ค้นหาบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

บทเรียนที่สอนพ่อ - ตอน เงิน 82บาท

เย็นวันเสาร์ที่ 25 กันยายน 2010
เราสองพ่อลูกเดินไปซื้อหนังสือ ร้่านแถวบ้านเหมือนเดิมๆ ในเย็นเสาร์ที่เราต้องไปกินข้าวพร้อมกันเป็นประจำทุกวันหยุดของเรา
ทุกครั้ง ต้องผ่านร้านหนังสือ
ทุกครั้ง พ่อ ลูก ต้องแวะ ร้านหนังสือ
และเกือบทุกครั้ง ที่ไม่ใครคนใด คนหนึ่ง ต้องได้อะไรกลับมา

วันนี้ ก็เหมือนทุกๆครั้ง ที่สักคน ต้องไม่ออกมามือเปล่า
ลูกชายวัย 11 ขวบ 3 เดือน 8 วัน เดินออกมา พร้อมหยิบเงินตัวเองออกมา
ส่งหนังสือให้แม่ค้า
ร้านนี้ เป็นร้านหนังสือ ที่ขายตามราคาปก และ ลด 10%


เพราะฉะนั้น ตัวเงินที่จ่ายจริงๆ อาจจะ ไม่เป็นหลัก 5 หรือ 10 บาท ตามราคาปกหนังสือส่วนใหญ่

77 บาท จ๊ะ แม่ค้าตอบอย่างฉับไว
เพราะ นี่คืออาชีพ ตัวเลขพวกนี้ อยู่ในหัวมาเป็นเวลาหลายปี

ถ้าเป็นผมเอง คงนั่งนึกในใจพักใหญ่เลย

หันไปมองลูกชาย กำลังหยิบเงินเพื่อนับ และจ่ายให้แม่ค้า

ผมหันไปแค่ชำเลืองมองผ่านๆ เพราะ สายตาก็กำลังกวาดตามองหนังสืออื่นๆ เผื่อมีอะำไรน่าสนใจ

พลันก็หันไปเห็นลูกชาย ยื่นเงินให้แม่ค้า 82 บาท
ผมพิมพ์ไม่ผิดครับ 82 บาท จริงๆ
ผมก็เลยหันไปถามแม่ค้า ว่า "หนังสือเท่าไรนะครับ"
"77 บาทจ๊ะ"
ลูกชายยังคงยื่นเงินให้แม่ค้าตามเดิม 82 บาท
แม่ค้ารับเงิน แบบงงๆ รวมถึงตัวผมด้วย ที่งงๆ ว่าลูกทำอะำไร หรือ ไม่ได้ยิน



ทั้งหมดเป็นธนบัตร 20 บาท 4 ใบ กับเหรียญ 2 บาท 1 เหรียญ
ผมแปลกใจลูกอย่างมาก พลันหันไปถามลูก "ทำไมให้ไปเกินล่ะลูก"
แม่ค้า ก็รอฟังอยู่เช่นกัน เพราะผมเห็นแม่ค้ายังกำเงินอยู่ ไม่ใส่ลงไปในกระป๋องเงินเหมือนที่เคยทำ
คำตอบสั้นๆ เรียบง่าย ที่ผมฟังแล้ว ก็ สะอึก

"ก็เขาจะได้ทอนมา 5 บาท เหรียญ 5 ไงครับ"
"ผมไม่อยากพกเหรียญเยอะ ในกระเป๋ากางเกง"

ถึงบางอ้อเลยครับ - (ทำไม่ต้องถึงบางอ้อวะ)
เออ! จริงด้วย ทำไมเราคิดไม่ถึง
แม่ค้า ส่งยิ้มหวานๆ ให้ ผม ( แต่คงส่งยิ้มให้ลูก แต่ผมขอเหมาไว้เอง ...555 )
ใช่ วิธีคิดแบบ โจทย์ปัญหาเชาว์
เราอาจจะโต หรือ คิดอะไร ที่ง่ายไป หรือ ไม่ได้คิดอะไรเลย ก็ได้

มีอีกหลายเรื่อง ที่เป็นเหมือนวิธีคิด ข้อคิด ที่เด็ก สอนผู้ใหญ่ ให้อึ้ง ตะลึง
เหมือนได้รู้ว่า มุมมองอีกหลายๆ มุม ที่เราไม่คิด เลยไม่เกิดการสร้างสรรค์
ให้หลักคิดแบบเด็ก นำทางบ้าง ก็เป็นสิ่งที่สมควร ในบางโอกาส
ผมคงต้องหันมา ใส่ใจกระบวนการคิดแบบเด็กๆ มากขึ้นแล้วละ

วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

ช่องเย็น : นัดกันแล้ว ใครไม่ได้ไป มีไปซ่อมตอนหน้าหนาวได้

ล่วงหน้า จากกำหนดนัดหมาย 18-19/09/2010
มีกำหนดการล่วงหน้า ราว 1-2 เดือนได้ ว่าชาวคณะจะไปช่องเย็น
ใครไม่ไปไม่ว่า แต่ผม ต้องไปครับ ก็ 31/12/2008
เพื่อนๆ นัดกันๆไป ผมดันมาป่วย ไปไม่ได้ซะนี่
( แต่ดีเหมือนกัน ไม่ชอบเที่ยวเทศกาลด้วย )

ถึงกำหนดเวลา ผมเดินทางกับลูกชาย ไปนัดเจอ เพื่อนโฮมอโลน และชาวคณะ ระหว่างทาง นครสวรรค์-คลองลาน

เพื่อน ท่านทองและ ชาวคณะ ลาป่วย

เพื่อน ทนาย ไม่ไป มันกลัวพามันไปพม่า

เพื่อน พี่ห้าว เสพสุราเกินขนาด เดินทางไม่ไหว (เดาเอา)

สุดท้าย เจอโฮมอโลน+น้องโก๊ะ แถวๆ ทางเข้าคลองลาน

ส่วนคนอื่นๆ รอยืนยัน หลัง 17.00 น. ...โอว.....

ชิงถ่ายรูปตัวเองกับลูกก่อน เพราะ ต่อไป จะไม่มีรูปให้ดูละ

ราวๆ เที่ยง ถึงบ้านเพื่อนควาย ที่คลองลาน เตรียมเสบียง
สุดท้าย ขึ้นช่องเย็น 4 คน [ ผม ลูก โฮมอโลน โก๊ะ ] ก่อนขึ้น แหมขู่กันจัง ว่าจะอ๊วก...เมารถ...
แล้วก็ ตัวคุ่น...บ่...ย่าน...ด๊อก.......ฮ่วย....

จัดทัพ ไปรถของโฮมอโลน คันเดียว เพราะมีที่นั่งพอ และที่สำคัญ ขับ 4 ล้อ พร้อมลงถนนอะไรก็ได้

( โฮมอโลน เริ่มยุให้ ผมซื้อ รถขับ 4 มาหลายเดือนละ..คันละ สามร้อยหรือไง แหม...ยุกูจัง )

ข้าวกล่อง ขนมขบเคี๊ยว หมากฝรั่ง สเปรย์กันแมลง และ เบียร์สิงห์ พร้อม ชาวคณะ จึงพร้อมเดินทาง

จากคลองลาน สู่ช่องเย็น แบบสบายๆ ไม่ทำเวลามาก แค่ 40 กว่า กม. เอง
ระหว่างเดินทาง ก็เป็นธรรมดาครับ ....แวะฉี่....
เส้นทางช่วงแรกๆ สบายๆ ครับ ถนนกว้าง ขับมาได้สักพัก ก็เจอด่านจ่ายเงินค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติครับ ผู้ใหญ่ 4 เด็ก 1 รถ 1 ทั้งหมด 170 บาท

เสร็จแล้วก็ไปต่อ ..
เส้นทางมาช่องเย็นนี่ เจอสะพานโค้งเยอะแฮะ.....ปกติ ตามเขา จะไม่ค่อยเห็น
 จากจุดแรก ไปอีก 9 กม. ต้องไปลงชื่อที่ ที่ทำการอุทยาน...สัญญาณโทรฯ เริ่มไม่มีแล้ว
แต่เจ้าหน้าที่ ชาร์จ บีบี อยู่...แลกพินกันไม๊น้อง.....
ผ่านจากอุทยานไป ก็ยังเป็นถนนขึ้นเขาไปเรื่อยๆ สบายๆ ไม่สาหัสอะไรมาก ( เทียบกับที่เคยไปมาน่ะ)


