ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

ปฐมนิเทศ ม.1 สตรีวิทย์ 2 รุ่น 37

จริงๆแล้ว เรื่องราว น่าจะเริ่มต้นตั้งแต่ ลูกชายจบ ป.6
แต่ก็เอาเถอะ ที่ผ่านมาบางเรื่้องถูกบันทึกใน FB แต่วันนี้ มีความรู้สึกที่ดี และ พิเศษไปกว่าเดิมๆ
ผ่านการสอบเข้า ม.1 ผ่านการมอบตัว และ อะไรหลายๆอย่าง
จนถึงวันที่ ปฐมนิเทศ ผมเองติดงานช่วงเช้า เลยไม่ได้เข้่าไปที่โรงเรียนในครึ่งแรกของวัน


ก็เป็นหน้าที่ของ แม่ของลูก ที่ต้องไปแทน ช่วงเช้ามีอะไร อย่างไรบ้าง ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
มาถึงช่วงบ่าย ผมเลิกงานเที่ยง ก็รีบเผ่นไปโรงเรียนลูก ลูกก็โทรฯตาม เพราะเขาจะต้องเข้าห้องประชุมต่อ
"โอเคครับ ลูก ห้อง 1233 นะ อีก 15 นาที พ่อจะถึงละ" ผมตอบลูก จากการคำนวนระยะทางและเวลา
เข้าไปถึงก็ เจอครูประจำชั้น


ผมเองก็ยังไม่รู้เลย ว่า ลูกอยู่ชั้นม.1 ห้องอะไร ได้แต่บอกครูว่า ลูกให้มาที่ห้องนี้
ครูก็คงจะงงๆ ว่า "ผู้ปกครองแบบไหนวะเนี่ย" - อันนี้ ผมคิดในใจ

เมื่อผู้ปกครองเข้าห้องจนครูเห็นว่า เกือบครบ ก็เริ่มแนะนำตัว บอก ชี้แนะ หลายๆอย่างให้ผู้ปกครองทราบ
เป็นสิ่งที่ดีครับ เข้าใจอะไรมากขึ้น และยังได้แลกเปลี่ยนความคิดระหว่างผู้ปกครองคนอื่นๆ
ผู้ปกครองคนอื่นๆ ก็แนะนำตัวเอง เพื่อเป็นการทำความรู้จักกันเบื้องต้น

แต่ละห้องก็จะต้องมี คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง ของห้องนั้นๆ โดยให้ผู้ปกครอง ( หรือ พ่อ แม่ ) ร่วมเป็นคณะกรรมการ เพื่อร่วมเป็นสื่อกลางในการดูแลนักเรียน ห้องละ 5 คน ในส่วนของลูกผม ก็ ม.1/15 ครับ

เสนอตัวถึงเวลาเลือก หรือ ขอความสมัครใจ
รายแรก เป็นผู้หญิงครับ ขอเสนอตัวร่วมเป็นตัวแทน
รายที่ 2-4 เป็น ชาย 1 หญิงอีก 2 ที่ผู้ปกครองท่านอื่น เห็นว่าน่าเหมาะสม
แล้วก็ เงียบไปพักใหญ่ ขาดอีก 1 ครับ
ผมก็เลย เสนอตัว เป็น 1 คนสุดท้าย ( ส่วนหนึ่งเพราะหิวข้าวมาก อยากให้จบไวๆ..555 )

ทั้งหมด 5 คน ของม.1/15 ที่จะร่วมกันเป็นตัวแทน ก็ต้องให้ผู้ปกครองท่านอื่นๆ เลือกว่า ใครจะเป็น ประธานเครือข่ายผู้ปกครอง ชั้น ม.1/15
สุดท้าย หวยมาออกที่ผมครับ ก็พร้อมครับ ที่จะช่วยกันดูแลลูกๆของทุกคนให้ดี
แม้ความคิดบางอย่างของผม อาจจะไม่ได้ดีเลิศ แต่ก็เป็นโอกาสที่จะได้ แบ่งปันร่วมกับท่านอื่นๆ


ก็ต้องบอกก่อนเลยว่า ลูกผมเจอสภาพครอบครัวที่แตกแยก ตั้งแต่ สมัย อนุบาล 3
เราพยายามประคับประคองความรู้สึกลูกให้รู้สึกว่า เขาไม่ได้แตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ
ผมจะอยู่กับลูก เสาร์ - อาทิตย์
ส่วนวันธรรมดา เขาจะอยู่กับแม่
ก็เป็นการแบ่งสรรเวลา อย่างที่คิดว่า เหมาะสมกันสภาพแวดล้อมที่เรา้เป็นอยู่
เมื่อลูกเริ่มโตขึ้น เราต้องยิ่งดูแล เป็นให้ได้ทั้ง พ่อ - แม่ และ เพื่อน

