ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2551

1.8 ล้านบาท กับค่า Freight เครื่องจักร

วันที่ 2 ตุลาคม 2551 มีงานบรรจุเครื่องจักร ลูกค้า HHH (ขอสงวนนาม ละกัน) ให้ Lashing เครื่องจักรบน Flat Rack Container
ขนาดสินค้า
Wooden Case No.1 W220 x L220 x H155 cm Gross Weight 10,416 Kgs. และ
Wooden Case No.2 W200 x L210 x H129 cm Gross Weight 6,944 Kgs.
ทั้ง 2 Case ลูกค้าให้บรรจุใน 20' Flat Rack Container

โดยปกติแล้ว จะต้องทำ Lashing Plan ส่งให้ลูกค้าดู เพื่อแจ้ง Agent หรือ สายเรือที่จะนำสินค้าลงเรือ

และทางเรือ ก็จะทำ Plan ของตัวเอง ว่าจะนำสินค้า หรือ ตู้แบบไหน วางจุดไหนของเรือ

Lashing Plan จะระบุขนาด จำนวน อุปกรณ์ที่จะใช้ยึดสินค้า เพื่อไม่ให้สินค้าเคลื่อน ขณะที่เดินทางในเรือ


หลังจากลูกค้า Approve หรือ ไม่มีข้อโต้แย้งเรื่องของ Lashing Plan


เรื่องราวน่าจะผ่านไปได้ด้วยดี ขนาดของ Falt Rack โดยประมาณ 235 cm. + อุปกรณ์ Lashing ข้างละ 2.5 cm. ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานที่จะรับเข้าเรือได้ (ระยะโดยทั่วไป จะมี Gap 5 cm. ระหว่างตู้)

แต่ตู้นี้ ไม่ได้ผ่านไปด้วยดีซะแล้ว

2 ตุลาคม 2551 ตู้ Falt Rack ที่ Lashing สินค้าเรียบร้อยแล้ว ออกจากพื้นที่ ไปเข้าท่าเรือแหลมฉบัง

เหตุการณ์ผ่านข้ามไป จะ 6 ตุลาคม 2551 ลูกค้า แจ้งว่า เรือ XXX ไม่ได้นำ Flat Rack ตู้นี้ เข้าเรือ


นั่น แปลว่า....ตู้ตกเรือ! ตามความหมายของเราๆ คือ ตู้นี้ไม่ได้เดินทางไปกับเรือด้วย
ตายละซี ... คราวนี้ เหตุการณ์แบบนี้ เราถือว่า เป็นเรื่องใหญ่ครับ!!!

เอาใหม่..... ลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่
2 ตุลาคม 2551 ตู้เดินทางออกจากพื้นที่บรรจุ โดยรถเทเลอร์ วิ่งไปที่ท่าเรือ แหลมฉบัง

3 ตุลาคม 2551 ท่าเรือ รับตู้ไว้ในพื้นที่ ยังไม่มีการแจ้งอะไรผิดปกติ

5 ตุลาคม 2551 เวลา 03.00 น. ทางลูกค้าบอกว่า ทางเรือ XXX ไม่ยอม Load ตู้นี้ลงเรือ โดยให้เหตุผลว่า Overwidth ข้างละ 5 cm. ไม่สามารถนำขึ้นเรือ และใส่ตาม Plan เรือได้

5 ตุลาคม 2551 เวลา 05.00 น. เรือออกเดินทาง

6 ตุลาคม 2551 ลูกค้าแจ้งกับเราว่า ตู้ที่บรรจุสินค้า ไม่ได้ถูกนำลงเรือ
ระหว่างนั้น ลูกค้าของเรา ก็ติดต่อลูกค้าผู้รับปลายทาง เพื่อขอส่งเป็น Shipment ถัดไป ปรากฏว่า ลูกค้าปลายทางไม่ยอม...เอาละซี...ทำไงล่ะ
สุดท้ายแล้ว ต้องไป By Air ! เรื่องใหญ่ซีครับ
เครื่องจักรเกือบ 20 ตัน ไปทาง Air ไม่อยากจะนึกเลย ว่า มูลค่าเงินที่ต้องเสียไป เพราะกัปตัน ไม่ยอมเอาตู้นี้ขึ้นเรือ โดยบอกล่วงหน้า 2 ชม. ก่อนเรือออก
ค่าใช้จ่าย จาก แสนกว่าบาท เป็น ล้านกว่าบาท
บริษัทเรือทำได้เพียงขอโทษ ที่บอกกระชั้นชิดเกินไป

