ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2552

เกาะ 3 ไข่ : ก็จะไปมันคนเดียวนี่แหละ จะทำไมล่ะ

28 มีนาคม 2552 ยามเย็นๆ
จับจองตั๋วรถทัวร์ กทม. - ภูเก็ต ผ่าน Thai Route ด้วยอารมณ์ที่ไม่คิดอะไรมากมาย
ก็จองมันไป-กลับเลย(วะ)
ไป เสาร์ 28 ตอน 18.00
เที่ยวเกาะไข่ 09.00 - 16.00
กลับ 29 ตอน 18.00 เอาซี....ไหวก็ไหว..
เดินทางเที่ยวละ 12 ชั่วโมงนิดๆ (ลืมไปจริงๆ....ว่าอายุมากแล้ว)

29 มีนาคม 2552 06.30 น.
ถึงเมืองภูเก็ต เห็นบรรยากาศแล้วก็ตัดสินใจได้เลยว่า จะต้องอยู่ต่ออีกวันดีกว่า
ว่าแล้วก็ขอเลื่อนตั๋วรถกับ Thai Route
น้องสาวเสียงสวยปลายทาง บอกว่า ไม่ได้ค่ะ ต้องเลื่อนล่วงหน้าก่อนรถออก 1 วัน
เอา...ล่ะ...ซี... ไม่เป็นไร มีเพื่อนเป็นเซลล์นี่เรา

09.00 น. ไปถึงท่าเรือแสงรัตน์ รอขึ้นเรือ ไปถึงคนแรกเลยตรู.......
มีกลุ่มทัวร์อื่นที่รอขึ้นเรือ ไปเกาะไข่ เหมือนกัน แต่ครึ่งวัน
แป๊ปนึง กลุ่มนี้ก็จากไป.....
สักพักก็จะมีรถกลุ่มอื่นๆมาอีก....ใช่เลย สติกเกอร์เขียว เหมือนเรา....
10.00 น. เสียเวลารออีกกลุ่มนึง เลยล่าช้าไปนิดนึง (ที่ช้าเพราะรถไปรับคนไม่ถูกจุด...เฮ้อ...ลางมาแล้ว)
สักพัก ไกด์ก็แนะนำสถานที่แล้ว......ก็ออกเดินทาง......ไปเกาะไข่กัน
สักพัก อีกเหมือนกัน เรือออกไปได้ไม่ถึงปากอ่าว........
เกียร์เรือเสียครับ....ไปๆมาๆ ก็เปลี่ยนโปรแกรมสลับไปมา....ไปเกาะไข่นอกก่อน...เอาวะ....
ไปถึงก็เหมือนเดิมครับ ลงน้ำไม่ต้องรอใครละ..ก็ไปคนเดียวนี่..........



น้ำค่อนข้างขุ่น มีทรายลอยอยู่เต็มไปหมด
เวลาถ่ายรูปโหมดใต้น้ำ ทำให้ไฟแฟลชกระทบทราย
ภาพที่ออกมา เป็นเหมือนแสงไฟฟุ้งอยู่ในน้ำ
ไกด์บอกว่า บริเวณนอกทุ่น หากโชคดีจะเจอฉลามขาว
ถ้าโชคดีนะ....กระเหรี่ยงอย่างเราก็นอกทุ่นตลอดซีครับ...อยากเจอฉลามนี่....


สภาพของเกาะไข่นอก ไปถึงก็มีนักท่องเที่ยว (ส่วนใหญ่ต่างชาติ) เดินอยู่เต็มหาด
มีร้านขายอาหาร เครื่องดื่มเล็กๆ มีเก้าอี้ชายหาดให้เช่า (เสียเงินนะ)
ส่วนที่ไปกับเรือ ก็จะมีร่มตั้งไว้ 1 ตัว สำหรับวางผลไม้ให้คนที่ไปกับเรือ
ผลไม้ ก็สัปปะรด กะ แตงโม เหนื่อยและขึ้นจากน้ำก็มากินได้เลย


เริ่มมีปะการังฟอกขาวแล้ว แสดงว่าน้ำเริ่มจะมีปัญหา เป็นสัญญาณบอกกลายๆ
หลังจากนั้น ประมาณ 12.30 ไกด์ก็พาไปเกาะไข่นุ้ย
ใครอยากพักที่ไข่นอกก็ได้ เพราะเดี๋ยวเรือมารับ แน่นอน