กลับมาที่โรงเรียนต่อ เดี๋ยวจะออกทะเลใหญ่....เหอ.....เหอ....
ประธานเครือข่ายผู้ปกครองแต่ละห้อง ต้องไปประชุมต่อครับ กับประธานเครื่องข่ายผู้ปกครองห้องอื่นๆ
โอว......หิว....หิว....หิว....
เข้าไปที่ห้องประชุม เพื่อรอประธานคนอื่นๆ ที่จะเข้ามา
เมื่อครบ บรรยากาศการประชุม และเลือกประธานของรุ่น เป็นไปอย่างดีครับ
ไม่ซีเรียสมาก ต้องขอบคุณ อ.วิภา ที่ดำเนินการให้ทุกอย่างดูดี กันเอง แล้วตรงประเด็น
ทุกคนได้รู้จักกัน แม้จะไม่ลึกซึ้งมาก แต่วันนี้ ถือเป็นจุดเริ่มที่ทุกคนจะรู้จักกัน ร่วมมือกัน ดูแลนักเรียนให้เป็นคนที่มีคุณภาพ คุณธรรม


ภาพรอยยิ้มของตัวแทนเครือข่ายผู้ปกครอง ระดับชั้น ม.1 สตรีวิทย์ 2 ทุกท่านมีความสามารถ พื้นฐาน และความตั้งใจที่น่าชื่นชมครับ ผมเอง ยังรู้สึกว่า แต่ละท่าน มีจุดเด่นหลายๆจุดที่น่าศึกษา

 
ก่อนออกจากห้องประชุม ก็ถ่ายรูปร่วมกัน เพื่อเตรียมเริ่มงานกันอย่างเป็นทางการ
เอ....ขาดผู้ปกครอง 1 ท่าน ผมเองก็จำไม่ได้ซะด้วยซี ว่าใคร....
แต่ไม่ใช่ผมละ...เพราะผมเสนอหน้่าอยู่ในภาพนี่นา.....555

เอ่อ....ฉายา แต่ละท่าน รวมทั้งตัวผมเอง ผมก็ไม่กล้านำเสนอจริงๆ
เอาไว้ให้สนิทกันมากขึ้น แล้วจะค่อยๆเผยดีกว่า

ว่าแล้วก็ลืมตัวแทนที่เหลืออีก 4 ท่านของห้อง ม.1/15 ไปเลย ใครเบอร์โทรฯอะไรมั่งหว่า...
สงสัย ต้องโทรถามครูประจำชั้นก่อนละ......สวัสดีครับ

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

Paradox - บ่วงไฟ


ด้วยความที่ ศุกร์ที่ 22 นี้ จะต้องโดนลูกค้าอัดหนักๆ แน่ๆ
พลันหูก็แว่วๆ เสียงเพลง ก้องในหัว ลอยมา เบาๆ ค่อยๆ ชัดขึ้น ชัดขึ้น

"บ่วงไฟ เราจะฝ่าไป
ไฟจะร้อนไฟจะแรงมันจะลวกมันจะพองเรา
บ่วงไฟ เราจะข้ามไป เราจะกล้าบ้าพุ่งข้าม
บ่วงไฟ เราจะฝ่าไป
ไฟจะร้อนไฟจะแรงมันจะลวกมันจะพองเรา
บ่วงไฟ เราจะข้ามไป เราจะกล้าบ้าพุ่งข้าม"

เลยกลับไปค้นแผ่นของ Paradox - Freestyle มาเพื่อจะเปิดอัดเข้าหูตัวเองแบบ หนักๆ
เจอละ เตรียมไว้เลย
พฤหัสฯ ที่ 21 ยามเช้า เปิดเลยครับ เพลงนี้ เพลงเดียว วนซ้ำๆไป
50 นาที ที่เดินทาง จากบ้านมาที่ทำงาน เพลงนี้โดดๆ เพลงเดียว
เอาให้หนัก เอาให้ตื่น เอาให้มีแรงต่อ สะจาย.........Suck Seed.......

บ่วงไฟ - Paradox
ทำงาน มานาน ยังกลัว ยังเกรง
กังวล ระแวง รีรอ ทำไม
ความอาย อ่อนแอ แทรกซึม รอบกาย
ทำไป กลัวไป จึงยอม ง่ายดาย

* โลก มีอุปสรรคกั้น ไม่ว่าจะทำอะไร
ยิ่งอันตราย ก็เหมือนไฟบ่วงบาศก์ ลุกเป็นเพลิง
ไม่ต้องไปกลัว ไฟจะร้อนแรง ลุกลาม
ต้องพยายาม ต้องแข็งใจ ทะลวงไอ้ห่วงบรรลัยกัลป์

** บ่วงไฟ เราจะฝ่าไป
ไฟจะร้อนไฟจะแรงมันจะลวกมันจะพองเรา
บ่วงไฟ เราจะข้ามไป เราจะกล้าบ้าพุ่งข้าม
บ่วงไฟ เราจะฝ่าไป
ไฟจะร้อนไฟจะแรงมันจะลวกมันจะพองเรา
บ่วงไฟ เราจะข้ามไป เราจะกล้าบ้าพุ่งข้าม

รอคอย พยายาม ทำงาน ให้ดี
อุปสรรค มาทำลาย อย่าไปยอม จงตั้งใจ
ระวัง มัวแต่ไปกลัว ระวัง มันจะสายเกิน
ลองดูลุยมันเข้าไป การเริ่มต้นเป็นสิ่งที่ดี

เริ่มต้นก็ชนะไปกว่าครึ่ง เริ่มต้นก็ชนะไปกว่าครึ่ง
เริ่มต้นก็ชนะไปกว่าครึ่ง เริ่มต้น..

