ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คลองมะเดื่อ - เลอะเทอะ เละเทะ

"วันนี้ว่างไหม ? ไปเที่ยวบ่อดินกัน"
"มีธุระที่ไหนป่าว ไปหาอะไรกินที่บ่อดินไหม ?"
เสียงโทรศัพท์ ชักชวนแนวๆนี้ มาหาผม 2-3 ครั้ง
เพื่อนอู๊ด แกนนำทีมงาน "ยุกูจัง" ทำงานเป็นระยะ เพื่อปลุกอารมณ์ขับ 4 ของผม

16 พฤษภาคม 2554
"พรุ่งนี้ไปไหนป่าว ไปคลองมะเดื่อกัน" เสียงเพื่อนอู๊ด ชักชวนผ่านทางโทรศัพท์
"โอเค !" คำตอบสั้นๆจากผม
"มึงเตรียมหาแผนที่ กะ GPS ไปด้วย"
"โอเค !" คำตอบสั้นๆจากผม อีกครั้ง
ว่าแล้วผมก็จัดเตรียม หาข้อมูล พิกัด GPS พิมพ์แผนที่เตรียมไว้ด้วย
สุดท้าย ลืมหมด .... อัลไซเมอร์เริ่มรับประทานละกรู....

17 พฤษภาคม 2554
08.30 น. เริ่มเดินทางมีผม เพื่อนอู๊ด และพี่เจิด เดินทางไปเรื่อยๆ
เดี่ยวมีคณะน้องโก๊ะ ตามมาอีกคัน
ทริปนี้ ตั้งใจลอง Winch ใหม่ของน้องโก๊ะ
เรามาตามเส้นทาง รังสิต - นครนายก
ถึงนครนายก
วิ่งไปตามเส้นทางน้ำตก สาริกา มีป้ายบอกน้ำตกตลอดทาง

ก่อนถึงน้ำตกสาริกา จะมีแยก ให้เลี้ยวขวาไปตามทางน้ำตกนางรอง

จากจุดนี้ มีร้านอาหาร ของกินเพียบ
ใครจะโปรโมทร้านไหม จริง หรือ ลวง ก็ไปลองชิมเองจะดีกว่า
 เพราะมีให้เลือกหลายร้านมาก