ที่ไข่นุ้ย ไม่มีหาดให้เดินเล่น เรือจะจอดที่ทุ่นรอบๆเกาะ
นักท่องเที่ยวต้องว่ายน้ำเข้าไป บริเวณรอบๆเกาะจะมีปะการังแข็งอยู่มาก
อ้อ....อย่าว่ายน้ำใกล้หินนะ เพราะมีเปลือกหอยเกาะอยู่ คมมากพอจะบาดเนื้อได้เลย


น้ำก็ยังมีเม็ดทรายคลุ้งไปทั้วบริเวณ ทำให้มองปะการังไม่ชัด


มีแบบฟอกขาวเหมือนกัน ดูให้สวยมันก็สวยได้น่า....
อืม....หอยเม่นก็มีนะ แต่ไม้ได้อยู่ในที่ติ้นๆสักเท่าไร
น่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 3 เมตร Snorkling ไม่โดนหรอก


ไกด์บอกว่า บริเวณนี้มีปลานีโม ด้วย แต่ว่ายไป ดูไป ไม่เจอ แฮะ..
สัก 30 นาที ไกด์ก็เรียกกลับมาที่เรือ เพราะต้องไปรับคนที่ไข่นอกอีก
รับเสร็จก็ไปต่อที่เกาะไข่ใน เพื่อไปกินข้าว แล้วก็ลงน้ำตามเคย
อาหารเป็นบุฟเฟต์ครับ อร่อยดี มีผลไม้ตบท้าย
เสร็จแล้วก็ลงน้ำต่อ น้ำใสดี ไม่ได้เอากล้องลงไปด้วยซะอีก..ว๊า....
ประมาณ 15.30 ไกด์ก็เรียกกลับ
ประมาณ 16.00 ก็ถึงฝั่งที่ท่าเรือ เพื่อนมารอรับกลับบ้าน
ลืมเรื่องที่เพื่อนเป็นเซลล์ หรือยัง
มันใช้ความสามารถในการหลอกล่อของมัน เลื่อนตั๋วให้ได้....เซลล์จริงๆ มันต้องยังงี้
17.30 ออกไปหาข้าวกิน ที่ไนยาง
บรรยากาศดี แต่ไกลเมืองหน่อย พ่อมันเป็นนายหน้าขายที่ แล้วขายได้เงินเยอะ
ก็เลยพาลูกชาย+สะใภ้+กะเหรี่ยง .... อ๊ะ......กินฟรีแว๊ว......

มีสาว 1 นาง นั่งทานข้าวคนเดียว กับเบียร์ 1 ขวด แหม....น่าเศร้่า...

โพล้เพล้อย่างนี้....ก็สิงห์ฮา..สักหน่อย (เบียร์สิงห์-Singha)
ตกค่ำๆ ก็มีจุดเทียน ตั้งไว้ทุุกโต๊ะ...ได้บรรยากาศ สองเรา.....
ตกค่ำ ส่งลูก+เมียเพื่อนกลับบ้าน
สองเราก็ไปเมาต่อ....

วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2552

Koh Tao กับ 16 ปีแห่งความหลัง

21 พฤษภาคม 2535
หนุ่มน้อยคนหนึ่งแบกเป้ เดินทางจากกรุงเทพฯ ไป เกาะเต่า ตามลำพัง
โดยอาศัยว่าอ่านเรื่องราวที่นั่นมาเยอะ ตั้ังใจว่าจะหลบหลีกปัญหา ความสูญเสียจากการเมืองเมื่อ 17-19 พฤษภาคม 2535
ตอนนั้นเดินทางจาก กทม. ไปลง สุราษฏร์ธานี แล้วนั่งเรือไปสมุย - พงัน แล้วตั้งใจจะยาวไปเกาะเต่า
เกาะเต่าเท่านั้นที่เราจะไป
ระหว่างเดินทาง จากสุราษฏร์ไปสมุย
ได้เจอพี่คนนึง เป็นหญิงสาวหน้าตาดีเลยละ เขาเห็นเราไปคนเดียวมั้ง ก็เลยเข้ามาคุย
เราก็คุยกัน ปรากฏว่า เขาเป็นรุ่นพี่รัฐศาสตร์รามฯ ก็คุยกันถูกคอไปใหญ่
พี่เขามาสมุย มาหาเพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ก็ชวนเราไปเที่ยวและพักด้วยกันที่สมุย
แต่ผมขอปฏิเสธ เพราัะว่า เกาะเต่าเท่านั้น ที่เราต้องการ.....
ชื่อพี่เขา เรายังจำไม่ได้เลย

...