บ่วง.. ไฟ.. บ่วง.. ไฟ..
บ่วง.. ไฟ.. บ่วง.. ไฟ..

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

เยี่ยมเพื่อน ยามสงกรานต์ - บ้านคลองลาน

ต้องออกตัวก่อนเลย ว่างานนี้ เกือบมีวืด
ด้วยความที่ ไม่ค่อยได้กระตุ้นกันเท่าไร แล้วก็สถานที่อาจจะ เดิมๆ ไม่มีอะไรตื่นเต้น
จุดเริ่มนี่ ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่า ไปยังไง มายังไง
รู้แต่ว่า เพื่อนควาย บอกว่า กูจองบ้านแล้ว
บ้านริมน้ำเลย ติดเขื่อน (เ่อ่อ...จินตนาการผมไปไกลแล้ว แค่บอกว่าติดน้ำน่ะ)
เอาวะ ! ผมน่ะพร้อมอยู่แล้ว เรื่องเดินทาง เพราะไม่ไกลจากบ้านเท่าไร ขับรถไป ร้อยกว่าโล
สบายๆ

ก่อนออกเดินทาง ผมโทรฯหาเพื่อนอู๊ด สร้่างอารมณ์กันแต่เช้า
เพราะมันยังไม่ได้รับปากอย่างจริงจัง ว่ามันจะไปแจมด้วยกัน
จนช่วงเช้าที่โทรฯไป ก็ยังไม่ตอบรับว่าไป - ไม่ไป

ระหว่างเดินทางไปบ้านเพื่อนควายที่คลองลาน ราวๆ บ่ายสอง
สายแรก - น้องแดง ภรรยาสุดที่รักของเพื่อนพงษ์ โทรฯมา
"พี่พงษ์สงสัยจะไปไม่ได้แล้วพี่ เมาหลับไปแล้ว"
อ้าว....วืดไป 1

สายที่สอง - เพื่อนเก
"เฮ๊ย อยู่แถวไหนแล้ว แวะมาบ้านกูดิ"
เอาวะ โิอเค เลยไปนิดหน่อย จะเป็นไรไป
ไปถึง โอ้โห.....สาวๆ เต็มหน้่าบ้านมันเลย กะลังเล่นสาดน้ำกันอย่างน่าเคี้ยว
"หลานกู เว๊ย....กะเพื่อนๆมัน" เสียงเพื่อนเก บอกอย่างจริงจัง
"หวงเพื่อนของหลานด้วยหรอว่ะ" อันนี้ ผมคิดในใจ
เพราะ มันนั่งหน้าบ้าน เปิดเพลงดังกระหึ่ม พร้อมอาหาร เครื่องดื่มเพียบ !
นั่งกะมันได้สักพัก ก็ลากมันไปแจม คลองลานด้วยกัน

สายที่สาม - เพื่อนควาย บอกว่า เพื่อนอู๊ดออกมาแล้ว
อ๊ะ... ได้คนเพิ่มแล้วแฮะ จากทีแรก คิดว่า จะมีัครัวผม กะ ครัวเพื่อนควาย


ผมขับรถจากคลองขลุง ไป คลองลาน ด้วยอามรณ์เซ็งๆ กะ คนเล่นน้ำสงกรานต์ ที่น่ากลัวว่าผมจะเหยียบใครเข้า เพราะ ดูท่า ผู้คนตามถนนจะเมา แล้วเล่นน้ำกันบนถนนอย่างไม่กลัวรถเลย

แต่ก็ผ่านมาด้วยดี มาถึง คลองลาน เจอรถเพื่อนอู๊ดจอดรออยู่แล้ว
สงสัย มันจะเหยียบมาอย่างเร็วแน่เลย ส่วนผมน่ะ มาเรื่อยๆ ตามสไตล์คนชรา

สักพัก เราก็เดินทางไปที่พัก คราวนี้ พักบ้านครับ ได้นอนกันดีๆบ้าง
บ้านพักติดเขื่อน โอ้ว.....สุขใจ
ไปถึงก็เก็บของเข้าบ้าน
มีแต่ผม ที่เดินหา....
ไหนวะเขื่อน ไหนวะแม่น้ำ ลำธารเล็กๆ ก็ได้
โดนมันหลอกซะแล้ว....555 ...
พ่อหนูน่ะ เหมือนใครซะที่ไหนล่ะ...555... เสียงนี้ ก้องในหูผมตลอดเวลา

