ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

Braveheart (1995)

เซอร์ วิลเลียม วอลเลซ (Sir William Wallace) 
(ประมาณ พ.ศ. 1813 - 23 สิงหาคม พ.ศ. 1848) 

อัศวินและผู้รักชาติชาวสก็อต ผู้นำการต่อต้านการครอบครองสกอตแลนด์โดยอังกฤษระหว่างสงครามอิสรภาพของ สกอตแลนด์ เซอร์ วิลเลียม วอลเลซได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษในประวัติศาสตร์ของสก็อตแลนด์


 
เซอร์ วิลเลียม วอลเลซ เป็นแรงดลใจในงานกวีนิพนธ์ชื่อ "The Acts and Deeds of Sir William Wallace, Knight of Elderslie" โดยนักดนตรีเร่รอนในคริสต์ศตวรรษที่ 15 ชื่อ "แฮรี่ผู้ตาบอด" (Blind Harry) ซึ่งภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Braveheart พ.ศ. 2538 นำมาทำบทภาพยนตร์
 
เมื่อใกล้เข้าสู่ภาวะสงครามเพื่อการแย่งชิงบรรลังก์จาก บรรดาเจ้านายฝ่าย ต่างๆ ผู้ที่คิดว่ามีสิทธิ์ เจ้านายที่มีเชื้อสายอยู่แถวหน้าๆ จึงไปทูลเชิญกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 1 ให้มาเป็นผู้ไกล่เกลี่ย 
แต่ก่อนที่จะทำหน้าที่นี้ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดกลับขอให้ทุกฝ่ายที่มีสิทธิ์ได้ยอมรับก่อนว่าพระองค์เป็น เจ้าที่อยู่เหนือสกอตแลนด์ ซึ่งแม้ตอนแรกจะมีการต่อต้านบ้าง แต่ในที่สุดผู้มีสิทธิ์มากสุดสองราย คือ จอห์น บาลลิออล และ โรเบิร์ต บรูซ ได้ตกลงยอมรับตามนั้น โดยต่อมาศาลสูงศักดินา (great fudal court) ได้ตัดสินเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 1835 ให้จอห์น บาลลิออล เป็นผู้มีสิทธิ์ในราชบรรลังก์ แม้จะดูว่ายุติธรรมและถูกต้องตามกฎหมาย 
      


แต่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ที่ 1 ก็ได้ใช้อิทธิพลเข้าแทรกแซงทำให้การบริหารประเทศสก็อตแลนด์เป็นไปด้วยความ ยากลำบาก เป็นเหตุให้ พระเจ้าจอห์น บาลลิออล ยกเลิกคำมั่น 
       เมื่อเป็นดังนั้น พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดฯ จึงยกทัพเข้าตี เบอร์วิก-อัพออน-ทวีด เมืองชายแดนของสกอตแลนด์และสังหารศัตรูของพระองค์ที่อยู่ที่นั่นจนสิ้น 
       ในเดือนเมษายนฝ่ายสก็อตแลนด์ก็แพ้สงคราม อังกฤษจึงบีบบังคับให้พระเจ้าจอห์น บาลลิออลสละราชสมบัติ พร้อมทั้งบังคับเจ้านายสก็อต 1,800 คนให้เข้าสวามิภักดิ์และได้กับนำเอา "หินลิขิตชะตา" (Stone of Destiny) ไปไว้ที่ลอนดอน