โฮมอโลน กะ โก๊ะ ชมวิว เต๊ะท่า เหมือนเป็นนายแบบเบียร์สิงห์

มาจอด (อย่างเป็นทางการ) ก็ตรงจุดชมวิว กิ่วกระทิง มีจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ( ป้ายเขาว่างั้นน่ะ)
แล้วก็มีป้ายบอก อีก 12 กม. ถึง ช่องเย็น.โอ๊ย...สบายๆ
นายแบบก็ยืนตั้งท่าถ่ายรูปกันไป
ตรงจุดชมวิวนี้ มีทางลงไปชมวิวด้านล่างด้วย.....ใครจะลงดีล่ะ....ไม่มี....งั้นไปต่อ

หน้าฝน ขึ้นเขา เลี่ยงไม่ได้ ต้องเจอถนนที่ไหล่ทางเสียหายบ้าง
อ้อ...ลืมไป ว่า เจ้าหน้าที่เขาบอกว่า มีรถบรรทุก ขนดินขึ้นไปทำทาง ให้ระวังด้วย เพราะเป็นช่วงที่ รถกำลังลงมา..........แล้ว ก็เจอจริงๆ น้าแกขับรถบรรทุกไหลลงมา เบรคเป็นทางยาวเชียว....
ดีที่เป็นจุดที่ถนนยังไม่แคบมาก ยังพอเลี่ยงกันได้แบบแคบๆ
 มาถึงที่จุดชมวิวอีกที่นึง ตรงนี้เรียกว่า ขุนน้ำเย็น จริงๆ เลยไปนิดนึง แต่ถอยกลับมา
ดีใจจริงๆ ที่ถอยกลับมา จุดนี้แหละเป็นจุดที่ รอบหน้่า เราจะมานอนกัน ...พร้อมไหม....?
บรรยากาศที่จุดชมวิว กับนายแบบตัวเริ่มโต

จุดนี้วิวสวยดี ยิ่งเป็นหน้าฝน มีสายหมอก กับ ลมฝน สลับกัน หลังคาก็มี แต่ไม่มีห้องน้ำ



แล้วก็ทางขึ้น ช่วงหน้าฝนแบบนี้ ขับสอง คงมีลื่นแน่ๆ

จุดนี้ ถ่ายจากข้างบนลงมา มุมของภาพดูอาจจะไม่สูงมาก แต่เจอ Pajero ใหม่ ( มันคือ Triton น่านแหละ ) ไม่ขึ้นมาแฮะ จอดรอด้านล่าง
น่าเสียดายแทน มาแล้วไม่ได้เห็นจุดนี้

ปลายปี 2008 ที่ผมพลาด พวกเพื่อนก็ไม่ได้ขึ้นมาจุดนี้น่ะ


ป้ายด้านล่าง บอกให้พื้นที่กางเต๊นท์ แต่พวกเราเล็งกันไว้ รอบหน้า ข้างบนอย่างเดียว ที่เราต้องการ
ไปต่อ ให้ถึงช่องเย็น
ถนนเริ่มแึคบลง
แล้วตอนเทศกาล มันเดินทางกันยังไหว่า จะสวนกันที ยุ่งตาย....
ถนนเริ่มเปียก จากความชื้นในอากาศ และฝนที่ ลงมาเป็นระยะ
ดูความกว้างของถนนเอาละกัน นึกถึงตอนเทศกาลอีกและ ขับไปเครียดไปแหงๆ
ลิงเกาะรถ ห้อยหัวมาด้านนอก ( ห้อยจริงๆ ด้านซ้าย ไม่ใช่ฝั่งขวา )
เทียบกับ กาฝาก เกาะต้นไม้ สวยงามคนละแบบ ( ในสายตาพ่อนะ )
ลูกสนุกกับการเดินทางแบบนี้ เขาเรียกร้องอยาก Camping มา 2 อาทิตย์แล้ว
โดนใจเลย แบบนี้ เรื่องเมารถ ไม่ต้องกลัว เลือดพ่อ มาเต็มๆ
 มาถึง ช่องเย็น นั่งชมวิว กินข้าว
ถ่ายรูป นั่งโม้กัน จิบเบียร์ แล้วก็ให้ คุ่นกัดขาเล่น
สักพัก ฝนเริ่มมาแฮะ ไล่ที่ แต่เป็นฝนไม่หนาเม็ดมาก
เริ่มเจอรอยแล้ว โดนคุ่น เป็นจุดแดงๆ เราใช้วิธี คัดเลือดออกครับ ก็จะไม่คันและ
กลับลงมาที่ ขุนน้ำเย็นอีกครั้ง เพราะ ติดใจ และ ชอบเวลาฝนตก
ถนนเปียก ได้ลองเอารถขึ้น เผื่อติด หรือ ไหล จะได้อารมณ์อีกแบบ