สักพัก เพื่อนพงษ์โทรฯมา
"ขาดกูมึงจะสนุกหรอ ?" แล้วมันก็รีบตามมา คนเดียวโดดๆ
สงสัย จะมีใครสักคนที่บ้าน งอนอยู่ อ๊ะป่าว...หว่า

บรรยากาศ ก็เป็นการย้ายสถานที่สังสรรกัน เท่านั้น ไม่มีอะไรมาก
ไม่ได้ไปขึ้นเขา ขึ้นดอย ให้สนุกแบบที่เคยๆ แต่ก็ เอาน่า....เจอเพื่อนๆ ก็พอใจ

เพื่อนเก บอกว่ามี "ของดี" จะนำเสนอ
เพื่อนอู๊ด ได้จังหวะบอก "ถ้ามึงไม่เอา กูขอเลยละกัน" อ๊ะ...ของโปรดเขาด้วยละ
เช้ามา ผมก็มานั่งทบทวนกะ เพื่อนอู๊ด เพราะไม่ค่อยแน่ใจ มันจะให้ "ของดี" ไหม
เออ...เอาวะ เดี๋ยวก็รู้
ส่วนผม ตื่นมาก็ชวนลูกไปเดินเล่นละแวกนั้น ได้เห็นลำธารเล็กๆ ก็พอใจละ
ถนนตามแนวเขา ไม่ค่อยมีรถวิ่งวุ่นวาย เลยได้จังหวะ โดดกับลูกซะหน่อย
ไปโดดกันพ่อ-ลูกที่ภูเก็ต ริมทะเลแล้ว โดดกัน ริมเขา จะเป็นไรไป

สุดท้าย ชึ้นช่องเย็น ก็ไม่ได้ขึ้น ขึ้นไปดูศาลาของผม ก็ไม่ได้ขึ้น
เพราะต้องรีบกลับไปเอา "ของดี" ที่บ้านเพื่อนเก
สุดท้าย งานนี้ เพื่อนอู๊ด สุขใจที่สุด
แหม...ไอ้คนที่ไม่ได้ตั้งจะมา กลับขับรถกลับไปบ้าน พร้อมความสุขกว่าทุกคน.....

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

ชื่อของเขา : ปัณชญา

ย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ผมรู้ว่า กำลังจะเป็นพ่อคน
ความตื่นเต้น สับสน ระคนความรู้สึกหลายๆอย่าง มันอธิบายไม่ถูก
หนึ่งในความรู้สึกเหล่านั้น คือ การตั้งชื่อลูก

เรา (ในที่นี้คือ ทั้ง คนที่จะเป็นพ่อ และ คนที่จะเป็นแม่)
ในเวลานั้น ยังไม่รู้หรอกว่า ลูกของเรา จะเป็น ชาย หรือ หญิง
หรืออาจจะ ก้ำกึ่ง ก็ได้ ใครจะไปรู้ ....
เราต่างคิด และ สรรหา ชื่อ ที่จะเรียกสำหรับลูกคนนี้

"เบ๊บ" เป็นชื่อเล่นที่ผมคิดไว้ในใจอยู่แล้ว
ไม่ว่า จะออกมาเป็นชาย หรือ หญิง หรือ ก้ำกึ่ง ก็ตาม

"ณ" เป็นพยัญชนะ ที่ผมคิดว่า จะต้องมี ในชื่อของลูกผม
เวลานั้น ผมคิดเสมอว่า อยากได้ และ คิดว่า เขา ต้องเป็นผู้ชาย

"ญ" เป็นพยัญชนะ ที่แม่ของลูก ต้องการจะให้มี


เวลาผ่านไปจนถึงเวลาที่ต้องไป Ultrasound เพื่อดูความสมบูรณ์ของทารกในครรภ์
มันเป็นความรู้สึก ที่พิเศษ แปลกใจ ระคนตื่นเต้น
ที่จะได้เ็ห็นลูกของตัวเอง ในสภาพที่ยังไม่เต็มตัวเท่าไร
ในยุคนั้น ยังไม่มีการ Ultrasound แบบ 4 มิติ ที่เห็นได้ชัดขนาดปัจจุบัน
แต่การได้เห็น เพียงเท่านี้ เหมือนการได้ ยิ้มทักทายลูกน้อย
เหมือนบอกเขาว่า เรากำลัง "รอ" ให้เขาทักทายกลับมาผ่านทางจอ Monitor ขาวดำ

เมื่ออายุครรภ์ได้มากขึ้น ทารกในครรภ์ เริ่มดิ้น เริ่มขยับตัว
ผมกลับมีความรู้สึกแปลกๆ ชอบจับท้อง
ชอบสัมผัส ท้องที่โย้ของแม่เขา
รอว่า เมื่อมือพ่อจับไปที่ท้อง เขาจะตอบรับกลับ ด้วยการดิ้น การขยับตัว
แค่นี้ ก็เป็นสุขใจ ที่ได้รับการทักทายกลับจากลูก ที่อยู่ในครรภ์

