ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ร่างทรง..กำลังทรงเจ้า...หรือโดนผีสิง?

ร่างทรง..กำลังทรงเจ้า...หรือโดนผีสิง?
จากเว็บไซต์ sanyana.com และ saisunya.com

ความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ต่างๆ โดยขาดการพิจารณาไตร่ตรอง หลงยึดติดในเรื่องอิทธิฤทธิ์จนเกินไป ทำให้หลงเป็นเหยื่อของเหล่า 18 มงกุฎ ที่ชอบอวดอ้างตนเอง ตั้งตัวเองเป็นเกจิอาจารย์ ใช้เล่ห์กลมายาและหน้าม้าขบวนการหลอกล่อ กระทำเรื่องราวต่าง ๆ อวดอ้างเป็นผู้วิเศษในเรื่องราวต่าง ๆ จนผู้คนหลงเชื่อ ในที่สุดก็ต้องสูญเสียเงินทองไปกับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างช่วยไม่ได้
การเจ็บป่วยของมนุษย์นั้น จัด ได้ว่าเป็นความทุกข์อย่างหนึ่งที่พบเห็นกันอยู่ทุกวัน ดังได้กล่าวมาแล้ว หากเกิดจากดินฟ้าอากาศแปรปรวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ก็อาจเจ็บป่วยเป็นไข้หวัด ไอหรือจาม เพียงกินยาหรือหาหมอก็หาย บางคนอาจมีวิตกจริตมากชอบคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ อย่างมากมายจนเกิดความเครียด นำไปสู่โรคหัวใจ โรคประสาท ก็เป็นไปได้ แต่บางโรคเพียรพยายามจะรักษาอย่างไรก็ไม่หาย กินยากันเป็นปี ผ่าตัดกันเป็นประจำ ก็ไม่หาย
ดังนั้นหนทางแห่งการแก้ไข ก็เลยหนีจากทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ มาเป็น ไสยศาสตร์ หาร่างทรง องค์เทพกันไป หายก็มี ไม่หายก็มี เพราะถ้าโชคดี พบกับผู้มีภูมิความรู้จริง ๆ ก็คงจะหาย แต่ถ้าพบผู้แอบอ้างแฝงมาหา กิน ก็คงจะเสียเงินมากกว่าจะหาย
สิ่งหนึ่งที่มักจะพบเห็นมักได้แก่ ถูกทักทายว่ามีองค์ และจะต้อง ครอบขันธ์ครู รับ องค์เทพไปบูชามิฉะนั้นจะไม่หายป่วย บางทีอาจถึงตาย คนเรามาถึงขั้นนี้มีหรือจะไม่ยอม ส่วนใหญ่จะยอมรับขันธ์กัน เพราะ อยากหาย และ อยากรวย ดังนั้นเมื่อถูกทักว่ามีองค์ก็อย่าเพิ่งหลงดีใจ เพราะอาจจะเป็นก้าวแรกที่ท่านจะต้องเสียเงินให้แก่ตำหนักนี้อีก เรื่อย ๆ เช่น การครอบขันธ์ งานไหว้ครู เป็นต้น ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า ท่านมีองค์จริง? หรือว่าถูกหลอก??

(ร่างทรงพระพิฆเนศ ร่างทรงพระพิฆเณศ ร่างทรงพระพิคเนตร ร่างทรงพระศิวะ ร่างทรงพระวิษณุ ร่างทรงพระนารายณ์ ร่างทรงเจ้าแม่กาลี ร่างทรงเจ้าแม่อุมาเทวี ร่างทรงเจ้าแม่ลักษมี ร่างทรงเจ้าแม่ทุรกา ร่างทรงเจ้าแม่ทุรคา ร่างทรงพระขันทกุมาร ร่างทรงพระกฤษณะ ร่างทรงพระแม่กาลี ร่างทรงพระแม่อุมาเทวี ร่างทรงพระแม่ลักษมี ร่างทรงพระแม่ทุรกา ร่างทรงพระแม่ทุรคา ร่างทรงพระราม)


เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เรามีองค์หรือเปล่า หรือชอบไปเที่ยวหาร่างทรงตามตำหนักต่าง ๆ เป็นเทพจริงหรือเปล่า หรือเป็นเพียงสัมภเวสีที่แอบอ้างหากินไปวัน ๆ พอถูกเขาทักว่ามีองค์ก็เลยพาลรับขันธ์ 5 ไปเลยก็มี ถ้าทำถูกต้องก็ดีไป ถ้าทำไม่ถูกต้อง กลายเป็นว่าเอาผีมาใส่ไว้ในตัวก็จะซวยไปกันใหญ่ เพราะบางทีเราไม่ทราบว่า ตำหนักไหนแท้หรือเทียม บางคนไม่มีอะไร แต่พอเห็นเขามีองค์ก็พาลอยากจะเป็นบ้าง ก็เลยทำให้มีทั้ง คนทรงเจ้า หรือ เจ้าเข้าทรง ก็อยู่ในวิจารณญาณของท่านที่ต้องพิจารณาศึกษาให้ดีเสียก่อน
เทพแต่ละองค์มีบารมีสูงมาก ไม่มานั่งสั่นๆ การสั่นที่เราพบเห็นกันคืออาการของ ผีเข้า หรือ สัมภเวสีเข้า เนื่องจาก บุญของผู้ที่กำลังจะเข้านั้นน้อยมากๆ และการใช้พลังงานมากในการเข้าออก เทพจริงๆ สวมร่างได้ไม่ต้องเชิญและไม่ต้องสั่น(สวมตามบารมีของผู้นั้นว่ามีธาตุกุศล มากน้อนแค่ไหน) การสั่น หรือการทรมารร่าง ให้อาเจียร หงายท้อง ปวดหัว ปวดบ่า นั้นเป็นบาปมหันต์ เราเองไปทรมารสัตว์ยังบาปเลย แล้วเทพ หรือมหาเทพมาทรมานมนุษย์ ให้จริต ร่างผิดเพี้ยนไป ยิ่งบาปมาก หรือพูดง่ายๆ คือ "สัตว์โลก ย่อมไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน" เทพเทวดาส่วนใหญ่ ก็ไม่เสี่ยงกับการถูกขับลงจากสวรรค์ หรือหมดอายุขัยง่ายๆ ด้วยวิธีนี้.
ข้อสำคัญ ที่สั่นๆ นั้นเรียกว่าการเข้าทรง แล้ว ทำประโยชน์อะไรให้ร่างนั้นบ้าง นอกจากมาเกาะกิน บุญ เครื่องเซ่นไหว้ แล้ว วันหนึ่งก็ไป..ในระหว่างการลง ผู้ที่ไม่เคยเห็นหรือศึกษา ก็คิดว่าเป็น ความวิเศษ...

ถาม - ตามตำหนักทรงทำไมต้องเจิมหน้าผาก ?
ตอบ - การเจิมหน้าผากเป็นการสะกด หรือกดให้สังขารวิญญาณนั้นอยู่ภายใต้อำนาจตนเอง หรือกดให้เป็นบริวาร พระพุทธเจ้าสอนธรรมมะ ให้กับสาวก แม้แต่องคคุลีมาร ยังสำเร็จอรหันต์ มิได้ให้เจิมหน้าผากใคร
ถาม - เหตุใดวันพระจึงไม่ยอมเข้าทรง?
ตอบ - วันพระคือวันที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมโปรด สรรพสัตว์ทั้งหลาย และเหล่าทวยเทพเทวดา มาฟังธรรม เทวดาก็ต้องการหลุดพ้นเหมือนกัน การที่ตำหนักต่างๆ ไม่ทรง เรียกว่าไม่กล้าเข้า เพราะเกรงกลัวอำนาจ
...จึงขอให้ใช้สติพิจารณาไตร่ตรอง...

ความเห็นเรื่อง "ร่างทรง" จาก อาจารย์คมกฤช (ศรีหริทาส)
นักปรัชญาวัดเทพมณเฑียร และ มหาวิทยาลัยศิลปากร


...เรื่องที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้าจำต้องประกาศไว้ในที่นี้ คือ ศาสนาพราหมณ์ฮินดูไม่มีการทรงเจ้าเข้าผี 

พิธีการทรงเจ้าเข้าผีนั้นไม่มีอยู่ในคัมภีร์ใดๆ ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เป็นเรื่องที่พราหมณ์ผู้รู้พระเวททั้งปวงไม่ยอมรับ 
ท่านพระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าคณะพราหมณ์ ตัวแทนของศาสนาพราหมณ์ฮินดูในประเทศไทยเคยกล่าวว่า การอ้างองค์เทพว่าตนมีภาวะอย่างนั้นอย่างนี้เทียบเท่าองค์เทพ ไม่อยู่ในแนวทางของความหลุดพ้น เป็นสิ่งไม่พึงกระทำ ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับท่านอย่างยิ่ง แลรู้สึกรับไม่ได้กับสิ่งเหล่านี้ 
ข้าพเจ้ามิได้รังเกียจการทรงเจ้าเข้าผีแบบชาวบ้าน ซึ่งมีหน้าที่บางประการในชุมชนชนบทไทย เช่น การรักษาโรคตามภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือการรักษาความสัมพันธ์ในชุมชน แต่รับไม่ได้กับการเอา “พระเป็นเจ้า” ในศาสนาไปเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ 
คนเหล่านี้ถ้าไม่หลอกลวงก็เป็นพวกวิปลาสมีความผิดปกติในจิตใจ หรือไม่ก็เจ็บป่วย ทั้งนี้ข้าพเจ้ามิได้หมายความว่าการดลใจโดยพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นสิ่งที่เป็น ไปไม่ได้ แต่นั่นย่อมเป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลที่ไม่สามารถบอกเล่าให้ผู้อื่นฟัง ดังเช่นที่บรรดาพระมุนีและโยคีต่างๆ เคยประสบ
ขอให้ท่านทั้งหลายจดจำข้อนี้ให้ ดี หากท่านเพิ่งจะเป็นผู้เริ่มสนใจก็ขอให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องและพึงรู้ว่า เราสามารถเข้าถึงพระเป็นเจ้าได้โดยไม่ต้องพึ่งคนทรงเจ้าหรือผู้วิเศษใดๆทั้ง สิ้น!!!