หลังจากเรือส่งคนลงสมุยแล้ว ก็ต่อไปที่พงันต่อ
สมัยนั้นเดินทางนานกว่าสมัยนี้มาก ขาละประมาณ 2.5 ชั่วโมงต่อเกาะ
อ่ะ....เดินทางต่อ บนเรือก็ได้เจอพี่อีกคนนึง จำได้ว่า ชื่อพี่โสพิศ เป็นครูที่สุราษฏร์ฯ บ้านอยู่พงัน
พี่เขาเดินทางกลับบ้าน คงเห็นไอ้หนุ่มหน้าเซ่อๆซ่าๆ ก็เลยเข้ามาคุย
คุยกันถูกคออีก พี่เขาก็ชวนไปนอนบ้านเขา ก็เลยตกลงไปนอนบ้านพี่เขา
เพราะว่า เรือไปถึงพงัน 15.30 แล้ว ไม่มีเรือต่อไปเกาะเต่า ก็เลยจำต้องนอนพงัน
...
ไปถึงบ้านพี่โสพิศ พี่เขาก็ชวนไปดูโนห์รา ตอนกลางคืน
ในใจก็คิดระแวงเหมือนกันนะิ ว่าเขาจะหลอกเอาอะไรเราหรือเปล่า
แต่คิดไป เราก็ไม่มีอะไร เงินก็ไม่เกิน 2000 สร้อยคอก็สร้อยนาคเส้นเล็กๆ
ต้องขอโทษพี่เขาด้วยที่คิดระแวง คนใต้มีน้ำใจเหลือเกิน
...
วันรุ่งขึ้น พี่เขาก็ชวนเก็บกาหยู (เม็ดมะม่วงหิมพานต์) เอามาคั่ว
พอคั่วไป มันจะมีน้ำมันออกจากเม็ด แล้วจะกระเด็น ต้องใช้ไม้ยาวๆคั่ว
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก็เดินไปดูใกล้ๆ ก็เลย โดนซ๊า......1 ดอก
ร้อนๆ แสบๆ คันๆ
แต่พอได้กินตอนคั่วสดๆ อร่อยน่าดู
...
ใกล้ 10.00 แล้ว ต้องรีบไปขึ้นเรือไปเกาะเต่าแล้ว
หลังจากเก็บข้าวของ ร่ำลา พี่โสพิศ กับแม่เขา ก็มาท่าเรือ เตรียมเดินทางต่อ
...
ขึ้นเรือไปเกาะเต่า ก็เจอคนเข้ามาทักอีก
คนนี้ผู้ชาย ชื่อเอ เขาเดินทางกับครอบครัวเขา มีเมีย + ลูกเขา
แล้วก็พ่อแม่ของเมียเขา
เขาเป็นคนที่เกาะเต่า ไม่เคยเห็นคนไทยเดินทางคนเดียว ก็เลยเข้ามาทักทาย
คุยไปคุยมาถูกคอ (อีกแล้ว) ก็เลยชวนเราไปนอน ก็โอเคดิ ยังงี้
ก็ไปอยู่เกาะเต่า 6 วัน ไปช่วยเอ ซ่อมเรือ สร้างบ้าน ดำน้ำหาไข่หอยเม่น จับลูกฉลาม สูบกัญชา ขายเห็ดเมา สารพัด
สนุกครับ ดำน้ำครั้งแรก ด้วยความที่ไม่เคยก็โดนหินบาดมือ เท้า แผลเต็มตัวเลย

วิเคราะห์ดูแล้ว ทุกคนที่เข้ามาทักทาย ให้ความเป็นมิตร น่าจะเกิดจาก
1. นิสัยพื้นเพคนใต้ มีน้ำใจ ไม่กลัวว่าใครจะเอาเปรียบ รวมทั้ง บางคนเขาคิดว่าผมหนีคดีอะไรมาซะอีก
2. สมัยนั้น ไม่ค่อยมีคนไทยไปแถวนั้น ทั้งเรือมีแต่ฝรั่ง
3. หน้าตาผมเป็นมิตร หรือ ไม่มีอันตราย (อันนี้เข้าข้างตัวเองจังๆ)

...

หลังจากนั้น ปี 2536 ก็ไปอีก 1 อาทิตย์
เอทำร้านอาหารแล้วครับ ร้านขายของเล็กๆ ชื่อ DAMEW
ปี 2537 ไปอีก 1 อาทิตย์ แต่เอไม่อยู่แล้วครับ ไปทำงานที่พงันแล้ว
แต่ผมก็หน้าด้านไปนอนบ้านเขา ทักทายพ่อแม่ แล้วทำมึน นอนฟรี...ฮี่....ฮี่....ฮี่....

