ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

จดหมายถึงพ่อ (ผมเรียกว่าเตี่ย) 2010

วันพ่อปีนี้ ผมก็คงทำเช่นเดิม คือ โทรฯไป สวัสดีทักทาย แกม เขินๆ ที่คุยกับพ่อ
พ่อ ที่ผมเรียกว่า "เตี่ย" มาตั้งแต่เด็กๆ

เตี่ยครับ วันพ่อปีนี้ ผมคงอยู่บนเขา หรือ บนดอยอะไรสักแห่งหนึ่งในภาคเหนือ
ผมไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกครับ เตี่ยคงเดาออก ว่าผมก็คงไปกับลูกชายสุดที่รัก
ก็หลานชายของเตี่ยนั่นแหละ

ผมยังจำได้ ภาพตอนเด็กๆ ที่เตี่ยกับแม่ พาพวกเรา สามคนพี่น้องไปเที่ยว
ซึ่งส่วนใหญ่ ก็จะเป็นน้ำตก แล้วก็ส่วนใหญ่ก็จะภาคกลาง
ด้วยสภาพในช่วงราว 30 ปีที่แล้ว ถนนหนทาง การเปิดสถานที่ ยังไม่พร้อม
แล้วก็บ้านเรา ไม่ได้ มีเงินมากพอที่จะเที่ยวกันแบบเอิกเกริก

นั่นอาจจะเป็นจุดเริ่ม ที่เตี่ยกับแม่ปลูกฝัง ให้ผมหลงรักการเดินทาง
อยากไปนู่น อยากไปนี่ อยู่ตลอดเวลา
อยากเห็นโลกหลายๆแบบ หลายๆวัฒนธรรม หลายๆสภาพแวดล้อม

เตี่ยรู้ไหมครับ ว่าพอผมเริ่มโตขึ้น ผมก็เริ่มเที่ยวคนเดียว
ขึ้นเหนือ ลงใต้ ไปมันคนเดียว ไม่รู้จักใครที่ปลายทาง
ไปหามิตรเอาข้างหน้าเสมอ ซึ่งก็ได้มิตรภาพกลับมาเสมอเช่นกัน
มันต่างกับการไปเที่ยวกับเพื่อน หรือครอบครัวมากเลยครับ
เราไปกับเพื่อน ก็เจอเพื่อนกับ แหล่งท่องเที่ยว
ถ้า เราไปคนเดียว เราจะได้เพื่อน พี่ น้อง น้ำใจ อัธยาศัย วัฒนธรรม ประสบการณ์ชีวิต ฯลฯ

คนไทยมีน้ำใจครับ

เตี่ยเชื่อไหม ? ครั้งหนึ่งผมไปทางใต้ ไปนอนที่เกาะเต่า ชุมพร ปี 2535
หลังเหตุการณ์เดือนพฤษภา
ได้เจอหนุ่มสาวคู่หนึ่ง วัยไล่เลี่ยกับผม เขาชื่อเอ เมียเขาชื่ออะไร จำไม่ได้แล้ว เขามีลููก 1 คน
ด้วยความที่เขาไม่ค่อยเห็นคนไทยไปที่นั่นมาก ในยุคนั้น แล้วยิ่งไปคนเดียว
เขาก็ชวนผมคุยกันไป แล้วก็ชวนไปนอนบ้านเขา
เมื่อเขารู้ว่า เรามาเกาะเต่าอย่างไม่มีจุดหมายอะไร ไม่มีกำหนดกลับตายตัว
ผมไปอยู่กับครอบครัวนี้ 1 อาทิตย์ ได้เรียนรู้อะไรมากมาย
ได้งมหอยเม่น ผ่าเก็บเอาไข่มาขาย
ได้ซ่อมเรือประมงพื้นบ้านลำเล็กๆ
ได้กินปลาฉลาม ตัวขนาดขา ปรุงสดๆ (รวมทั้งหูฉลามสดๆ)
ได้รู้จักฝรั่งสาวๆ
ได้ ฯลฯ อะไรอีกหลายอย่าง ที่ไม่คิดว่าจะได้ทำ