แล้วอาการนี้ ยังคงติดตัวผมไป จนถึงทุกวันนี้
เวลาเจอใครที่ตั้งครรภ์ ท้องโตๆ ผมกลับชอบเอามือไปสัมผัสที่ท้อง
ไม่ว่าจะเป็น รุ่นน้องที่ทำงาน แม่ค้าขายของ หรือแม้กระทั่ง พนักงานร้าน 7-11
ผมก็เอื้อมมือไปแตะท้องเบาๆ พร้อมคำถาม ธรรมดาๆ
"คลอดเมื่อไรครับ"


กลับมาถึงชื่อของเขาต่อ
"ปัณชญา" เป็นชื่อที่ผมคิด และ เลือกแล้ว ว่า ดี เหมาะสมกับเขา
โดยไม่ต้องดูว่าเขาจะเกิดวันไหน เวลาไหน
ไม่ดูว่า คำ หรือ พยัญชนะใด ไม่ดี
เพราะชื่อนี้ มีค่า ตรงที่ พ่อเป็นผู้คิด และ ตั้งให้เขา
ไม่่ว่า พระ , พระเจ้า , ศาสดา หรือ ร่างทรงหมาแมวที่ไหน
จะบอกว่า กาลกิณี หรือ เลวร้าย คงจะโดยผมสวนกลับไปเป็นแน่


"ปัณชญา" มีพยัญชนะ "ณ" และ "ญ" อย่างที่พ่อและแม่ต้องการ
"ปัณชญา" มีความหมายอย่างถูกต้องว่าอะไร ผมไม่สนใจเลย
เพราะความหมายที่ผมตั้งใจจริงๆ จะแฝงในชื่อคือ "ปัน"
ที่้แปลง่ายๆ คือ แบ่งปัน


แต่หากใครถามผมถึงความหมายของชื่อแล้ว ผมจะตอบว่า
"ปัณชญา คือ ผู้ที่แบ่งปัน ปัญญาให้คนอื่น"

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

รวมพล 6.10 ขนาดมินิ ที่ “สัต’heep” -2

วันที่ 2 : วันแปร๊ด.....
อรุณสวัสดิ์ยามเช้า สาวๆ บางส่วนตื่นแล้ว สักพักผมก็ลุก เพราะปกติ ตื่นเช้าประจำ เห็นเพื่อนอู๊ด กับมดแดง แฉแต่เช้า กำลังอุ่นหมูย่าง ปลา และ อาหารเมื่อคืนให้
แหม...ตื่นมาก็มีคนทำอาหารให้กิน นี่มันดีจริงๆ....
สักพักเด็กๆ ก็ตื่น ใครจะเล่นน้ำมั่ง ผมเอ่ยปากชวนเด็กๆ แบบชวนไว้ก่อน เพราะเด็กๆ ตื่นมาก็ เล่นของกิน ขนมขบเคี้ยว โจ๊ก มาม่า โอย..สารพัน
สักพัก มาแล้วครับ มดแดง แฉแต่เช้า หลังจาก เพื่อนพงษ์ ฉายกลางคืน เมื่อคืนวันเสาร์
เนี่ยะ กินแล้วก็เป็นอย่างเนี๊ยะ เรื่อยเลย 3 ขวด ก็เมาแย่และ
เนี่ยะ พอเมานะ เช้าก็จะทำงานไม่ไหว นั่งแปร๊ดอยู่แบบเนี๊ยะ
แฉพลาง ก็ ทำท่าให้ดู ว่า ไอ้ท่า แปร๊ดน่ะ มันมีอาการแบบไหน ?
แหม....ไม่มีภาพให้ดู มีแต่ภาพตอนหมดสภาพ ยามเช้า
เนี่ยะ เจอเพื่อนเก่าๆ สมัยเรียนมาทัก เขาก็ทำท่า อย่างเงี๊ยะ
พร้อมทำท่าให้ดู ใครเคยเจอเขา คงจะจำได้ ท่าแบบนี้
โน้มตัวนิดนึง ให้รู้ว่า กรู..สุภาพนะเมิง
เงยหน้ามอง บิดๆปากมุมซ้าย นิดนึง ประมาณว่า กรูยิ้มให้มึงอยู่นะ
ขมวดคิ้ว พร้อมกับพูดว่า ใครวะเนี่ย ?”
น่านละ เขาละ .... มดแดง แฉ(ผัว)แต่เช้า

เพื่อนอู๊ด บอกว่า เมื่อคืนเพื่อนพงษ์เขามาเต็ม มีเท่าไร ใส่หมด มีกี่มุข ยิงไม่ยั้ง
ยังครับ มดแดง ยังแฉต่อ เรื่องเดิมๆ เมื่อ ผู้ร่วมสนทนามาเพิ่ม....
ภูมิใจนำเสนอจริงๆ เลย ครอบครัวนี้ มีแฉกันเอง ทุกทริป ขาดไม่ได้ครับ ครัวนี้ ไม่งั้น เสียอรรถรส ของการเดินทางไปเยอะ

