ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

เตรียมซื้อรถมือ 2 จากผู้ใช้สิทธิรถคันแรก

งานนี้ อาจจะเป็นการเขียนเพื่ออนาคต โดยที่ไม่รู้ว่า หลังจากวันนี้ จะมีมาตรการอะไรจากหน่วยงานของรัฐอีกหรือไม๋ ? 

ก็ตั้งใจไว้แล้ว ว่้าจะต้องเขียน และหาข้อมูลเรื่องภาษีรถคันแรก
แล้วก็เข้าใจว่า ผู้ที่ทำธุรกิจเต๊นท์รถ ก็น่าจะรู้รายละเอียด ดีกว่าผมมาก
เพราะศักยภาพ ด้านการเงิน , การงาน และ ช่องทางหลายๆอย่าง
ก็เป็นธุรกิจของเต๊นท์รถนี่นา ก็คงต้องมองภาพเผื่อไำว้
ว่าจะต้องเจอรถมือ 2 ที่เป็นรถในโครงการ ภาษีรถคันแรก 



ว่ากันที่ เรื่องของผู้ใช้งานจริง และ ชื่นชมการหาซื้อรถ มือ 2 เพื่อใช้งานจริงๆอย่างผมดีกว่า
รุ่นที่ผมสนใจ เล็งๆไว้
SUZUKI New Swift A/T 1.2 GA หรือ GL
ราคาขาย GA 469,000 Baht     ส่วนลดภาษี 72,000 Baht
ราคาขาย GL 507,000 Baht     ส่วนลดภาษี 75,000 Baht
ตีประมาณเอาว่า รถคันนี้ ออกมาในต้นปี 2012

 


รุ่นที่ผมสนใจ เล็งๆไว้อีกรุ่นนึง
Ford Fiesta 5 Dr A/T 1.4 หรือ 5 Dr A/T 1.5 Trend
ราคาขาย 1.4 A/T 594,000 Baht     ส่วนลดภาษี 100,000 Baht
ราคาขาย 1.5 A/T Trend 654,000 Baht     ส่วนลดภาษี 100,000 Baht
ตีประมาณเอาว่า รถคันนี้ ออกมาในปี 2012



ผมขอข้ามกรณี ผู้ที่ซื้อรถ เงินสด แล้วได้เงินภาษีคืนไปนะครับ
เพราะถือว่า เขาไม่มีปัญหาทางการเงิน ในการซื้อ-ขายรถเท่ากับผู้เช่าซื้อ

รถทั้ง 2 รุ่นนี้  ( หรือจะรุ่นอื่นๆก็ตาม ) กลุ่มที่จะพูดถึง คือกลุ่มที่ผมเดาว่า ผู้ครอบครอง หรือ ผู้เช่าซื้อ
ไม่สามารถที่จะผ่อนต่อได้ โดยที่อาจจะใช้รถมาแล้ว 1 ปี 2 ปี 3 ปีั ก็แล้วแต่ และไม่สามารถ ( หรือไม่ต้องการ ) จะคืนเงินภาษีรถคันแรกกลับแน่ๆ



หนึ่งในหลักเกณฑ์ คือ ต้องเป็นรถยนต์คันแรกที่ทำสัญญาซื้อขายระหว่างวันที่ 16 ก.ย. 2554-31 ธ.ค. 2555 เพราะ ฉะนั้น รถที่เข้าข่ายคือ ถูกใช้งานมาตั้งแต่ ราว กันยายน 2554
เมื่อครบ 1 ปี ก็ราวๆ กันยายน 2555 ก็จะเริ่มได้เงินคืนกันหลายคันละ
เพราะมาตรการนี้ จึงทำให้ ผู้ที่สถานการณ์ทางการเงิน เริ่มตึงมือ จำต้องรอจนได้เงินสดค่าภาษีรถคันแรก โอนเข้ามาก่อน