เซอร์ วิลเลียม วอลเลซ เสียชีวิตด้วยอายุเพียง 35 ปี

* เมื่อ พ.ศ. 2545 เซอร์ วิลเลียม วอลเลซได้รับการจัดอันดับที่ 48 ในบรรดาชาวบริติชที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
* พ.ศ. 2506 เซอร์ วิลเลียม วอลเลซ ได้รับการโหวตเป็นลำดับที่ 10 ของชาวสก็อตที่โด่งดังของโลกโดยผู้อ่านหนังสือพิมพ์ เดอะกลาสโกว์เฮอราลด์
* ลูกหลานผู้สืบเชื้อสายจากเซอร์ วิลเลียม วอลเลซที่เป็นที่รู้จักได้แก่นายพลเรือจัตวา โอลิเวอร์ ฮาซาร์ด เพอร์รี และนายพลเรือจัตวา แมททิว กัลเบรต เพอร์รี วีรบุรุษกองทัพเรือของสหรัฐฯ ผู้ใช้เรือรบปิดอ่าวบังคับให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศเมื่อ พ.ศ. 2396
  
 

วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2553

เป้ สีน้ำ + ทิวา สาระจูฑะ : เจ็บเพื่อเข้าใจ


อัลบั้ม : บทเพลงของเธอ (ปี 2535)
คำร้อง/ ทำนอง : ทิวา สาระจูฑะ



วันที่โลกแสนหวาน รักถักทอสานใย

ฝันไปไกลถึงขอบฟ้า สบตากับดวงตะวัน

ทางยาวไกลสักเพียงใด ใจไม่เคยคิดหวั่น

โลกนี้ไม่มีใครทั้งนั้น มีเพียงฝันของสองคน

ชีวิตไม่ใช่ฝัน ยังมีวันผันแปร
คนหนึ่งอาจจะพ่ายแพ้ อีกคนก็แค่จากไป
รักที่เคยรื่นรมย์ รักอาจทุกข์ขมได้
โลกที่คิดไม่เคยมีใคร ก็ไม่มีใคร……


################
ชีวิตไม่ใช่ฝัน ยังมีวันผันแปร
คนหนึ่งอาจจะพ่ายแพ้ อีกคนก็แค่จากไป
รักที่เคยรื่นรมย์ รักอาจทุกข์ขมได้
โลกที่คิดไม่เคยมีใคร ก็ไม่มีใครจริง ๆ

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553

32 ธันวา : ผมแส่ไปหาความน่ารำคาญเองแหละ

3 มกราคม 2553 เป็นอีกวันที่น่าจดจำจริงๆ เข้าไปดูหนังในโรงหนัง
ด้วยความที่ไม่ชอบบรรยากาศในโรงหนังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เหตุผลง่ายๆ
1. อึดอัด สถานที่ เก้าอี้ มันทำให้ไม่รู้สึกอิสระ - ก็ไปที่ดีๆ หรูๆ เก้าอีกใหญ่ๆ ซี บ่นทำไม
2. รำคาญคนที่เข้าไปดูหนัง พวกเข้าสาย ลุกไปมาตลอดเวลา(คนเดิมๆด้วยนะ)
3. การเคารพสิทธิ และรุกรานสิทธิ ด้วยการโทรฯ / รับสาย


วันนี้ ไปที่โรงหนัง เข้าไปดูด้วยเหตุผลหลายๆอารมณ์ เรื่องเดียวตอนนี้ ที่จูงใจที่สุดครับ 32 ธันวา
หรือ จะเรียกง่ายๆว่า คนที่จูงใจที่สุดคือ โหน่ง ชะชะช่า ที่จูงให้ผมเข้าโรงหนังได้

ดูหนังรอบ 13.15 น. เข้าโรงไปก่อนหนังฉาย (อันนี้ คนปกติเขาทำกัน-ผมก็คนปกตินะ ไม่ใช่จิ้งจอก)

เริ่มต้นด้วยการฉายหนังตัวอย่าง (อันนี้ คนปกติเขาก็รู้-ผมเองที่ไม่คุ้นเท่าไร ไม่ได้เข้าโรงหนังมาหลายปีแล้ว)