ผู้คนเริ่มทยอยตื่นกันมาเกือบครบ ยกเว้นเขาครับ (คงรู้ว่าใคร)
สายๆหน่อย เพื่อนตุ๊กมา ป๋า กะ แม่ มาทักทายพวกเรา
จริงๆ ต้องบอกว่า มาให้พวกเราทักทาย
ป๋าพูดน้อย อาจจะเรื่องสุขภาพ เลยไม่ได้ยินเสียงแหบของป๋ามากเท่าที่อยากจะฟังเลย
ส่วนแม่ ยังสวยเสมอ สวยโดดเด่นกว่าลูกสาวตลอดเวลา

ส่วนเพื่อนพงษ์ ทำได้เพียง ลืมตา สวัสดีป๋ากับแม่ด้วยสายตา เท่านั้น จริงๆ เพราะดูท่าแล้ว คงจะลุกขึ้นมานั่งไม่ได้ แปร๊ด....แน่ๆ


หลังจากนั้น ก็ ลังเลกันพักใหญ่ จะเอายังไง จะไปไหน จะอะไร..อะไร ก็ยังไม่ชัดเจน
ผมเอง นึกในใจว่า ถ้า เที่ยงตรง ยังไม่ชัดเจน พ่อจะพาลูกไป ระยองฮิสั้นกัน ไปร้านลุงสิน กินอาหารทะเล ให้ชุ่มใจ

สุดท้าย ใกล้ๆ เที่ยง ตั้งขบวนจอดรอเดินทาง ผมขับวนรอบหมู่บ้าน 1 รอบ เพื่อกระตุ้นตัวเองให้อยากออกเดินทางต่อ

สุดท้ายขับไปเรื่อยๆ ไปหยุดกันที่ หาดนางรำ ขณะที่เพื่อนตุ๊ก จ่ายค่าเข้า 20 บาท/คัน เพื่อมาวนกลับ และขอตัวลาไประยองต่อ

หาดนางรำ พิ้นที่ทหาร กลับมีผู้คนมากมาย เต็มหาด เต็มที่จอดรถ
โอย...อะไรกันนี่ ***@>:<@***
แต่ที่นี่ น้ำทะเล ก็ค่อนข้างใส มองเห็นเกาะใกล้ๆ แบบแทบจะว่ายน้ำไปได้
เรือก็มีให้เช่าพายไปรอบๆ เกาะได้...อืม..น่าสน ถ้าคนไม่ยั๊วเยี๊ย ขนาดนี้น่ะ

ปู ปลาร้า 3  เสียงนี้ยังคงตามมาหลอกหลอนผมอยู่ ทีแรกคิดว่าเสียงแว่วๆ
ไม่ใช่ครับ เสียงเพื่อนนิ่ม สั่งไปแล้ว แบบว่า สั่งไป น้ำลายหมด 3 แหมะไปด้วย

จากนั้นก็ มหกรรมกินริมทะเล มาทะเล ต้องส้มตำ เป็นทุกหาด
ส่วนผม คนดีครับ นั่งแกะหอยแครงให้เพื่อนๆกิน พร้อมฟังเสียงประชดประชัน
งานแบบเนี๊ยะ มันถนัด
แกะหอย ต้องมันเท่านั้น
ชื่นใจจริงๆ ชมกรูจังเลย เรื่องแบบนี้น่ะ คนดี เสียหายตลอด.....?

เพื่อนควายเสนอว่า เราควรหาอะไรกินกับแบบนี้ ทุกเดือน
รับฟัง และ นัดกันว่า 10 เมษา ไปเจอกัน นครสวรรค์
เอ....ไปจะนัดที่นั่น ตลอดไหมวะเนี่ย... - อันนี้ คิดในใจ

มาทะเล ต้องกระโดด ว่าแล้ว ก็มีคนกระโดด ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลเล๊ย...
เพื่อนน้อง กระโดดไม่กลัวกระดูกจะเคล็ดขัดไปตามวัยเล๊ย....

บ่ายแก่ๆ ก็เคลื่อนขบวนไปดูเรือรบ ที่อยู่ใกล้ๆ
เอาวะ...ไปก็ไป

ถึงเวลา ก็แยกย้ายกันกลับ เพื่อนควายและชาวคณะ แยกกลับไปบ้านพักก่อน
เพื่อนเหลิมและชาวคณะ กลับบ้านก่อน
เพื่อนอู๊ดและชาวคณะ กับคณะผม ไปหาซื้อของทะเล แล้วค่อยกลับ

เอ่อ...ใครที่ถ่ายรูปมาน่ะ...คราวหลังกรุณาเอา วันที่ออกด้วยดิ ภาพออกมา มันรกตาชิบ.......