เราเองผู้บรรจุสินค้า และ Lashing มีหน้าที่พิสูจน์ว่า ไม่ใช่ Overwidth 5 cm. ต่อข้างอย่างที่ทางเรือ XXX กล่าว โดยนำตู้ที่บรรจุสินค้านี้กลับมา เรียกลูกค้ามา วัด Overwidth กัน ปรากฏว่า 2 cm. 1 ข้าง และ 2.5 cm. 1 ข้าง ไม่เกินมาตรฐานการรับตู้เข้า Socket เรือ

9 ตุลาคม 2551 ลูกค้านัดเราไปประชุมร่วมกัน

10 ตุลาคม 2551 ประชุม หาข้อสรุป ลูกค้าต้องการข้อมูล

เราก็ยืนยัน ว่า นี่คือมาตรฐาน ไม่เกิน 5 cm. หากเกินต้องมีการแจ้งใน Lashing Plan
หากไม่เกิน ต้องรับลงเรือครับ

สุดท้าย ลูกค้าจ่ายล้านกว่าบาท โดยไม่ได้คำตอบจาก เรือ XXX ได้แค่คำขอโทษที่บอกช้าไป
ไม่บอกมาตรฐานเรือ การรับ Load ลงเรือ
28 ตุลาคม 2551 วันที่มีเวลาบันทึกนี้ ยังจุกแทนลูกค้าอยู่ครับ ไม่หายซะที




วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Love me tender.....Love me Sweet.....

พยายามที่จะกลับมาเขียน Blog ใหม่ เขียนมันเรื่อยๆ
แหม..ถ้าที่นี่มี Blog ให้เป็นแบบ Private ก็ดีเหมือนกัน จะได้เอาไว้อ่านเอง
เพราะมีบางเรื่อง หรือ หลายเรื่อง อยากจะระบายออกมา ไม่ให้ใครรับรู้
เก็บอยู่ในหัว มันก็ไม่ค่อยจำ หรือ รายละเอียดมันขาดไป
.....
กลับมาเข้าเรื่องของ Blog นี้ดีกว่า
.....
วันนี้ลองนั่ง ย้อนดูเรื่องราวเก่าๆ ประวัติเก่าๆ ที่คบกันกับผู้หญิงคนนึง
ช่วงเวลา 1 ปีแรก ความสัมพันธ์ ช่างสดใส อ่อนหวาน สวยงาม
มองย้อนไปแล้ว ยังอิจฉาชีวิตในช่วงเวลานั้นจริงๆ

บางครั้งอาจมีงอนกันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถือว่าเป็นผงชูรสความรัก ....

มองจากความรู้สึกวันนี้ เฮ้อ......ไม่อยากนึกไปไกลกว่าวันนี้แล้ว




  
1-2 ปีต่อๆมา ค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์ ความรู้สึก มีจินตนาการร่วมกัน
มองภาพการใช้ชีวิตร่วมกัน อย่างเข้าใจ สิ่งที่ขาดหายไปคือ ความสดใส

ความรัก ก็คงเหมือนกับลูกหมาตัวเล็กๆ ที่ยังเด็กๆอยู่

น่ารัก สดใส อยากเล่น อยากสัมผัส

ถ้าเป็นตอนที่เราเด็กๆแล้วได้ลูกหมามาเลี้ยง ทุกๆวันอยากจะรีบกลับจากโรงเรียนมาหาเจ้าลูกหมา

ช่วงเวลานี้ก็คงเหมือนกัน อยากกลับมาเจอกันบ่อยๆ

ได้อยู่ใกล้ ได้ดูแล ได้ใช้ชีวิตอยู่ใกล้ๆกันบ้าง

ปีนี้ ปีแห่งปัจจุบัน

หลายๆอย่างที่ดีหายไป บางสิ่งที่ดีๆเข้ามา

การวางรากฐานอนาคตที่ดี การเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของอีกคนนึง


แต่ว่า รู้สึกหดหู่ การจะได้เจอหน้ากัน การมีเวลาให้กัน น้อยลงไปทุกที่

ต่างคนต่างมีภาระ การแคร์ความรู้สึกกัน มันหายไป

หายไปจริงๆ หายจนอยากให้มันหายไป......