หลังจากนั้น ก็ไม่ได้ไปอีกเลย เพราะเริ่มทำงานหาเวลาไปไม่ได้ซะแล้ว

.....

จนมาปีนี้ 2552 ไปอีกครั้ง
คราวนี้เดินทางไปแบบ Package 2 วัน 1 คืน ด้วยความที่ไม่อยากลางานมาก
เดินทาง คืนเสาร์ 7 มีนาคม 2552 เวลา 20.30 เจอที่ ถ.ข้าวสาร เพื่อ Check In ตั๋วรถ+เรือ
ลืมบอกไป ว่า ราคาทั้ง Package 3100 บาท
ในนั้นรวม รถ+เรือลมพระยาไปกลับ ที่พัก พาดำน้ำ อาหารบนเรือ ที่ฝั่ง (ยกเว้นมื้อเย็น 1 มื้อ)
ก็โอเคครับ รับได้ เพราะถ้าไม่ไปแบบนี้ จะต้องลางานอีก 1 วันเพราะไปไม่ทันเรือที่จะดำน้ำเกาะเต่า
กว่ารถจะออกก็เกือบ 21.30 น. เดินทางไปเรื่อยๆ มีแวะตรงทับสะแก ที่นึง ให้เข้าห้องน้ำ หาอะไรกินกลางดึก
05.30 ของวันอาทิตย์ 8 มีนาคม 2552 ถึงท่าเรือเร็วลมพระยา ทุ่งมะขามน้อย
นั่งรอ Check In เรือ จะมีเก้าอี้ชายหาดให้

แนะนำว่า เลือกนั่งรอเก้าอี้ชายหาดดีกว่า
สบาย นอนหลับได้ด้วย
จะได้อารมณ์ประมาณในรูปนี้เลย





บรรยากาศยามเช้าที่ท่าเรือ ทุ่งมะขามน้อย



เวลาประมาณ 07.00 ได้เวลาขึ้นเรือ ลมพระยาแล้ว ได้ขึ้นเรือ ชื่อ แม่น้ำครับ

บรรยากาศท่าเรือ และผู้คน ไทย 50% ต่างชาติ 50% โดยประมาณ
เรือเริ่มเดินทางไปเกาะนางยวนเลย
ผมก็งงๆอยู่ว่า เมื่อก่อนไปนางยวน จะใช้เรือหางยาวนี่นา....???
เวลาผ่านไป ชั่วโมงครึ่ง เรือไปนางยวนจริงๆด้วย ไม่เข้าเกาะเต่าอย่างที่เราเข้าใจ

เมื่อเห็นสะพานท่าเทียบเรือ ก็เลยเข้าใจ
เราไปยึดติดภาพเมื่อ 15 ปีก่อนอยู่นั่นเอง โลกมันเดินหน้าไปไกลแล้ว

ที่นางยวน ยังรักษากฎ กติกา เรื่องพลาสติก อย่างเคร่งครัด
บรรยากาศก่อนเข้าเกาะ จะเห็นว่ามีศาลา ดักขวดพลาสติกอยู่

เกาะนางยวน มองจากมุมร้านอาหารไปทางหาดสามเส้า
ช่วงนี้รอเรือจากสมุย มา joy ดำน้ำที่เกาะเต่า ประมาณ 10.00 น.เรือจะถึงนางยวน




ที่เห็นไกลๆ นั่นเป็นเรือสีชมพู ตัดกับฟ้าและทะเลสุดๆ

บรรยากาศชายหาดของนางยวน สวย สะอาด เหลือเกิน
เดินขึ้นไปที่จุดชมวิวกันเถอะ ตามมาเลย....

มุมมองระหว่างทาง ด้านนึงมองไปที่ทะเล ด้านนึงมองไปที่ทางขึ้น
สะดวกกว่า 15 ปีก่อนเยอะเลย



ทรายขาวละเอียด น้ำใส ยังงี้อยู่ได้ไม่มีเบื่อ


บรรยากาศบริเวณร้านอาหารบนเกาะนางยวน น้ำจืดอาจจะหาลำบากนิดนึง
10.00 เรือจากสมุยมาถึง ส่งคนลงนางยวน เพื่อไปดำน้ำเกาะเต่า
บอกตรงๆ ว่าคิดว่าเรือจะพาไปหลายๆอ่าว รอบเกาะเต่า
ปรากฎว่า ไปอ่าวม่วงที่เดียว ซึ่งก็อยู่ใกล้นางยวนแทบจะว่ายน้ำข้ามได้เลย