 มาอยู่บนเขาตอนหน้าฝน ก็ได้บรรยากาศดีแบบนี้แหละ แถมคนน้อย

บนช่ิองเย็น มีอีกคณะเดียว ที่คิดว่า นอนพักบนนั้น

แล้วถ้าผมจะนอนจริงๆ ก็คงที่นี่ "ขุนน้ำเย็น"

แต่ว่า เพื่อนจองบ้านที่น้ำตกคลองลานไว้

เส้นทางลง กลับไปที่คลองลาน ถนนแบบนี้ ชอบจังเลย
เพื่อนจองบ้านที่น้ำตกคลองลานไว้ ต้องไปนอน แล้วไปดูภาพความหลัง เมื่อ 20 ปีก่อน ที่บ้านเพื่อน - แม่บอกว่า "หมูหน้าตาไม่เปลี่ยนเลย"


แปลว่า หน้าแก่แต่เด็ก หรือว่า หน้าไม่แก่เลยหว่า

บ้านที่พัก มีน้ำอุ่น ไม่มีแอร์ ( จะเอาแอร์ทำไม ในเมื่ออากาศ โึคตรดี )
หลับไปตอนไหนเนี่ย.....

ตื่นเช้ามา เดินสำรวจบ้าน อ๊ะ เจอหนังสือ
แหม...กำลังอยากเข้าห้องน้ำพอดี

ดีๆ ที่นี่ มีหนังสือ ความรู้เกี่ยวกับอุทยานฯ การเที่ยวในอุทยาน ความรู้เรื่องล่องแก่ง ฯลฯ




ชวนลูก กะ ลูกสาวเพื่อน (ซนใช้ได้) ไปเดินเล่นน้ำตกกัน
 
ทีแรกก็ไม่คิดว่า หน้าน้ำแบบนี้ น้ำจะใส
แต่ที่นี่ใส แล้วคงต้องเปลี่ยนความคิด(ผิดๆ) ที่ฝังใจว่า หน้าน้ำ น้ำจะขุ่นแดง

เดินตามทางน้ำ มีแต่พ่อคนเดียว ที่ลื่นตลอดเวลา
จน นาฬิกาหายไปจากข้อมือ ตอนไหนก็ไม่รู้...........เฮ๊อ.....

เดินมาเจอ ผีเสื้อ สวยดี ก็ถ่ายซะหน่อย


ก็ตอนถ่ายผีเสื้อนี่แหละ ถึงรู้
ว่า นาฬืกาหายไป

สายๆ หน่อย ก็กลับห้องพัก เดินโม้ไป หาไรกินไป
เตรียมตัวเดินทางกลับบ้าน

เพราะวันนี้ มี ศึกแดงเดือด


เที่ยง กลับมาถึงบ้านเพื่อนควาย นั่งโม้กันนิดหน่อย

แล้วกินข้าว เตรียมตัวกลับบ้าน

ดีใจ ที่ลูกดูท่าทางมีความสุข แม้จะเดินทางกัน สองคน พ่อลูก
แต่ก็สนุก ได้ความรู้สึกไปอีกแบบ
แม้ตอนที่เดินทางมา ลูกจะถามเรื่อยๆ ว่า ลูกเพื่อนพ่อ มี ผู้ชายบ้างไหม เขาคงอยากมีเพื่อนเล่นด้วย



ก็เพื่อนพ่อนี่แหละ เล่นกับมันไปก็ได้ลูก - อันนี้ คิดในใจ

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

ก้มๆ เงยๆ กับ Tablet Android 7 นิ้ว จากจีน

พอดีได้ Tablet Android หรือ บางคนเรียก IPAD , EPAD , IPED ฯลฯ ผ่านทาง EBAY ต้นทางจากฮ่องกง (ก็จีนอีกน่านแหละ)


เปิดกล่องมา ไม่มีอะไรมาก เครื่อง 1 เครื่อง สายชาร์จ สายUSB เท่านั้น
อ้อ...คู่มืออีก 1 เล่ม ซึ่งไำม่มีประโยชน์อะไรมาก สำหรับผม