หายไป....ตลอดกาล......

วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2551

Disney On Ice - งานของมืออาชีพ

30 มีนาคม 2551

พอดีได้บัตรมา 4 ใบ ก็เลยหอบลูกจูงหลานไปดู
เริ่มแสดง 10.30 น.
ราคาบัตร ก็มีหลายราคา จำไม่ได้แล้ว ประมาณ 1500 , 1200 , 500 และ 300 มั้ง ( อันนี้จำไม่ได้จริงๆ )
บัตรที่ได้มาเป็น 1200 นั่งใกล้ลานน้ำแข็งพอได้เลย
ห่างจากขอบลานไม่ถึง 5 ม.
ราคาหน้าสุดกับ 1200 ที่นั่งอยู่ ห่างกัน 1-2 เมตรเอง
แต่ราคาต่างกันเยอะ
** แนะนำ คราวหน้าซื้อแบบถูกสุด นั่งด้านบนดีกว่า
เพราะอะไร....อ่านดูต่อ จะเข้าใจ

10.25 น. มีประกาศ "อีก 5 นาที จะทำการแสดง"
10.28 น. ประกาศอีกครั้งนึง "อีก 3 นาที จะทำการแสดง"

มีการแจ้งให้ถ่ายรูปได้ แต่ห้ามใช้ Flash แต่ก็มีคนใช้กับเต็มไปหมด
เจ้าหน้าที่ต้องคอยบอก คอยห้าม
อ้อ...ห้ามถ่าย VDO นะ

10.30 น. เริ่มแล้วครับ เปิดตั้วด้วย Micky , Minnie , Donald Duck ตัวผู้กับตัวเมีย และ Gooffy
มีพูดเป็นภาษาไทยให้ แต่คนแสดงเป็นต่างชาติ
ตามด้วย 101 Dalmatian ที่ออกมายังไม่ครบ 101 ตัว พยายามนับอยู่
สักพักก็ออกมาอีกครับ คราวนี้ตรึมเลย
เป็นแบบ 1 คน มีพ่วงข้างด้วยหุ่น 1 คน + 2 หุ่น ซ้าย-ขวา
บางคน 1 คน + 4 หุ่น ฝั่งละ 2 ครบแน่ละคราวนี้
แล้วก็นางเงือก ( ชื่ออะไรไม่รู้ ) มีฉากเด็ด คือ ตัวร้ายเป็นหุ่นใหญ่ยักษ์ พองลม ให้มนุษย์ ไปปราบ

11.20 น. พักเบรคครับ ให้ผู้แสดงได้พัก และปรับปรุงพื้นน้ำแข็ง
11.35 น. แสดงต่อ ด้วย Peter Pan ที่ผมรู้จักตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยดูการ์ตูน Peter Pan เลย แล้วไม่รู้ด้วย ว่าเนื้อเรื่องเป็นอย่างไร
มีการใช้สลิง ลอยตัวผู้แสดงขึ้นไป ตื่นตา ตื่นใจ น่าดู
มีหุ่นใหญ่เป็น จรเข้ ที่โจรสลัดจะต้องถูกกิน

11.45 น. ชุดสุดท้าย เป็น Lilo & Stitch
12.10 น. นักแสดงทั้งหมดออกมา ขอบคุณผู้ชม งดงามจริงๆ ทั้งนักแสดง และ แสงสีประกอบ