หลังจากจอดรถกินข้าวสาย และเตรียมอาหารไว้ยามบ่ายเรียบร้อยแล้ว

พวกเราเดินทางต่อ เลี้ยวซ้ายเข้ามาทางวัดบ้านดง โดยการถามทางตลอด
เนื่องจากพิกัด GPS ที่มีคนโพสในเวป มันบอกให้ผมวิ่งวนอยู่แถวนครนายกนั่นเอง หรือว่า มันมีหลายคลองมะเดื่อกันหว่า ที่นครนายกเนี่ย.....
ว่าแล้วก็แอบนึกในใจ พิมพ์แผนที่มา แล้วดันลืมไว้ที่ทำงาน ....เฮ๊อ....หน่วยความจำชักแย่ละ
วิ่งมาเรื่อยๆ ถามทางไปเรื่อยๆ ก็เริ่มจะถูกทางละ ถนนช่วงแรกๆ ทางเข้าตามหมู่บ้านคน ยังเป็นถนนราดยาง สบายๆ วิ่งได้เรื่อยๆ
บริเวณข้างทางเริ่มเห็นว่าเป็นภูเขาสูงสองข้างทาง อากาศเริ่มเย็นสบาย โชคดีที่ฝนๆไม่ตกลงมาให้เปียก
เข้ามาอีกนิด เป็นถนนลูกรังอัดแน่น ก็ยังไปได้เรื่อยๆ อากาศเย็นสบาย
มาเรื่อยๆ จะเห็นสองข้างทาง ปลูกส้มโอ(ขาว ลูกสาวสวย) ไปเป็นระยะ
สวนส้มโอเนี่ย ตอนกลางวัน ผมรู้สึกเฉยๆ แต่ตอนกลางคืนนี่แหละ
น่าสนใจมาก ไว้ช่วงท้ายๆ จะเฉลย ว่า น่าสนใจยังไง ... ใครใจร้อนก็เลื่อนลงไปอ่านก่อนเลย....
ต้นไม้ใหญ่ๆ ใกล้กรุงเทพฯ ยังมีอยู่ให้เห็น ไม่กี่นาทีจากกลางเมืองเอง
วิ่งไปเรื่อยๆ ก็เจอคลองหนึ่ง น้ำในลำธารไม่มากนัก รถวิ่งไปสบายๆ
พวกเราวิ่งผ่านคลองหนึ่ง คลองสอง มาแบบไม่คิดอะไรมาก เพราะอยากไปให้ไกลเท่าที่จะไปได้
พวกเรามาจอดกันที่คลองสาม เพื่อนอู๊ดจัดแจงจอดรถหลบทาง เพื่อให้คันอื่นๆไปได้สะดวก
จากจุดต้นทางมาจนถึง คลองสาม รถขับเคลื่อน 2 ล้อ ก็สามารถเข้ามาได้ อย่างไม่ยากเย็นอะไร
เพราะทางเป็นถนนดินธรรมดา ไม่มีโคลน หรือ ร่องหลุมลึกมากนัก
แต่ถัดจากนี้ไป ต้อง 4WD เท่านั้นครับ เพราะอะไร เชิญรอช่วงต่อไป
เพราะตอนนี้ ขอพักจอดรอน้องโก๊ะ นั่งจิบเบียร์ในลำธารให้ชื่นใจก่อน
จากจุดที่เป็นคลองสาม หากข้ามลำธารไป จะมี 2 ทางให้เข้าไป
จุดที่เป็นทางปกติ ไม่เสียเงิน จะมีหลุมแอ่งขนาดใหญ่ให้ลง
อีกจุด ต้องเสียค่าผ่านทาง 50 บาท เพื่อเลี่ยงหลุมที่ว่านั่นละ
(แอบคิดในใจ มันแอบขุดกันเองป่าววะ)
เพราะ 50 บาท/คัน กับทางเลี่ยงประมาณ 200 เมตร แพงเหมือนกันนา...

เมื่อน้องโก๊ะและชาวคณะมาถึง พวกเราก็เดินทางต่อไป โดยใช้เส้นทาง 50 บาท
เข้ามาได้ไม่ถึง 100 เมตร ก็เจอรถ 2 คันที่เข้ามาก่อนเรา
คันแรกจมอยู่ในหลุมที่บอกไว้ น่้านละ
ส่วนคันที่ 2 กำลังเตรียมดึง เพื่อจะหลุดให้ออกมาจากหลุม
พวกเราจอดดูอยู่สักพัก เพื่อดูทีท่า ว่าจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง
น้องโก๊ะ จัดแจงเสียม มาขุดบริเวณหลุม เพื่อให้ความสูงของหลุม ลดลง รถจะได้ถูกดึงขึ้นได้โดยสะดวกขึ้น (อีกนิด) เพราะทั้งค้นหน้า และ หลัง จมอยู่ทั้งคู่
อีกปัญหา คือ คันหน้า สตาร์ทไม่ติด ! เพราะฉะนั้น ต้องใช้แรงคันหลัง + Winch เพื่อที่จะดึงรถออกมา
พวกเราอยู่บริเวณนั้นราว 40 นาที เมื่อรถขึ้นมาจากหลุมได้ เราก็เดินทางกันต่อ
รถ 2 คันนั้น ก็จำต้องเสีย 50 บาท/คันเช่นกัน
จากจุดที่เสีย 50 บาท หากอยู่บริเวณนั้น ก็มีลำธารให้จอดรถ นั่งพัก ชื่นชมป่าเขาได้สบายๆ
แต่พวกเรารู้สึกว่า ยังไม่ได้ออกแรงอะไรกันมา เลยขอไปต่อ
เส้นทางต่อไป ก็ต้อง 4WD เท่านั้น เพราะถนนเป็นโคลน เลน ร่องดินล้วนๆ
เส้นทางก็มีแยกบ้างบางช่วง แต่พอโผล่หน้ารถไปก็จะเห็นว่า ไม่ใช่ทางจริง เพราะถูกกิ่งไม้ขวาง
ทางบางช่วง ก็ต้องวิ่งตามลำธาร ร่องดินสูง แบบว่า รถไม่สูงอาจจะติดท้อง ทำให้ล้อแขวนได้
พวกเรามากันเรื่อยๆ ไม่รู้ว่า คลองอะไรแล้ว เพราะ ผ่านลำธารมาหลายจุดมาก
จนมาถึงจุดสุดท้ายที่เราเข้าไป มีรถมอเตอร์ไซค์ Dirt Bike จอดอยู่หลายคัน
และมี 1 คันที่ขวางเส้นทางอยู่ ผมและเพื่อนอู๊ด เลยเดินสำรวจบริเวณนั้น เพราะมีทางแยกหลายแยกมาก
ซึ่งเดินดูแล้ว มันก็จะวนมาหากัน
พวกเราจึงตัดสินใจ จบเส้นทางที่ตรงจุดนี้ แล้วเตรียมกลับรถไปจอดบริเวณคลองสุดท้ายที่เราผ่านมา
เพื่อนั่งกินอาหาร และชื่นชมป่าไม้ ลำธารให้หายอยาก