องค์ลง หรือ ผีสิง !!
โดย พระพันธกานต์ อภิปญฺโญ / เว็บ samyaek.com

"...
คนปกติเขาก็มีกันแค่ หนึ่งใจกับหนึ่งกายและดำเนินชีวิตไปตามปกติ

แต่คนที่ไม่ปกติ ก็จะมีหลายใจอยู่ในร่างกายเดียว และดำเนินชีวิตไม่ค่อยปกติเหมือนคนอื่น
เขาเรียกคนแบบนี้ว่า คนถูกผีสิง ยิ่งมีมากก็คือถูกสิงมาก มันไม่ใช่องค์ใช่แอ็งค์อะไรหรอก
พวกผีเร่ร่อนอยู่แถวๆโลกนี้แหละ ทำเป็นอ้างเทพองค์นั้นองค์นี้ ไอ้พวกผีขี้บาปมันก็อ้างไปเรื่อยนั่นแหละเพราะมันไม่รู้จักบุญ-บาป อะไรหรอก ถ้ามันรู้จัก บาป-บุญ แล้ว การกระทำแบบนี้พวกผีต้องไม่ทำ
เพราะร่างกายนี้มีใจดวงหนึ่งครอบครองอยู่ก่อนแล้ว และมีสิทธิ์เกี่ยวกับร่างกายนี้อย่างชอบธรรมด้วย
การสิง - การทรง นี้เป็นบาปมากนะ ต้องไปตกนรกเพราะทำบาปเกี่ยวกับการสิงคนนี้แหละ

พวกผีเร่ร่อนทั้ง หลายนั้น ก็หาสิ่งหลอกล่อ มาอ้างนั้นอ้างนี้เพื่อจะได้เข้าสิงร่างกายคน (อ้างว่าตนเป็นองค์เทพ หลอกเจ้าของร่าง) และหาวิธีที่จะครอบครองร่างกายนี้และพยายามที่จะมีอำนาจเหนือใจดวงที่เป็น เจ้าของร่างกายนั้นด้วย พวกมนุษย์ก็ไม่ทันเหลี่ยมผี ไปกราบไปไหว้หาว่าพวกผีนี้ดีนัก (ที่ตนดันเข้าใจว่าเป็นเทพ) แล้วก็ยินยอมทำตามที่ผีมันบอกทุกอย่าง
พวกผีก็เลยได้โอกาสวางมาด เพราะคนทั้งหลายไม่มีที่พึ่งให้ใจของเจ้าของ
พาใจของเจ้าของสะเปะสะปะ อ่อนระโหยโรยแรงไปเรื่อยหาจุดหมายปลายทางไม่เจอ
ทั้งๆที่ คำสอนของพระพุทธเจ้าก็ยังคงอยู่คู่โลก ก็ไม่พากันเชื่อมั่น หาว่าเป็นเรื่องตกยุคตกสมัยบ้าง โบราณแล้วบ้าง เป็นเรื่องที่เข้าใจยากบ้าง เป็นเรื่องทำตามได้ยากบ้าง ข้ออ้างทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไปเข้าแผนของพวกผีทั้งนั้น
แม้แต่ผี กิ๊กก๊อกก็ยังหลอกให้คนเชื่อได้ แสดงอานุภาพนิดๆหน่อยๆ ก๊อกๆแก๊กๆ แค่นี้คนก็ไปจุดธูปบูชามันแล้ว
ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรเหมือนกัน เพราะคนขาดการศึกษา ขาดการทำความเข้าใจเรื่องศาสนานี้อย่างมาก ...

แต่จะว่าไปก็คงจะเป็นเพราะคนไปก้มหัวยอมรับนับถือให้พวกผีเลอะเทอะมันสิงเอา ด้วย
เพราะเรื่องแบบนี้ปรบมือข้างเดียวก็คงไม่ดัง คนนี่ก็แย่พอๆกันกับผี นั่นแหละ

ยิ่งพวกผีที่มาหาสิงคนแล้วอวดอ้างนั่นๆนี่ๆบ้าๆบอๆ มันไม่ได้วิเศษห่าอะไรของมันหรอกนะ
ไม่ยุ่งกับมันได้เป็นดีที่สุด ไอ้พวกผีสกปรกพรรค์นี้ นับวันมีแต่จะสร้างบาปเหยียบย่ำทำลายตัวเองให้หนักขึ้นๆ "

ที่มา : Hindumeeting.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น