แต่.....ช้าก่อน ผู้ที่สนใจจะซื้อรถมือ 2 ที่อยู่ในโครงการรถคันแรก
ณ. วันนี้ เดือนมกราคา 2556 ปริมาณรถของผู้ที่ผ่อนไม่ไหว อาจจะยังไม่มาก
ผู้สนใจจะซื้อ รอ....รอ.... ยังครับ ต้องรอให้สุกได้ที่อีกนิดนึง
นักเศรษฐศาสตร์ ที่จบด้วยเกรดเฉลี่ย 2.03 อย่างผม คาดเดาว่า  


รอจนสุกงอมได้ที่ ก็ ปลายปี 2556
ไม่ต้องเป็นหมอดู ไม่ต้องเป็นเทพบุตรพยากรณ์ ไม่ต้องเป็นนักเดาอนาคตลวงโลก

แล้วราคา ??? เงื่อนไข ??? ของคุณๆ ผู้ที่จะซื้อรถมือ 2  จากรถที่เข้าโครงการนี้ล่ะ !!!



ขอใช้คำว่า รถโครงการฯ แทน รถที่อยู่ในโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรก เพื่อความสะดวก นะครับ
ผู้ขาย คือผู้ครอบครอง หรือ ผู้เช่าซื้อ ที่จะขายรถของตัวเอง ที่้ยังคงติดอยู่กับไฟแนนซ์
ผู้ซื้อ คือ ผม หรือ ท่านๆที่สนใจจะต้องซื้อรถมือ 2 จาก รถโครงการฯ

กรณีนี้ จะว่ากันถึง ผู้ครอบครอง หรือ ผู้เช่าซื้อ ที่จะขายเอง โดยขายต่อ
ซึ่งจะถูกแยกเป็น 
1. เปลี่ยนสัญญา กับไฟแนนซ์ หรือ จัดไฟแนนซ์ใหม่ (สำหรับผู้ซื้อรถต่อ) หรือ
2. จะซื้อสดจากผู้ขาย และทำสัญญาโอนลอย หลังครบ 5 ปี ( ซึ่งเสี่ยงหน่อย )
ราคาทั้ง 2 ประเภท สำหรับผู้ซื้อรถโครงการฯ ต่อจากผู้ขาย ย่อมต่างกันแน่นอน จากความเสี่ยงนั่นเอง

 

สมมุติว่าเหตุการณ์เกิดขึ้น ธันวาคม 2556  ผมถูกใจรถโครงการฯ 1 คัน ที่ผุ้ขายอยากขาย
เป็น Swift A/T 1.2 GA รถออก มกราคม 2012 หรือ 2555 ราคาขายตอนนั้น 469,000 Baht     ส่วนลดภาษี 72,000 Baht
ผมจะซื้อที่ เท่าไรดี ??  ( ราคา ก็เป็นราคาที่ผมคาดว่าจะซื้อ )

สมมุติว่า รถคันนี้ ดาวน์ที่ 20% = 93,800 Baht ผ่อน 72 เดือน ด้วยยอด 6,149 Baht
** ที่คิดที่ 72 เดือน เพราะ มองที่คนซื้อรถกำลังการผ่อนไม่สูง ( พวกที่ผ่อนไหว ระยะสั้นก็มี )
[ ตัวเลขประมาณยอดผ่อนจาก www.9carthai.com ]
นักเศรษฐศาสตร์ เกรด 2.03 อย่างผมคำนวนได้ว่า ดอกเบี้ย 2.5 %
แล้วหากตัดสด จะลดดอกเบี้ย 50 %