** แนะนำ
นั่งบัตรถูกๆ อยู่ด้านบน ดีกว่า เพราะจะได้เห็นตัวแสดงครบ
นั่งใกล้ มัวแต่มองมุมนึง อีกมุมนึง มีนักแสดงออกมา ไม่ทันตั้งตัวเลย

เตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วย

เด็กโตหน่อยใช้บัตรร่วมกับผู้ใหญ่ก็ได้

ตกลงกับเด็กๆก่อน ว่า ดูอย่างเดียว ไม่ซื้อของ เพราะแพงมาก
Pop Corn 50 บาท ราคาเท่ากับ ROUTE 66 เลย
ของเล่นอีกต่างๆ นาๆ แต่ถ้ามีตังเยอะ ก็ไม่ว่ากัน

ไปก่อนเวลาซักหน่อย หาที่จอดรถ ดูเสร็จยังเดินในงานอื่นๆในเมืองทองได้

สำหรับนักแสดง
นักแสดงเล่น Ice ได้สวยงามมาก แข็งแรง พริ้ว เห็นแล้วอยากเล่นเป็นจัง
กลับออกมาแบบชื่นใจ งานละเอียด เก็บรายละเอียดทุกเม็ดได้ดี จุดเล็ก จุดน้อยก็ดูแลตลอด
เลื้อผ้า เครื่องแต่กาย แสงสี ดีมาก นี่แหละมืออาชีพ คนไม่เต็ม ก็แสดงเต็มที่

สำหรับสถานที่
เก้าอี้ ไม่เหมาะกับราคาเลย 1200 บาท เก้าอี้พลาสติก ก็พยายามเข้าใจ ว่าเป็นของประกอบใช้ชั่วคราว
แต่นั่ง 1.30-2 ชั่วโมง มันเมื่อย เข้าใจไหม
อยากนั่งบัตร 300 ด้านบนจังเลย

วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2551

สิมิลัน : ฝันเกินกว่าของจริง

วันที่เดินทาง 22-24 มีนาคม 2551

เริ่มต้นด้วยการเดินทางไปสนามบิน เลือกสายการบิน fly12go สุวรรณภูมิ - ภูเก็ต กำหนดเครื่องออก 11.30 น. โทรจองตั๋วล่วงหน้าไว้ 2-3 วัน ต้องไปถึงสุวรรณภูมิก่อนเครื่องออก 1 ชม. เพื่อเช็คอิน

10.15 น. ไปถึงสนามบิน เข้าแถว เช็คอิน เพื่อรับตั๋ว หลังจากนั้นก็เดิน โต๋เต๋ ไปเรื่อยๆ
11.00 น. เข้าประตูผู้โดยสารในประเทศ ไปรอขึ้นเครื่อง ประตู A1B รอรถบัสมารับไปขึ้นเครื่อง

11.10 น. เข้าไปนั่งประจำที่นั่งอย่างโดดเดี่ยว สายการบินนี้ ระบุที่นั่ง ไม่ต้องรีบร้อนขึ้นก็ได้

แอร์ร้อนมาก ขอบอกเลย ถ้าเครื่องยังไม่ออกนะ ต้องใช้กระดาษพัด ขนาดพนักงานยังเหงื่อท่วมหลังเสื้อเลย พอดีเห็นตอนที่เขาสาธิตเสื้อชูชีพแล้วหันหลังให้ โอ้โห กรรม.... น่า...อาจจะเป็นเฉพาะเที่ยวนี้น่า ขากลับคงดีกว่านี้

11.30 น. เครื่องออกตรงตามเวลา ใครว่า Low Cost จะ Delay ไม่จริงมั้ง
กัปตันบอกว่า บินที่ความสูง 20000 ฟุต ใช้เวลา 58 นาที ( จริงเร้อ..นึกในใจ )
นั่งข้างใครไม่บอก แต่ ขาวมากๆๆ ซู๊ด.....
12.30 น. ลงจอดอย่างสบาย ไม่มีแวะดู หรือไถลหาเพื่อนๆ ลำก่อนหน้านี้ที่ออกนอก Runway

12.40 น. ออกมารอกระเป๋าเป้ ขอเตือนว่า ถ้าไปแล้วมีกระเป๋าใบเดียว อย่างฝากเลยครับ หิ้วขึ้นเครื่องดีกว่า