วันที่ผมจะกลับ เขามาสารภาพกับผมอย่างตรงไปตรงมา ตามประสา คนใต้
เขาคิดว่า ผมหนีคดีอะไรมา นึกแล้วก็ตลกดี
ผมก็เลยบอกเขาไปตรงๆ ว่าผมเรียนอยู่ ปี 2 ในมหาวิทยาลัย ในกทม.
(จริงๆ แล้วก็บอกเขาไปแล้ว แต่ครั้งนี้ ต้องย้ำให้เขามั่นใจ)
ผมไม่ได้ทำความผิดอะไร ผมแค่ชอบที่จะเดินทาง
ชอบที่จะพักผ่อนตัวเองในรูปแบบนี้

เตี่ยเชื่ออีกไหม ? ระหว่างทางที่ผมนั่งเรือ จาก สุราษฏร์ ไป สมุย
ก็มีคนชวนผมคุย แล้ว ชวนไปนอนบ้านเขา
เขาเป็นพี่สาวคนนึง ที่มีเพื่อนอยู่สมุย เขามาเที่ยวหาเพื่อนเขา
แต่ผมปฏิเสธเขาไป เพราะสมุยไม่ใช่เป้าหมายที่ผมต้องการ

ระหว่างทางจาก สมุย ไป พะงัน
เตี่ยเชื่อไหม ? มีพี่สาวอีกคนนึง ก็มาคุยกับผม
แกชื่อ พี่โสพิศ (อันนี้จำได้) เป็นครูอยู่สุราษฏร์ เขากลับบ้านที่พะงัน
คุยไป คุยมา พี่เขาก็ชวนผมไปนอนบ้านเขา
ครั้งนี้ ผมตอบตกลงครับ เพราะ ผมไม่สามารถไป เกาะเต่าภายในวันนั้นได้
ต้องค้างพะงันก่อน เพื่อนที่จะเดินทางต่อไปเกาะเต่า ในเช้าวันรุ่งขึ้น


นี่เป็นแค่ 1 ทริปการเดินทางคนเดียว ที่ผมได้รู้จักคนดี มีน้ำใจ
ยังมีอีกหลากหลายครั้ง ที่ผมไป แล้ว เจอแต่สิ่งดีๆ


เตี่ยครับ วันพ่อปีนี้ ผมคงอยู่บนเขา หรือ บนดอยอะไรสักแห่งหนึ่งในภาคเหนือ
ผมไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกครับ เตี่ยคงเดาออก ว่าผมก็คงไปกับลูกชายสุดที่รัก
ก็หลานชายของเตี่ยนั่นแหละ

ผมกำลังปลูกฝัง สิ่งที่เตี่ยเคยปลูกฝังผม
หลานชายของเตี่ย ได้ไปเที่ยวหลายๆที่กับผม
เขามีความสุขกับการได้นอนในเต๊นท์
ปีนี้ หลานเตี่ยอาจจะอายุยังไม่มาก ยังไม่แกร่งพอจะเดินทางคนเดียว
เขาเพิ่ง ป.6 เอง ยังต้องบ่มเพาะอีกหลายปี
อีกไม่กี่ปี เขาก็คงพร้อมที่จะเดินทางไปเรียนรู้โลกด้วยตัวของเขาเอง

วันนั้น เขาอาจจะมาเขียนอะไรแบบนี้ ให้ผม เหมือนที่ผมเขียนให้เตี่ยในวันนี้
ผมคงมีความสุข ที่ได้เห็นลูกเติบโต แข็งแกร่ง
เหมือนที่ผมหวังว่า เตี่ยคงมีความสุขในวันนี้

เตี่ยครับ วันพ่อปีนี้ ผมคงอยู่บนเขา หรือ บนดอยอะไรสักแห่งหนึ่งในภาคเหนือ
ผมจะโทรฯหานะครับ ให้พรผมกับลูกด้วยนะครับ

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ20 สิงหาคม 2554 เวลา 22:36

    ทำไมเค้าถึง แยกไปนะ เพราะอาไรนะ

    ตอบลบ