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

รวมพล 6.10 ขนาดมินิ ที่ “สัต’heep” -1

รวมพล 6.10 ขนาดมินิ ที่ สัต’heep” 
ประเด็นแรกที่ต้องอธิบายก่อนเลย คือ ชื่อ ต้องเขียนแบบนี้ เนื่องจาก เวปบางที่ หรือ บางบริษัท Block คำไม่สุภาพ แล้วจะ Access เข้าไปดูหน้านี้ไม่ได้

จริงๆ จุดเริ่ม มันมาจาก เพื่อนพงษ์ ไปหาการ์ดแต่งงาน เพื่อนอ๋อย มาจาก แหล่งไหนก็ไม่รู้ (ได้ยินแว่วๆ ว่ามาจาก FB นี่ละ ) ไอ้กระผม ก็เลยเกิดอาการคัน อยากหาเรื่องรวมๆ ตัวกัน ฉลอง ยินดี กับเพื่อน ที่ไม่ได้เจอกันนานมาก

13 มีนาคม 2011 ผมขับรถไปเที่ยวเล่นกินอาหารทะเล ที่ระยอง เลยโทรฯไปหา เพื่อนอ๋อย เผื่อขากลับ จะได้แวะทักทายกัน ปรากฎว่า ไม่อยู่ เข้ากทม. ซะอีก เลยวืด ไม่ได้เจอกัน แต่ก็บอกไว้ว่า เดี๋ยวจะรวมตัวกันไปหา เตรียมจองที่พักให้ ซะโดยพลัน !

วันถัดๆมา รีบติดต่อเพื่อนๆที่พร้อมจะเดินทาง นัดวันไว้ซะเลย 26-27 มีนาคม 2011

วันที่ 1 : เคลื่อนขบวน !
สรุปจำนวน เพื่อนๆ ผู้ร่วมเดินทาง
เพื่อนควายและครอบครัว และรับเพื่อนน้อง ที่ชานเมือง แล้วไปเจอกันแถว ’heep
เพื่อนอู๊ด เอาล้อโตไป เดินทางพร้อม 2 คณะด้านล่าง
เพื่อนพงษ์และครอบครัว ไปรวมตัวบ้านเพื่อนอู๊ด ที่ย่านร่มเกล้า
เพื่อนกร อัยกาม(มากๆ) ไปรวมตัวบ้านเพื่อนอู๊ด ที่ย่านร่มเกล้า เช่นกัน
เพื่อนเหลิมและครอบครัว(2สาว) ตามไปเจอกันที่ ’heep เพราะรอเลิกงาน 15.00 ก่อน
เพื่อนตุ๊กและพ่อ-แม่ ขอตามไปเจอกันวันอาทิตย์
กระผมเอง เอาลูกไปทิ้งไว้ บ้านเพื่อนอู๊ด ตั้งแต่เช้ามืด แล้วตามไปหลังเลิกงาน 12.00

ราว 14.30 เพื่อนอู๊ดและสมาชิกในรถ กินอาหารรอแถวใกล้ๆ ’heep ไม่ถึง 10 นาที ผมก็ตามไปเจอกันที่ร้าน และ รอเพื่อนควายและคณะที่ร้านนั้น

รวมตัวกันครบครัน ก็เริ่มเดินทางไปบ้าน ม.เอกธานี ที่เพื่อนอ๋อยจองไว้รองรับสมาชิก 6.10 บ้านติดสระว่ายน้ำซะด้วย โดนใจผมละ

ไปถึงสวัสดีทักทายฝรั่งกะมะพร้าวคู่ แล้วเตรียมขับไปริมทะเลกัน เข้าไปที่ กองเรือยุทธการ ใกล้ๆ บ้านที่เราไปพักกันเลย เรียกว่า เยื้องๆ น่าจะเหมาะกว่า
หาดทรายกับทะเล ก็งั้นๆ สำหรับผม ไปจิบเบียร์ คุยกะเพื่อนๆ เป็นประเด็นหลักซะมากกว่า ส่วนเด็กๆ ก็เล่นน้ำกันไป
อาหารประจำทะเล ก็เป็นอะไรไม่ได้ นอกจาก ส้มตำ แล้วที่สั่งกันหนักๆ ปู ปลาร้า 3 สั่งกันมาเหมือนอดอยากกันมาจากที่ราบสูง 

สักพักเดียว ก็ได้ยินเสียง อาหมูๆ หนูอยากไปพายเรือ น่านไง อยากจะจิบเบียร์อย่างเป็นสุข ลูกมันมาอีกแล้ว น้องพัช ลูกใครก็ไม่รู้ มาชวนไปพายเรือ

สุดท้าย ก็ต้องไป พายกันไป 4 คน น้องเบ๊บ น้องรุ้ง น้องพัช โดยมีพี่หมู พาไปพายเรือกันแบบเรื่อยๆ เรือก็เรือคายัคพลาสติกนี่ละ ไม้พาย 2 อัน ผมรับมา 1 อีก 1 เด็กๆ สลับกันพาย ช่วยมั่ง ถ่วงมัน นั่งโยกเรือไปมา ตามประสาเด็ก
พายเรือไป มันก็โดดลงน้ำกันไป แล้วก็ขึ้น เรือก็เอียงไป-มา โอย พายลำบากจริง
นี่ถ้ากล้อง Waterproof ยังไม่พัง คงได้รูป ลิงขี่เรือ กันละ

