วันหยุดยาวๆ (สั้นๆ แต่ก็คิดว่ายาวแล้วละ) มีจังหวะที่พอจะเจียดเวลาได้ แล้วก็ด้วยความหิวทะเลภาคใต้
หอบสังขารโทรมๆ พร้อมอาการเจ็บข้อมือ ลงใต้ ชายทะเล-ภูเก็ต
เดินทางรอบนี้ มีพาหนะคู่ใจ ใช้เดินทาง เป็นมอเตอร์ไซค์ Honda - Scoopy I
การใช้รถมอเตอร์ไซค์ ในป่าตอง-ภูเก็ต เป็นเรื่องปกติ เพราะรถยนต์หาที่จอดก็ลำบาก ไม่คล่องตัว
แล้วสำหรับผม มันปกติเกินไป เพราะใช้รถยนต์ในป่าตอง และรอบๆภูเก็ต พังงา กระบี่ มาจนเบื่อแล้ว
ในเขตป่าตอง เท่าที่เห็นน่าจะมีปั๊มน้ำมัน เพียงที่เดียว ที่เหลือเป็นปั๊มหลอด หรือร้านที่ขายน้ำมันบรรจุขวดน้ำอัดลมขนาด 1 ลิตร
วิธีการเติมน้ำมันของชาวป่าตอง คือ มอเตอร์ไซค์ จะเข้าคิวเพื่อรอเติมกัน ปั๊มจะเปิด 2 ช่องการจราจร
ผมผ่านทีไร ไม่เคยเจอแบบที่เข้าไปเติมได้เลยทันที ผ่านทีไรก็จะต้องเห็นคนเข้าคิวเติมตลอด
ครั้งแรกเข้าไป ก็ดูๆชาวบ้านเขาทำยังไง แล้วทำตาม
จอดรถ - ดับเครื่อง - เปิดเบาะรถ - ยกเบาะขึ้น - เข้าคิว - เข็นรถไหลไปตามลำดับ - ถึงคิว
บอกเด็กปั๊ม ว่าจะเติมเท่าไร - จ่ายเงิน - ขับออกไป
ทำแบบนี้กันหมด ทั้งฝรั่ง ทั้งไทย ทั้งพม่า ด้วยความที่ไม่เคยเจอการเข้าคิวยาวๆ แบบนี้
สำหรับผม ถือว่าแปลกว่ะ
การจะเดินทางจากป่าตองไปไหนมาไหน จะต้องผ่านข้ามภูเขา ตรวจสภาพรถคร่าวๆ พอที่จะผ่านไปหาดไหนต่อไหนได้ ก็เริ่มโครงการ ขับขี่สบายใจ ไปเรื่อยๆ
จากป่าตอง จะมีถนนที่มาจากทางสนามบินเข้ามาหาดป่าตองได้ 2 ทางหลักๆ
ทางแรก มาจากเส้นบายพาส เลี้ยวขวาตรงสี่แยกตรงโลตัส มาเรื่อยๆข้ามเขา ก็จะเข้าเขตป่าตอง
ผมเดินทางด้วนรถยนต์เข้ามาเส้นนี้บ่อยๆ เลยไม่ค่อยสนใจ
ก็เลยเล็งๆ ทางที่สอง
ทางที่สอง จากป่าตอง ผมวิ่งผ่านบ้านกะหลิม ที่เป็นหมู่บ้านริมหาดที่ต่อกับหาดป่าตอง
ทะเล หาดทรายอาจไม่สวยอย่างป่าตอง แต่ก็สงบ ยามเย็นๆ ผู้คนมาจอดรถชมวิวพระอาทิตย์ตกน้ำกันพอสมควร
ริมหาดกะหลิม ด้านหนึ่งเป็นหาดที่มีโขดหิน ไม่มีคนมาเล่นน้ำ มีแค่ชมวิว เดินเล่นประปราย
ระหว่างทาง สามารถจอดรถตรงไหนก็ได้ เพราะใช้มอเตอร์ไซค์
ผมจอดชมวิวตลอดทาง บรรยากาศบนเขา มองลงไปที่ทะเล ทั้งแนวปลายสายตา และแนวดิ่งลงเหว
เห็นทั้งความสงบของทะเล ที่สุดสายตา และความเกรี้ยวกราดเมื่อทะเลกระทบโขดหินเมื่อมองดิ่งลงหน้าผา
ข้ามเขาไปเรื่อยๆ ก็เจอบ้านกมลา ที่นี่มีอนุเสาวรีย์ระลึกถึงสึนามิ เมื่อหลายปีก่อน
หาดกมลา ตรงจุดที่มีรถยนต์จอดได้ และมีรีสอร์ทมากมาย ก็เป็นหาดที่อยู่ในเวิ้งอ่าว สงบ ลมไม่แรงมาก
ผมผ่านกมลาไปอย่างช้าๆ ซึมซับอารมณ์กมลา ให้ได้เต็มที่ สักพักก็พาเจ้า Scoopy I ออกมาสู่ถนนหลัก เพื่อจะไปต่อที่ หาดสุรินทร์ ในหาน ในยาง ตามที่คิดๆไว้ ระยะทางที่คาดไว้คงราวๆ 30 กม. ในขาไป