หนังตัวอย่างฉายไปเรื่อยๆ คนสายพันธุ์น่ารำคาญก็มาเลยครับ
เริ่มด้วยการหยิบโทรฯ โทรรายงานญาติ เพื่อน พ่อ แม่ง พี่น้อง ทั้งหลาย ว่า ดิฉัน ดูหนังอยู่นะ ( มึงทำไมไม่โทรซะตั้งแต่ก่อนเข้ามาวะ )
ไอ้พวกที่อยู่ไกลๆ ผมก็ไม่ได้ยินซะด้วย ว่า มันพูดอะไรกัน แต่ ผมรำคาญครับ
แสงจากโทรฯ ของมัน รบกวนประสาทตา ผมเป็นอย่างยิ่ง ถ้าจะเปิดหรือปิดเครื่อง ก็ทำซะ ตั้งแต่ก่อนเข้าโรงหนัง ตั้งแต่เดินเข้ามาก็ได้ ( เพราะมึงรู้ตัวก่อนแล้วล่ะ ว่าจะเข้ามาดูหนัง ควรจะเตรียมตัวไว้ซะก่อนเลย )



พอหนังเริ่มฉาย
ไอ้พวกชอบสาย ก็มาแล้วครับ จูงมือกันมาเป็นแพ็คคู่เลย สายคู่ ภูมิใจกว่าสายเดี๋ยวมั่ง ถัดมา ตามด้วย
ไอ้พวกที่อยู่ไม่สุข มันก็เริ่มดำเนินการ เริ่มแล้วครับ มันลุกออกไป ( ไปไหนปล่อยแม่ง... ) รอบแรก โอเค มันอาจปวดคลี่ กระทันหัน ให้อภัยมัน
สักพักกลับมาครับ แล้ว สักพักเช่นกัน มันก็ลุกไปใหม่ แล้วก็กลับมาอีกครับ
สัตว์ตัวเดิมเลยครับที่ลุกไปมา........มันนั่งแถว J หรืออะไรนี่แหละ
ไม่ได้บังสายตาอะไรผมหรอกนะ แต่ ผมรำคาญมัน

ก็พยายามทำใจ ว่ามันคงคลี่แตกอย่างรุนแรงจริงๆ
สักพัก นังคนข้างๆ มาแล้วครับ มันกลัวน้อยหน้าแถวอื่น "ตื๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
โทรฯ มันสายเข้า มันตั้งเป็นสั่นครับ
คราวนี้ ไม่หยุดครับ มาเรื่อยๆ
โอ....พระเจ้าจะอยู่เคียงข้างลูกไหมเนี่ย

ผมก็เลย ครางเบาๆ ว่า เฮ๊ย.....อะเนี่ย ให้คุณเธอได้ยิน
เธอหันมายิ้มแหยๆ...ใส่ผม แปลว่า ...มึงเสือกได้ยินด้วยหรอ
( ขออภัยถ้าแปลผิด )

ก็เลยทำให้เข้าใจว่า สัตว์ที่เดินเข้าๆ ออกๆ มันคงเป็นเพราะ ร่างทรงที่มันพกมา สั่น "ตื๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เหมือน คุณเธอที่นั่งข้างๆผม ทำให้มันต้องไปรับใช้เสียงที่เข้ามา โดยไม่สนใจ ไม่เกรงใจคนอื่นๆ
หรือ มันคิดว่ามันเท่ห์ หรือ เด่นดี หว่า ( ขออภัยถ้าแปลผิด...อีกครั้ง )

เนื้อเรื่อง เนื้อหา การดำเนินเรื่อง ไปหาอ่านเอาจากผู้ชำนาญการดีกว่า
ถ้าถามผม ....ผมชอบนะ ฮาดี
แต่ก่อนดูหนังในโรงหนัง นะ ขอเถอะท่านผู้เจริญทั้งหลาย
1. ปิดเครื่องไปเลย หรือ ปิดเสียง ( แบบไม่เปิดสั่นด้วยนะ )
2. เข้าให้ตรงเวลา หรือก่อนเวลา
3. อย่าลุกไปไหน โดยไม่จำเป็นเลยครับ
กราบละ