ก็ไม่น่าเชื่อว่า ในเขตพื้นที่ทหาร จะมีคนเข้าไปนั่งเล่นนอนเล่น ริมหาดกันเยอะมาก ถ้าจะบอกให้ดูดี ก็นึกถึงหาดฮาวาย ที่มีคนเต็มหาดไปหมด หรือถ้าแบบไทยๆ ก็นึกถึงบางแสนวันหยุด อารมณ์ได้ใกล้เคียงกัน 

ทีแรกคิดว่า จะคนน้อย เดินเล่นได้อย่างสบายใจ ไม่มีความพลุกพล่าน เนื่องจากว่า ทั้งเพื่อน ทั้งลูกเพื่อน ดูท่าจะพลุกพล่านพออยู่แล้วน่ะ โดยเฉพาะเพื่อนที่ได้รับ แอลกอฮอลก์เข้าไปตั้งแต่ล้อเริ่มหมุน
พอพระอาทิตย์เริ่มหมดแรง พวกเราก็ยกพลกลับมาที่บ้านพัก เพื่อที่จะเข้าสู่พิธีการ กินดื่ม อย่างสมบูรณ์แบบซะที

ผมกลับมา ก็มาโดดสระน้ำกับลูกผม และ ลูกเพื่อน คนอื่นๆ ตั้งวง เตรียมของกิน สาวๆบางส่วนไปซื้อของสด มาเพื่อเตรียมทำอาหาร ให้หนุ่มๆ กินอย่างสบายใจ

ฟ้าเริ่มมืด เพื่อนเหลิมและครอบครัว(2สาว) รวมทั้งคณะที่ซื้ออาหารสด ก็มาถึง ถือว่า ครบองก์ประชุม ได้นั่งสังสรรค์กันอย่างเป็นทางการ

เรื่องราวในบทสนทนา ก็ข้ามๆไปบ้าง เพราะเมา แล้วก็มัวแต่เลื้อยไป-มา ตามประสา...

เริ่มดึก เริ่มเพลินครับ
เพื่อนพงษ์เขามาแล้วครับ วันนี้รับบทครูสอนภาษาไทย ให้ฝรั่ง (ชื่อโทนี่ สามีเพื่อนอ๋อย) คำแรกมาเลยครับ
I hear (ที่ไม่ใช่ I’m here) พูดเป็นภาษาไทย ชัดๆว่า (ไอ้....เหี้....)

เพื่อนกร อัยกาม ก็ตามมาติดๆครับ ทำท่ายกมือไหว้ แล้วพูดว่า ไอ้สัต...ว์ ประหนึ่งว่า การยกมือไหว้ พร้อมอวยพรไปในตัว
แถมยังโชว์ท่า การดูดหอย ให้เพื่อนๆ ดูเป็นตัวอย่าง แหม...เนียนเจงๆ
มากันพริ้วๆทั้งนั้น เพื่อนพ๊ม.....

ผมเองก็มัวพริ้วบ้างกับน้องมึน (ก็เพื่อนของเมียเพื่อนเหลิมน่านละคร๊าป ชื่อนี้ เพื่อนอู๊ดตั้งให้ จากการเจอหน้ากันครั้งแรก แล้วน้องเขามามุข มึนสนิท ไม่รู้เมามะขามเปียกมาหรือยังไง) แต่วันนี้ น้องเขาไม่มึน มาแนวเฮฮาได้ คุยด้วยแล้ว มีตอบ มีโต้ ....
อ๊ะ.....โดนใจดิคร๊าปแบบนี้ ยิ่งเมาๆด้วย
 
เริ่มดึกมากเข้า วงเหล้าเริ่มอ่อนแรง ไม่รู้ว่าใครชวนเล่นไพ่ เพราะไหนๆ ก็เตรียมมาแล้ว ก็เลย จัดไปซะหน่อย
ไอ้กระผมก็ไม่ใช่คนแนวนี้ซะด้วย แต่ก็เอาวะ สนุกสนาน 5 บาท 10 บาท เอาฮา...

ตั้งวงกันเสร็จ ใครเป็นเจ้าล่ะ ? .... หันหน้ากันไปมา ก็ลงที่คนหน้าตาดีที่สุดในทีม.....*@:@*
นั่งสับไพ่ โดยมีลูกชายมาช่วยดู ช่วยลุ้น อ้าว มันก็เล่นเป็นหรือไงวะเนี่ย ...
ว่าแต่ว่า ในวงมีใครบ้างหว่า ... เพื่อนอู๊ด เพื่อนน้อง เพื่อนนิ่ม เท่านี้มั้ง ทำไมจำอะไรไม่ค่อยได้ขนาดนั้นวะเนี่ย

เล่นไปได้สักพัก เริ่มแล้วครับ ง่วงนอนดิคร๊าป ตาปรือ อยากจะนอน จนไม่ไหว เพื่อนอู๊ดเลย เสนอว่า อีก 3 ตา ค่อยเลิก พักผ่อนกัน เจ้าจะเสด็จกลับวังละ.....

วันที่ 2 ค่อยว่ากันใหม่ รอรูปเพื่อนๆ นานเหลือเกิน