13.00 น. ได้กระเป๋าแล้ว มีน้องๆ มารอรับที่ทางออก

เริ่มทำตัวเป็นชาวภูเก็ตได้แล้วเรา

%%%%% ############### %%%%%


เริ่มเข้าเมืองเลย จุดแรกก็ต้องไหว้พระกันก่อนครับ

เริ่มที่วัดฉลองครับ เป็นวัดแรก วัดเดียว ที่เคยเห็น ณ. ตอนนี้ ที่มี ATM อยู่ในวัด เอาหลักฐานมาฝากให้ดู



วัดไหนมีอีก เอามาโชว์กันหน่อย


โลกเปลี่ยนแปลงเร็วจริง


ตามด้วยรูปหุ่นปั้นพระ ในบ้านเรือนไทย ติดแอร์เย็นฉ่ำ ได้นั่งพักเย็นๆก็จุดนี้แหละ



ไปที่ศาสนสถานข้างๆกัน ( ไม่รู้เรียกว่าอะไรดี โบสถ์หรือเปล่าไม่รู้ )

มีพระบรมสารีริกธาตุ อยู่ที่ชั้นบน ขึ้นไปเถอะครับ ไม่เมื่อยมากหรอก


เดี๋ยวไปต่อกัน ที่จุดชมวิว ทางไป กะตะ กะรน ( แรกๆเผลอ พูดเป็น ตะกะ ตะกน ซะแล้ว )

แล้วก็ลงเขา ไปที่ หาดกะตะน้อย - หาดกะตะ มีแต่ฝรั่งเต็มไปหมด เราดูเหมือนแปลกๆกว่าคนแถวนั้นเลย

น้องๆที่ไปด้วย บอกว่า อยากนุ่งบิกินี่ จะได้ไม่แปลกกว่าคนอื่น ดูซิ ใครจะกล้ามอง

ไปต่อที่จุดชมวิว บริเวณกังหันผลิตไฟฟ้า ก่อนขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพ ( จุดขาย นึกในใจว่า คนต้องเพียบๆ แล้วก็มีแต่คนไทย 95 % )



มุมมอง เมื่อมองไปทางจุดชมวิว แหลมพรหมเทพ

ไปต่อที่แหลมพรหมเทพ กับ ประภาคารกาญจนาภิเษก กันเลยดีกว่า

มองจากจุดชมวิว แหลมพรหมเทพ มองไปทางแหลม กับทางอีกมุมหนึ่ง พระอาทิตย์ไม่ได้ตกทางแหลมนะครับ ไปตกอีกมุมหนึ่ง แต่คนเยอะมากๆ หามุมถ่ายยาก มีแต่ผู้คนเต็มไปหมด
ค่ำๆ ก็ขับรถไปกินข้าว ป่าหล่าย แล้วก็ตระเวณ ป่าตอง
23 มีนาคม 2551
05.00 น. แหกขี้ตาตื่น มารอรถตู้มารับ ล้างหน้า แปรงฟัน พอครับ น้ำไปอาบในทะเลเอา
06.00 น. รถตู้มารับถึงที่พักในเมือง นั่งมาสบายๆ
07.30 น. มาถึงท่าเรือ ทับละมุ รอขึ้นเรือของ Jack Similan ที่รอมีขนมปัง กาแฟไว้บริการครับ เผื่อใครอยากไป จะได้ไม่ต้องเตรียมอาหารเช้า มีเวลากิน และรอคณะอื่น เข้าห้องน้ำ เลือก Fin อ้อ.... มีผ้าขนหนูไว้ให้ด้วย เผื่อเอาไว้ขึ้นเรือหรืออาบน้ำที่เกาะสุดท้าย
08.00 น. เรือเริ่มออกเดินทาง เรือที่ขึ้นใช้ 3 เครื่องยนต์ครับ ผมเองนั่งท้ายเรือ เหม็นควันตอน Start เครื่องพักนึง แต่ เพื่อสิมิลันที่ฝันไว้ เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว
ก่อนขึ้นเรือ ถอดรองเท้าครับ ใส่ถุงดำที่พนักงานเตรียมไว้ให้
เดินทางได้เลย.......