สมมุติอีกเช่นกันว่า ไม่มียอดค้าง ( ซึ่งถ้ามี คงต้องเช็คไฟแนนซ์ ยอดค้าง เบี้ยปรับ ฯลฯ แล้วไปต่อรองราคากันเอาเอง )
รถคันนี้ ถูกใช้งานมา 1 ปี 9 เดือน ผู้ขายจ่ายเงินไปแล้วรวม 222,929 Baht ( ไม่รวมประกัน และ อื่นๆ )
แต่ได้เงินภาษีคืน 72,000 Baht สรุปคือ จ่ายจริง 150,929 Baht
ยอดคงค้างที่ไฟแนนซ์ 313,599 Baht จาก 51 เดือนที่เหลือ ที่ต้องผ่อน

มองจากยอดผ่อน 6,149 Baht ในนั้นมีดอกเบี้ย 938 ฺBaht เป็นยอดเงินต้น 5,211 Baht - เผื่อจะคำนวนง่ายขึ้นเวลามองเป็นงวดๆ



แบบที่ 1 เรียกว่า เข้าตามตรอก ออกตามประตู ไปกันตามระบบ ระเบียบ
แบบนี้ ไฟแนนซ์จะต้องเรียกเงินภาษีคือ จะจากผู้ขาย หรือผู้ซื้อก็แล้วแต่ 72,000 Baht

เอากรณี ผู้ซื้อ จะตัดสด
ยอดไฟแนนซ์ จากด้านบนคือ 313,599 Baht หากตัดสด ลดดอกที่ 50 %
จะลดดอกเบี้ยไป 23,919 Baht ( จากดอกรวม 47,838 Baht )
จะเหลือยอดต้องปิด 289,680 Baht
เพราะฉะนั้น ผู้ซื้อจะต้องจ่าย 289,680 Baht เป็นอย่างน้อย + เงินซื้อดาวน์
ถ้าเป็นผม จะซื้อดาวน์ที่ 50,000 Baht รวมตัดสด 290,000 Baht ( ขอปรับเป็นเลขกลมๆ )
คือจ่าย 340,000 Baht สำหรับรถเกือบ 2 ปีคันนี้ 
โดยที่ผู้ขาย ต้องจ่ายคืนภาษีเองด้วย
ผู้ขาย เสียรถ ควักเงินตัวเองอีก 22,000 Baht เพื่อจ่ายคืนภาษีกลับ
ผู้ขายคงไม่ Happy แน่ๆ แต่จะขายราคาสูงกว่านี้ ก็ยาก !!


แบบที่ 2 เรียกว่า วัดใจ วัดดวง ใช้ตัวอย่างเดียวกัน หรือ รถหลุด หรือ ไว้ใจ เชื่อใจกัน

** ฝั่งผู้ขาย ไม่อยากจ่ายเงินภาษีกลับ ไม่สามารถผ่อนต่อได้
** ฝั่งผู้ซื้อ แน่นอน หารถถูกๆ ปีใหม่ๆ มาใช้งาน


ค่อยๆอ่าน ค่อยๆ คิดตามนะครับ พยายามมอง 2 ฝั่ง ทั้งผู้ซื้อ และผู้ขาย

เป็น Swift A/T 1.2 GA คันเดิมนี่แหละ
แต่ผู้ขายไม่อยากเสียเงินจากรถโครงการฯ อยากได้เงินเต็มๆ นั่นแหละ

** ฝั่งผู้ซื้อ **
ซึ่งจากตัวอย่าง และ ตัวเลขด้านบน ทำให้คุณ ตัดสินใจได้ว่า 
ควรซื้อรถคันนี้ ที่ราคาเท่าไร ที่จะจ่ายให้ผู้ขาย
นั่นคือ 340,000 Baht ผู้ขายไม่ขาย ก็ไม่เป็นไร เพราะ เดี่ยวก็มีรถพวกนี้อีกเยอะแน่ๆ รอปลายๆปี 2556 เถอะน่า จะเริ่มออกมามากขึ้น