รูปร่างหน้าตาก็แบบนี้เลย สเปค ไม่ต้องบอกไรมาก ในนี้ ไม่ได้เอาไว้ขายนี่นา
เอาแค่รู้ว่า Ram มา 128 Mb. Storage 1 Gb มีกล้อง 3 แสนถ่ายภาพ 480 x 640 ด้านหน้าก็พอละ

เปิดเครื่องมาก็ลองเลยครับ ไม่มีภาษาไทยมา เอามาตั้งเวลา
ลองอะไรเบาๆก่อนตามประสา คนไม่คุ้นมือกัน......อิอิ

เล่นได้ 1 วัน พร้อมๆ กับหาโปรแกรมลงเพิ่มเติม + เกมส์ (ขาดไม่ได้นี่...ถ้าจะลองน่ะ)
ความรู้เกี่ยวกับไอ้เครื่องนี้ ไม่ได้หาอะไรมากมาย หาไป อ่านผ่านๆไป

ถึงเวลา ภาษาไทยละ จำเป็นนี่ เราคนไทย
หาโปรแกรมภาษาไทยมาลง (จริงๆ มันคือ คีย์บอร์ดไทย เท่านั้นเอง..ผมไม่รู้หรอก)

ลงมา อ้าว.. แป้นไทยละ สวยงาม ปรับสีได้
ลองพิมพ์ดู อ้าว เป็นสี่เหลี่ยมแฮะ

อ๊ะ.....อ๊ะ.... คิดแบบตื้นๆ
ไม่ศึกษาก่อน
ลุยอย่างเดียวเลยครับ
Copy Font จาก Windows มาใส่กันตรงๆ
ขอให้เป็น Font Thai เถอะ
เท่านั้นละครับ ได้เรื่องละ ท่านผู้ชม
ความซวยมาเยือนครับ หลัง Re-Start อีกครั้ง


เจ้า Tablet Android Re-Start ขึ้นมาพร้อมกับหน้าตาเจ้าหุ่นยนต์กระป๋อง


รอกันอยู่พักใหญ่
เจ้ากระป๋องก็ไม่ไป
...
..
.
เอ...5 นาที
10 นาที สงสัยไม่มาแล้วละ
เอาละซีตรู ได้ค้นคว้าหาความรู้ละ
หนอย...จะเรียนลัด....อิอิ

หารอมซีครับ อันไหนใช้ได้ ไม่ได้
โหลดมาเก็บตุนไว้

อ่านไปก็งงบ้าง รู้บ้าง

ข้อมุลในเน็ต บอกไว้ เอาข้อมุลใน Folder Script มาใส่ Memory แล้ว กดเปิดเครื่อง
เอ....ไม่เห็นมา ทำไงดีเนี่ย
ลองไปอีก 2 วัน แบบทำงานไปด้วย มีเวลา ก็แวะมาลองมันบ้าง

ปรากฏว่า ไม่ได้ผล เลย อ่าน + ค้นคว้า ค่อยๆ บรรจงอ่าน



สุดท้าย ไอ้การ "เอาข้อมุลใน Folder Script มาใส่ Memory แล้ว กดเปิดเครื่อง"
มันคือ การเอา ทั้ง Folder Script มาใส่ Memory แล้ว กดเปิดเครื่อง
เอา Folder มาด้วยนั่นเอง
ผมก็งม โดยเอา เฉพาะ Fileใน Folder มาวางใน Memory...แหม...จริงๆเลยเนี่ย
เรียบร้อยครับ เจอ Rom ที่เข้ากันได้ 3 ชุดที่  Boot ขึ้น
2 ใน 3 ใช้จอ Touch Screen ไม่ได้ เลือกที่เหลือมา 1
โอเค ผ่านฉลุย แต่....
 .
.
.
ไอ๊หยา.....จิ้มมุมซ้าย ไปโผล่มุมขวา
มันรับผลตรงข้ามกับจุดที่จิ้มครับ.....

เอาไงดีหว่า เอาวะ....
ปิด แล้วเปิดใหม่อีกครั้ง
โป๊ะ.....หายครับ มันกลับมาแล้ว แถมสัมผัส ที่รวดเร็วกว่าเดิม
เอาละ ต่อไป ลงภาษาไทย ตามขั้นตอนเลยครับ ไม่เรียนลัดแล้ว