จุดแรกเลยครับ เกาะบางู หรือ เกาะ 9 ลงดำน้ำเลยครับ เรือจอดใกล้ฝั่ง
ใส่ Snorkle ลงไปเลย ผมเองจับชูชีพได้ ก็โดดลงเลยครับ ( ไม่ได้เบิก Fin มา ) เห็นฝรั่งลงกันตัวเปล่า ไม่มีชูชีพ มีแต่ตัวกับ Fin แค่นั้น โหย...มันแน่โว๊ย...
สวยครับ โลกใต้น้ำ นี่ขนาดแค่ผิวน้ำนะ มีปะการังแข็งเป็นส่วนใหญ่ ปะการังอ่อนก็พอมีบ้าง แต่สีสันก็ เขียว กับน้ำเงิน แบบแดงๆ เหลืองๆ ยังไม่เห็นเลย
** เคยไปเกาะเต่าเมื่อปี 2535 รู้สึกว่าสวยกว่านะ แต่ตอนนี้ ไม่แน่ใจ...
** น้ำใสๆ อย่างนี้ อยากให้ พ่อ กับ แม่ได้มาด้วยจังเลย คงตื่นตาตื่นใจ
อยู่ที่นี่ประมาณ 45 นาที เรือก็เรียกกลับ เพื่อไปที่จุดต่อไป
ใช้เวลาไม่นานครับ ก็มาถึงเกาะสิมิลัน หรือ เกาะ 8
ทีนี้เรือจอดที่ทรายเลยครับ ให้คนลงไปกินข้าว แล้วเรือก็ออกไปจอดในทะเล ห่างไปไม่ไกล
อาหารอร่อยครับ เยอะมาก กินไม่หมด โต๊ะนึง 6-7 คน กับข้าวมีเติมได้ด้วย
แล้วก็ต้องมีรูปนี้ครับ Logo ของเกาะ มาแล้วไม่ถ่ายรูปหินเรือใบ ถือว่าไม่มา ประมาณนั้นเลย
สามารถเดินขึ้นไปข้างบน เพื่อชมวิวได้
แต่ผมไม่สนใจวิวครับ กินข้าวเสร็จ คว้า Snorkle ได้ก็โดดใส่ทะเลเลยครับ
ไม่ได้เตรียมชูชีพมา แรกๆก็อยู่ริมฝั่ง ดำน้ำ ไม่มีปะการังครับ มีก็นิดหน่อย แต่มีปลาให้ดูมากมาย
สักพักก็ออกห่างฝั่งเรื่อยๆ..... เรื่อยๆ.....
เฮ๊ย.... ไม่จมนี่นา ถึงรู้ได้ว่า ที่ฝรั่งลงน้ำได้ ไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอก เราก็ทำได้
เพียงแค่เราลอยตัวในระนาบขนานกับน้ำ ตัวก็จะลอย
แต่ถ้าเราอยู่ในแนวดิ่ง ก็จะต้องตีขาเพื่อพยุงตัว ไม่งั้นจม
โอ้ว..... ไปดำน้ำมาตั้งหลายเกาะ เพิ่งรู้นี่ เซ่อไหมเนี่ย.....
น้ำใสๆ ทรายละเอียด โอย..สวรรค์แน่ๆเลยนี่
บ่ายโมงนิดๆ ก็ได้เวลา เดินทางต่อ
ร่ำลา เกาะสิมิลัน เกาะ 8 สู่เกาะปาหยู หรือ เกาะ 6 ครับ
เรือจอดกลางทะเล ใกล้ๆเกาะ ลงดำน้ำกันใหม่ สวยงามพอๆกับทุกเกาะ จุดนี้มีประการังอ่อน สีน้ำเงินอยู่ค่อนข้างเยอะ แล้วเป็นแนวกว้างมาก สวยงามจริงๆ
ประมาณ 45 นาที ก็เดินทางต่อ ไปยังเกาะเมียง หรือ เกาะ 4
เรือจอดที่ฝั่งครับ มีที่ทำการอุทยาน จุดบริการนักท่องเที่ยว