Scoopy I พาผมมุ่งหน้าไปหาดสุรินทร์ แบบไม่เร่งรีบอะไรมาก
พลันสายตาก็มองเห็นซอยเล็กๆ เล็กขนาดพอที่มอเตอร์ไซค์จะสวนกันแบบลำบากนิด แต่ก็สวนกันได้
สายตามองผ่านไป เห็นช่องที่รถเข้าไป ในช่องนั้นเห็นทะเล แล้วดันเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ เคลื่อนตัวผ่านช่องนั้นพอดี บรรยากาศแบบนี้ ทำให้ผมต้องรีบจอดรถ หันรถกลับเพื่อจะเข้าซอยนั้น
เข้าไปสุดซอย มีที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ได้ไม่กี่คัน พอที่จะมีช่องให้จอดได้ ก็จอดและเดินต่อริมหาดกมลาด้านปลายๆหาด
ที่อีกด้านของหาด เป็นภูเขา ที่มีรีสอร์ทตั้งอยู่บนเขา บรรยากาศบนนั้นคงดีน่านอนจริงๆ
ที่ภูเก็ต ทุกพิ้นที่เป็นเงินเป็นทองไปหมด ยิ่งใกล้ทะเล ยิ่งมีค่า
ผมเห็นได้จากตามเส้นทางที่ผ่าน จะมีการก่อสร้างอยู่ตลอด ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ที่ผมไปภูเก็ต
แต่เห็นทุกครั้งที่มาที่นี่ ....
มองๆไป เห็นต่างชาติคนหนึ่ง กำลังเดินมา มีหมาเดินตามห่างๆ
ดูจากมุมที่ผมยืนอยู่ ก็เลย วางกล้องลงกับพื้น กะระยะ เตรียมยิง
รอให้มาตรงจุดพระอาทิตย์ส่องกลางโป๊งเหน่งพอดี
แช๊ะ ! แหม....หมามาช้าไปนิด ไม่เป็นไร
ช่วงนี้ เริ่มเข้าสู่หน้า Low Season นักท่องเที่ยวเริ่มลดลง ประกอบกับ หาดกมลา จุดนี้ไม่ค่อยสะดวกในการเข้าถึงมาก ทำให้ร้านค้าริมหาดเงียบเหงา
คิดซะว่า ปิดเทอม พ่อค้า แม่ค้า พักผ่อนบ้าง
นั่งๆ เดินๆ ซึมซับบรรยากาศ พลันหันไปเห็นสาวๆอิสลาม เล่นน้ำกันทั้งชุดคลุมฮิญาบ
ฮิญาบ เป็นการคลุมปิดตั้งแต่ผม มาถึงคอ แต่เปิดให้เห็นใบหน้า โดยผ้านั้นจะเป็นผ้าสี่เหลี่ยม
ว่ากันว่า มาทะเล ก็ต้องโดด ไม่ว่าศาสนาใด ก็โดดได้ (ก็ไม่รู้ ชาติอื่น เขาโดดกันไหม)
สาวๆ ฮิญาบ ก็โดด
ฟ้าเริ่มมืดลง ราตรีแห่งป่าตองกวักมือเรียก
ได้มีโอกาสเดินยามค่ำคืนบ้างเล็กน้อย กับไกด์สาวสวย "ที่ผมแอบหลงรักแบบเปิดเผย - งงไหมล่ะ"
ผมสนใจตึกสูงของป่าตอง The Royal Paradise Hotel ที่อยากเข้าไปแล้วขึ้นชั้นบนสุด
น่าจะเห็นมุมมองของป่าตอง และทะเล ยามค่ำได้ดี
สาวสวยสุดที่รัก นำผมไปอย่างเต็มใจ พลันมองผมด้วยสายตา แปลกๆ ปน สงสัย
เดินเข้าซอยมานิดเดียว ผมก็รู้สึกตัวเลยครับ
กับผู้คนที่เดินสวนออกมา และเดินเข้าไป
แถวนี้ มีร้านเหล้า แบบที่มีผู้ชายนั่งอยู่เต็มหน้าร้าน เพื่อเป็นเพื่อนนั่งดื่ม
ขาชา หน้าชาครับ สำหรับกระเหรี่ยงอย่างผม สงสัยว่า ตัวเองคงจะเขินๆ อายๆ
หรือนี่มันใช่ตัวเราวะเนี่ย 555
เพื่อป้องกันการเข้าใจตัวเองผิดพลาด ผมยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปแก้เขิน แล้วรีบเดินจากไป....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น