รองเท้ากันน้ำ ราคาแพงของผม เละเทะ เต็มไปด้วยโคลน
แล้วรถเพื่อนอู๊ดละ ..... ไม่เหลือครับ เลอะเทอะ เช่นกัน
สักพักกลุ่ม Dirt Bike ก็กลับออกไป ในเวลาไล่ๆกันกับ รถ 2 คันที่ติดอยู่ตรงจุด 50 บาท มาถึง
ทั้ง 2 คัน ขับต่อเข้าไปบริเวณที่ผมเดินสำรวจ และคาดว่า คงจอดพักบริเวณนั้น
เรายิ้มทักทาย พูดคุยกันไปตามปกติ เหมือนคนรู้จักกันมาก่อน ...
ใช่ เราเคยรู้จักกัน เมื่อสักชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง แค่ยิ้มก็มีมิตรแล้ว
สักพัก พอรถบริเวณนั้น จากไปกันหมด น้องโก๊ะก็เริ่มลองรถ จากหลุมที่อยู่ตรงหน้า
พยายามไต่ ปีน เพื่อจะดึงตัวเองให้หลุดจากหลุม
สุดท้าย ขึ้นมาได้แต่ล้อหน้า ล้อหลังขึ้นไม่ได้ ส่วน Winch ยังไม่ได้ใช้
น้องโก๊ะก็เปลี่ยนเลน มาวิ่งทางอีกด้านที่ไม่มีหลุม
แล้วพวกเราก็กลับมาที่ลำธารสุดท้าย จอดรถ จอดคน แช่น้ำ
เล่นข้าวเหนียว ไก่ย่าง จิบเบียร์ ขาแช่ลำธาร ... โอว....สุขใจจริงๆ
จนเวลาโพล้เพล้ 18.30 น. เราก็เก็บทุกอย่างเดินทางกลับ
ระหว่างทางกลับ ก็ผ่านสวนส้มโอ ที่เกริ่นไว้ตั้งแต่แรก
สิ่งที่น่าสนใจคือ หิ่งห้อย เต็มสวนส้มโอ
หากใครมีโอกาสอยากไปกางเต๊นท์นอน ก็ขอแนะนำว่า บริเวณสวนส้มโอ
น่าจะ Romantic น่าดู .... จุ๊..กรู๊ว..........

------------------------------------------------
พ้นจากเรื่อง Romantic กลับมาที่เรื่องของเส้นทาง และผู้คน
ส่วนใหญ่คนที่เล่นรถ 4WD แล้วเข้าป่า เมื่อเจอคันอื่นๆที่เจอะปัญหา ก็จะมาช่วยกัน
ช่วยอะไรได้ ก็ช่วย อย่างน้อย ก็กำลังใจ รอยยิ้ม หรือ อุปกรณ์บางอย่างเท่าที่จะช่วย
แม้แต่ Dirt Bike พวกเราก็ลงไปช่วยเมื่อเห็นว่ารถเขาล้อจม ผ่านร่องดิน หรือ รากไม้ไม่ได้
บางคนอาจจะหวงรถบ้าง มองเราแปลกๆบ้าง แต่ก็เข้าใจ เพราะคันนึงก็หลายแสน
แต่ทำไงได้ กรูอยากช่วยพวกมึงนี่หว่า ....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น