ที่นี่มีป้ายอุทยานให้ถ่ายรูปคู่ มีห้องน้ำไว้อาบน้ำก่อนเดินทางกลับ
แต่ก่อนอื่นนะ แนะนำว่า ดำน้ำตื้นไปก่อนเถอะ มีปลาเยอะแยะ ตัวใหญ่ เล็ก สวยงามเหลือเกิน
สวรรค์ สงบ ส่วนตัวเมื่ออยู่ในน้ำ งดงามเหลือเกิน
14.50 น. ก็ขึ้นเรือกลับ ผมอาบน้ำก่อนขึ้นเรือ และเดินทางกลับนะครับ มีผ้าเช็ดตัวที่เตรียมมา สบายเหลือเกิน ตัวดำๆแดงๆ อย่างเห็นได้ชัด ( Sun Block หรอ ไม่ใช้ครับ ) มันไม่ดำได้ใจ...
16.30 น. ถึงฝั่งครับ ท่าเรือทับละมุ รับรองเท้าคืน รอขึ้นรถตู้กลับที่พัก
18.30 น. ถึงที่พัก อาบน้ำ เตรียมตัวดูบอล ศึกแดงเดือดตอน 20.30 น.
22.20 น. คอพับ จุก เศร้า ทีมรักถูกยำ 3-0
จบข่าว
%%%%% ############### %%%%%
24 มีนาคม 2551
08.00 น. โทรไปลางาน โอย...ลาป่วยครับเจ้านาย ท้องเสีย
08.02 น. แข็งแรงแล้ว ลงมาหาข้าวกิน
10.30 น. Check Out ทัวร์เมืองภูเก็ต
ไปเมืองเก่า ไปเขารัง เก็บบรรยากาศเมืองภูเก็ต เวลากลางวัน
ไปหาข้าวกลางวันกิน แถวนอกเมืองครับ ริมหาด
ขับรถออกมาทาง สารสิน ก่อนถึง นิดนึง ซ้ายมือจะเป็นร้านริมทะเล
จั๊กจั่นโภชนาครับ อร่อยมาก ถูกด้วย ต้องรีบทำเวลาครับ เดี๋ยวตกเครื่อง
15.00 น. กลับมาสนามบิน รอขึ้นเครื่องกลับ
15.40 น. ขึ้นเครื่อง fly12go เหมือนเดิม อาการเดิม คือ ร้อนบรรลัย ถ้าเครื่องไม่ออก
Delay 7 นาที ครับ เพิ่มเข้าใจเหมือนกันว่า ถ้า Delay คือ เป็นทั้งหมด ๆ ไม่ว่าสายการบินไหน
เพราะทุกลำ จะต้องถูกสั่งจากหอบังคับการบิน Low Cost , High So Delay เหมือนกัน
ใครทำงานสายการบิน ตอบที่ว่าใช่ไหม ?
โชคดีจริงๆ ได้นั่งแถวหน้าสุด ไม่ต้องถูกบีบด้วยเบาะของคนข้างหน้า
โชคดีที่ 2 ได้นั่งริมหน้าต่าง อ้าว..ต้องถ่ายรูปซี ยังงี้ เริ่มเลย
เริ่มบินขึ้นแล้ว
ริมฝั่ง มองจากมุมบน
ฉันคือเมฆ อยู่บนท้องฟ้า ลอยไปลอยมา ลอยมาลอยไป
กัปตันไม่ได้บอกว่า บินความสูงที่เท่าไร
เข้าเขตสุวรรณภูมิแล้ว
กำลังลงจอดแล้ว
อีกมุมของ ดช. สุวรรณภูมิ ผู้อื้อฉาว
ขอบคุณ พ่อ กับ แม่ ที่เป็นห่วง และดูแลให้เป็นคนดี
ขอบคุณที่ไม่ปิดกั้นการเผชิญโลกกว้างด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่อายุ 18 ปี
ผมรักพ่อ กับแม่ มากครับ