเพื่อเข้า เกษตร-ตัดใหม่
ชื่อจริงของถนน อย่าไปรู้เลย ผมก็จำไม่ได้ สับสน ต้องใช้เวลาสัก 6 เดือน เดี๋ยวจะจำชื่อถนนเอง
เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง เข้าสู่ ถ. สุคนธสวัสดิ์ ( อันนี้ จำได้ ถนนหน้าบ้านนี่นา )
โค้งขวามานิดหน่อย เจอร้าน โก๊ะตี๋ ข้าวมันไก่ ไม่เคยมากินหรอก แต่พูดถึงหน่อย
อย่างน้อย ผมก็เชื่อว่า เขามีดี แล้วมีจิตใจที่ดี
จาก สี่แยกทีี่ผ่านมา จนถึงจุดนี้ มีน้ำขังตามเส้นทาง ความสูงราว 30 ซม.
น้ำหน้่า รร. สตรีวิทยา 2 ไม่มี เว้นช่วงไว้นิดนึง
ผ่าน รร. สตรีวิทยา 2 มา เจอตึกสูงๆ 2 ฝั่ง น้ำเริ่มขังเส้นทางต่อ
คุณภาพน้ำยังอยู่ในเกณฑ์ที่ พอรับได้ ต่างจากบ้านเพื่อนผม ที่จะไปตอนเย็น

เริ่มเลี้ยวขวา เข้ามา ซ. สุคนธสวัสดิ์ 1
เริ่มแล้ว บ้านฉัน.....

กลางซอย เริ่มมีเรือสัญจรไปมา

เข้ามาอีกนิด
อันนี้ มุมมอง ที่มองย้อนไปทางปากซอย
 ตรงเต๊นท์ คือ วินมอเตอร์ไซค์ จะเห็นว่า มีเรือรับจ้าง(หรือเปล่า) สีขาวๆ จอดอยู่ 1 ลำ
วิน มอเตอร์ไซค์ ที่วันนี้ เป็นวินเรือรับจ้าง(มั้ง) หรือ อาจจะ ฟรี
อีกมุมหนึ่ง
หลังจากเข้าบ้าน สำรวจ และเก็บของ เราก็เดินทางกันต่อ
เพราะเพื่อนอู๊ดชวน "ไปเยี่ยมไอ้ต๊องไม๊"
ผมตอบแบบไม่คิด "ไปดิ" " เดี๋ยวเราเตรียมเครื่องดื่มไปบริจาคมันกัน"
  ขับรถย้อนกลับมาปากซอย เริ่มเจอเรือมากขึ้น
ปากซอย ก็ยังมีเรือลำใหญ่ จุได้หลายคน
ออกมา เริ่มเดินทาง ไปแจกน้ำให้ เพื่อนทนาย(ไม่ได้)ความ
บ้านเธอ
บ้านทนายอยู่ ม. วงศกร 1 ครั้บ ไปทางแนวๆ สายไหม กับ สุขาภิบาล 5
พื้นที่แถวนี้ ยังชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำท่วมทุ่ง เปิดกระจกมา กลิ่นน้ำเน่าส่งไปทั่ว
 ทั้งขยะ ซากสิ่งของ ยังเกลื่อนตามท้องถนน
จังหวะที่นั่งจิบเครื่องดื่มกัน ก็มีรถแจกอาหาร ติดป้ายเบอร์ 1 เพื่อนอู๊ดเดินออกไปกะผม
รถมันเรียกชัดเจนเลยครับ "พี่เสื้อแดง มารับของได้เลยครับ กี่คนครับ"
ก็เพื่อนอู๊ด มันใส่เสื้อสีแดง ผมใส่เสื้อลาย เลยอด แต่เพื่อนอู๊ดคนเดียว ได้มา 5 ห่อ
ไม่มีอะไรครับ ไม่น้อยใจ อาจจะเพราะเป็นจังหวะที่ผมหันไปถามบ้านหลังสุดท้าย 
ว่ามีกี่คน มีอะไรกินไหม เพื่อที่จะไปเอามาให้เขา 
แต่บ้านนั้นน่ะ เขารับมาเรียบร้อยแล้ว

บ้านเธอน้ำไม่ใส เหมือนแถวบ้านฉัน
เมื่อเจอหน้าเพื่อนทนาย(ไม่ได้)ความ ก็คุยกัน ทักทาย จนเย็นย่ำ เบียร์หมด
ได้เวลา ก็เดินทางกลับ อย่างน้อย เพื่อนทนาย(ไม่ได้)ความ ก็มีน้ำดื่มเย็นๆ กิน
ทั้งบ้านฉัน และบ้านเธอ อาจจะดูไม่ร้ายแรงมาก เมื่อเทียบกับหลายๆสถานที่
แต่น้ำเพียงแ่ค่นี้ ก็ทำให้ชีวิตลำบากขึ้น ก็น่าเห็นใจครับ คนที่ลำบากกว่านี้ มีอีกเยอะมาก
ระหว่างทางกลับ ก็เจอ สุขาเคลื่อนที่ แบบลอยน้ำ
เคยเห็นแต่ในทีวี วันนี้ เจอตัวเป็นๆ ลอยเท้งเต้ง บนถนนสายลำลูกกา

วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

หนีน้ำ กทม. : หาดกมลา หาดสุรินทร์

"เอาคนออกจากบ้านได้ เอาบ้านออกจากคนบ่ได้" - Todd Lavelle


 

เห็นรถติดมาจนเป็นเรื่องปกติ ช่วงนี้ มีเครื่องบินติด ให้เห็น เพราะคนหนีน้ำไป ต่างจังหวัดกันเยอะ
แล้วสนามบินดอนเมือง ก็เป็นดอนเมืองลากูน ไปแล้ว
เครื่องบินจ่อคิวกัน Take Off ลำที่นั่งไป ลำดับที่ 4 ที่ต่อคิว
หลังจากนั้น มีอีก 2 ลำ ที่รอจะ Take Off ต่อไป







 

Landing ที่สนามบินภูเก็ต ก็ยังเจอเครื่องบินติด รอ Take Off สวนทางที่ Landing ลงมา

เริ่มเอาคนออกจากบ้านละ ไปหาดกมลาก่อน ไปสูดลมทะเลยามเย็น







 

วันแรกที่ หาดกมลา ท้องฟ้าไม่ค่อยเป็นใจเท่าไร แต่แดดก็ยังสวย ฝรั่งก็สวย
ไม่เป็นไร วันต่อไป เอาใหม่ ไปหาดสุรินทร์ก่อน เอาเคล็ด แล้วค่อยกลับมา หาดกมลา

สุรินทร์ แล้วก็ กมลา - ไปมันเรื่อยๆ






ที่หาดสุรินทร์ แวะเข้าซอยเล็กๆ เช่น แถวหาดกมลา
เข้ามาก็จะได้เจอเรือหาปลาจอดอยู่ เป็นทิวแถว พร้อมกับศาลา(พักใจ) ของเฒ่าโชนทะเล
ที่นั่งคุยกันแบบสบายๆ ด้วยสำเนียงแบบ โฮ๊วๆ อย่่างสำเนียงภูเก็ต

กลับมาหาดกมลา ทันเวลานัดกับพระอาทิตย์
 




 

งานยุ่งๆ อักษรน้อยๆ อัดภาพเข้า Blog ไปก่อน