คุณจะซื้อดาวน์ เท่าไร ??
แล้วคุณก็ส่งค่างวดรถต่อแทนผู้ขายอีก 313,599 Baht
โดยที่ คุณเอารถ และ เอาเอกสารผู้ขายทั้งหมดที่ต้องใช้โอนกรรมสิทธิ์
และเอกสารอื่นๆ - ไม่ขอพูดถึงเอกสารนะครับ
แล้วไปวัดดวงว่า ผู้ขาย ไม่ตายไปก่อนวันที่ครบกำหนด 5 ปี ที่จะโอนรถได้
ผู้ซื้ออย่างผม ถ้าอยากซื้อแบบนี้จริงๆ ก็ ฟรีดาวน์ครับ - แต่ไม่แนะนำวิธีนี้เลยจริงๆ
ผู้ขาย อาจจะขอเงินนิดๆ หน่อยๆ อาจจะ 10,000 - 20,000 Baht

ผู้ขาย ก็ไปวัดดวงกะผู้ซื้ออีกว่า จะผ่อนต่อให้เราไหม เพราะไม่งั้น ผู้ขายก็จะ Black List
ผู้ซื้อ ก็วัดดวง ว่าจะโอนรถได้ไหม
อาจจะเหมาะกับคนรู้จักกัน สนิทกัน ญาติๆกัน
แต่อย่าลืม !! เงินทอง ไม่เข้าใครออกใคร ญาติกัน ยังฆ่ากันได้ ก็เป็นข่าวมาแล้ว

วิธีการแบบที่ 2 นี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบแบบเทาๆ ไม่ขาวสะอาดมาก
เพราะ ผู้ซื้อ ได้รถมาใช้ แล้วเอารถไปวิ่ง ตจว. ในไร่ ในนา ซึ่งถูกกว่า ซื้อรถหลุดจำนำ แถมใหม่กว่า
เพราะ ผู้ขายร้อนเงิน อยากได้เงินไว พร้อมที่จะ Black List กับทุกธุรกรรมทางการเงิน
กรรม ตกกับผู้ค้ำประกัน !!

ทำไมถึงมีผู้ขายแบบนี้ ??? สมัยก่อนราว 10 ปีกว่าที่แล้ว มีขบวนการรับจ้างซื้อรถ ไม่แน่ใจในสมัยนี้อาจจะมีวิธีการที่แยบยลกว่าสมัยก่อนมาก
พวกนี้ พร้อมจ่ายเงินดาวน์ แล้วก็เชิดรถขายประเทศเพื่อนบ้าน


 แบบที่ 3  อันนี้ ผู้ขายจงใจ ขายเป็นรถหลุดจำนำ
ซึ่งมันก็คือ รูปแบบที่ผ่อนไม่ไหว แล้วเอารถไปจำนำ
จากตัวอย่างเดียวกันกับแบบที่ 1
** ฝั่งผู้ขาย น่าจะขายรถโดยการจำนำได้สัก 80,000 - 100,000 บาท
แถมไม่ต้องจ่ายคืนภาษี ไปใช้ชีวิตนอกระบบการเงิน
อาจจะให้ ภรรยา หรือ สามี ดำเนินธุรกรรมทางการเงินด้านอื่นๆให้
** ฝั่งผู้ซื้อ ได้รถหลุดไปใช้ ราคาถูก ไม่ต้องผ่อน ไม่สนกรรมสิทธิ์
ใช้งาน 2-3 ปี แยกอะไหล่ขายยังได้กำไร

ตายแล๊ว.......ระบบเศรษฐกิจของประเทศจะเป็นยังไงเนี่ย ??

** ทุกอย่างเป็นเพียงการคาดเดาจากพื้นฐานของคนจบ เศรษฐศาสตร์ 2.03 ที่ไม่ได้ทำธุรกิจเรื่องรถเลย แค่ชอบซื้อรถ เปลี่ยนรถเรื่อยๆ และไม่ได้หวังพาดพิงระบบ ระเบียบ
เขียนเพราะจ้องที่จะซื้อรถพวกนี้อยู่น่ะ .....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น