เรื่องปกติของปลาแถวปะการัง ก็คือ
ปลาจะรุมมากินขนมปังที่คนโยนให้
อาจจะผิดวิถีธรรมชาติของปลา แต่เป็นเหมือนวัฒนธรรมไปแล้ว
ปลารู้ คนก็รู้ อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่มากมายเท่าไร
สิ่งที่ผิดจาก 15 ปีก่อน คือ ไม่เห็นหอยเม่นเลยอาจจะย้ายที่อยู่
หรือ อ่าวม่วงอาจจะไม่เคยมีหอยเม่นมาก่อยก็ได้
คิดถึง ที่โฉลกบ้านเก่า กับ ตาโต๊ะ จังเลย
ใกล้เที่ยงแล้ว เรือเรียกสมาชิกในเรือให้ขึ้นเรือ เตรียมตัวกลับไปที่นางยวน
.....
ถึงนางยวน ก็ทานอาหารเที่ยงแบบบุฟเฟต์ อร่อยใช้ได้
รวมทั้งผลไม้ ขนมปัง เล่นซะอิ่มแปร้เลย เพราะรู้ว่า บ่ายใช้พลังงานเยอะแน่ๆ

ปลาหลายชนิดเข้ามาให้ถ่ายรูปอย่างชนิดจมูกแทบจะชนกัน

ลงดำน้ำ Snorkling ที่นางยวน น้ำใสกว่าอ่าวม่วง
มีปลาให้ถ่ายรูปเต็มไปหมด
บางคนก็มีความสุขกับการให้ขนมปังกับปลา ประมาณว่าให้ปลาล้อมรอบตัวคน

มีความสุขครับ เวลาที่อยู่ในน้ำ ตัวดำไม่ว่า

มีประการังอ่อนเหมือนกัน แต่น้อยมาก

มีฝรั่งโนบรา ลงว่ายน้ำ ดำน้ำด้วย (แหม....อ้วนไปนิดนะ )
ประมาณ 15.30 ก็รวมพลเตรียมกลับไปเกาะเต่า ส่วนกลุ่มที่มาจากสมุย
ก็นั่งไปเกาะเต่า เตรียมขึ้นเรือกลับสมุยกัน ส่วนผมก็ลงเกาะเต่าเตรียมพักผ่อน
.....
ถึงเกาะเต่า ก็หาที่พัก อาบน้ำให้สดชื่นซะหน่อย


ยามเย็นที่แม่หาด เกาะเต่า คืนก่อน Full Moon Party

นายแบบตัวดำๆ กับยามเย็นที่แม่หาด
.....
จันทร์ที่ 9 มีนาคม 2552
09.45 น.เตรียมตัวไป Check In ขึ้นเรือเข้าชุมพร กลับไปกรุงเทพฯเพิ่มรูปภาพ เข้าแถวรอรับตั๋ว ส่วนใหญ่ก็คนต่างชาติ
ขากลับก็เรือลมพระยา ชื่อ เกาะปราบ

ออกจากเกาะเต่า ที่เห็นลิบๆ เกาะนางยวน จากมาด้วยความผิดหวังจริงๆ
คราวหลังถ้ามา ต้องตัดใจจากงานมาอยู่อย่างน้อยๆ 2-3 วันให้ได้

บรรยากาศบนเรือ เกาะปราบ ชาวต่างชาตินั่งอาบแดดบนเรือกัน
ใกล้เที่ยง ก็เกือบถึงชุมพร ท่าเรือทุ่งมะขามน้อย

ถึงฝั่งก็เที่ยงพอดี ต้องมา Check In ตั๋ว เพื่อต่อรถเข้า กทม.
มีเวลาให้กินอาหาร 1 ชั่วโมงนิดๆ แดดแรงน่าดู
ประมาณ 13.15 น. รถออกเดินทาง โชคดีได้นั่งฝั่งที่แดดไม่ส่อง
.....
เดินทางครั้งนี้ผิดหวังน่าดู อาจจะเป็นเพราะบีบเวลามากไป ถ้ามีเวลาอาจจะได้เห็นทะเลสวยๆของเกาะเต่ามากกว่านี้ เอาไว็โอกาสดีๆก่อนเถอะ
.....
สิ่งที่สมหวังของครั้งนี้ คือกล้อง Olympus Mju 850 ได้ลองเอาลงน้ำทะเล
ถ่ายรูปปลา ปะการัง แล้วก็ทัศนียภาพอื่นๆ การตอบสนองได้ดี คล่องมือ
อีก2 อาทิตย์ จะไปภูเก็ต เกาะไข่ซะหน่อย คราวนี้ก็บีบเวลาอีกเหมือนเคย
.....
....
...
..
.