เพลง ทานตะวัน
เนื้อร้อง โดย อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
ทำนอง อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี
ตะวันส่องใส แดดฉายลงมา ทาบทาทิวทุ่ง
แผ่วลมผ่านโรย เหมือนโปรยกลิ่นปรุง ดอกฟางหอมลอย
ดอกหญ้าดาว วับวาวทางเกลื่อน เหมือนดังหยาดพลอย
แตะนิดต้องน้อย ราวมณีร่วงพรู พัดพรายลงดิน
14/11/2009 เดินทางกลับบ้านที่ นครสวรรค์
ผ่านเขตที่ชาวบ้านปลูกทานตะวัน
สอง พ่อ ลูก เตรียมตัวหาทำเล วันนี้ จะถ่ายรูปซะหน่อย
ด้วยความที่ลูกชาย ไม่ชอบถูกถ่ายรูป
ชอบแต่จะเป็นคนถ่ายอย่างเดียว
เปิดกล้อง VDO ออกมา แบตหมด
เป็นความผิดของพ่อเอง...ไม่เตรียมตัว
2 อาทิตย์ต่อมา คราวนี้ กลับบ้านมาอีก พร้อมขุมกำลัง
พร้อมถ่ายรูปกันละ
จะอยู่แดนไหน สุดฟ้าแสนไกล คะนึงถึงถิ่น
ด้าวแดนแผ่นดิน ที่เราจากมา เนิ่นนานแสนนาน
ดอกหญ้างาม งดงามดังก่อน หรือร่อนร่วงราน
แดดร้อนดินแล้ง ลมระงมแผ้วพาน บ้านนาป่าเขา
ต้องคอยหาจังหวะแอบถ่ายลูกชาย
ทุ่มกายทุ่มใจ เข้าโหมแรงไฟ หัวใจแรงเร่า
ยิ่งสร้างยิ่งทำ ระกำหนักเบา ดิ้นรนหนทาง
เจ้ามิ่งขวัญ ยิ่งวันยิ่งเดือน ยิ่งเลือนยิ่งราง
ทอดทิ้งทุ่งร้าง วันและวันผ่านเยือน เหมือนเดินทางไกล
ในที่สุดก็ได้จังหวะ ถ่ายกันพ่อลูก
คราวนี้ มันยอมแฮะ....
ตะวันส่องแสง สาดแสงลงมา ทาบทาทางใหม่
ร่วมจิตร่วมใจ ก้าวไปก้าวไป ฝ่าภัยร้อยพัน
มิ่งขวัญเอ๋ย หัวใจเรามั่น เหมือนทานตะวัน
เฉิดแสงแรงฝัน กลางรวีตะวัน สีทองส่องใส
จังหวะเผลอ ต้องรีบกดชัตเตอร์
ทั้งกล้องพ่อ กล้องลูก
แล้วก็ ช็อตเด็ด
อันนี้เลย
เด็ดตรงที่...ลูกชายทำให้พ่อดูแก่ลงไป ถนัดตาเลย
...
...
...
อืม...เห็นจะจริง
ค้นหาบล็อกนี้
วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
SUZUKI SWIFT - Europe Racing Model
25/11/2009 กลางคืน เกิดระเบิดสารเคมีในตู้ Container ที่ ESCO-Leam Chabang Port.
อืม....ดูข่าวผ่านๆ ไม่เกี่ยวกัน
26/11/2009 ลูกค้าโทรมาบอกว่า งานที่จะต้องทำ อยู่ในตู้ Container และตู้ Container ดันอยู่ใกล้ที่สารเคมีระเบิด ยังไม่สามารถเอาตู้ออกได้ เพราะสารเคมีฟุ้งกระจายอยู่รอบๆบริเวณ
สินค้าในตู้ คือ SUZUKI SWIFT - Europe Racing Model 1 คัน
จะต้องนำมาแสดงที่ Motor Expo ที่ Impact เมืองทอง วันที่ 30/11/2009-13/12/2009
27/11/2009 ลูกค้า บอกว่า เอาตู้ Container ออกมาได้แล้ว แต่ต้องระวัง เพราะยังมีสารเคมีตกค้าง
แถมยังบอกว่า คนที่เอาตู้ออกมา แสบตา.....น่านไง.....กรูว่าแล้ว
สุดท้ายตู้ Container เข้ามาจนได้ พร้อมกับ บั้นท้าย ของ SUZUKI SWIFT
Lashing รถเข้าตู้มาได้เรียบร้อยตามมาตรฐานที่เราทำๆกันอยู่
แต่ต่างกันที่ จุดยึดของรถ ไปยึดที่ล้อทั้ง 4 แทน
ทีมงานที่นำออกมา ใส่อุปกรณ์ป้องกันเรียบร้อยดี
หน้ากาก ถุงมือ แว่นตา พร้อม แล้วลงเอารถออก
ถอด Belt แกะไม้ที่ยึดล้อออก พร้อม....
เข็นออกครับ ขับไม่ได้
ถามลูกค้า เบรคได้ไหม-ไม่ได้ โหย....
เอาออกมาเรียบร้อย มีกลิ่นตกค้างบ้าง แต่ก็ปล่อยไว้จนจางหายไป
เข็นเก็บเข้าพื้นที่ครับ คราวนี้
ลูกค้า ค่อนข้างหวง หรือเป้นเพราะเขาก็ไม่รู้อะไรมากก็ไม่รู้
ห้ามหลายอย่าง ที่เกี่ยวข้องกะรถของเขา
แต่การจัดเก็บต้องมีการหักมุมของรถครับ
ก็เลย เปิดประตู (ด้วยความอยากรู้ด้วย)
จับหมุนพวงมาลัย เพื่อเข็นรถให้เก็บไว้ในที่จัดเก็บได้
(ไม่เลี้ยว มันจะเก็บไง(วะ))
งานหลักเราไม่ได้เก็บรถนะ จะได้มีอุปกรณ์เคลื่อนย้ายรถ
ว่ากันที่รถดีกว่า คันนี้
4 สูบ DOHC 1598.5 CC. 16 Valve
ขนาด x ช่วงชัก : 81.0 x 77.5 mm.
160kW(218ps)/8,750 rpm.
186Nm(19.0Kg-M)/7,250 rpm.
เกียร์ Manual 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า
ระบบกันสะเทือน
หน้า - Strut
หลัง - Trailing Arm
ระบบเบรค
หน้า - -->355mm(tarmac) / 300mm(gravel) diameter 4 Pot
หลัง - -->278mm diameter 2 Pot
มีสวิทช์ตัดไฟ และอะไรอีกก็ไม่รู้
เต็มไปหมด พอดีเคยเจอแต่รถแข่งบ้านๆ
มาเจอแบบของจริงนี่ถึงกับงง
ตรงพวงมาลัยก็มีอะไรอีกไม่รู้
ก่อนรถเข้ามา คิดว่า น่าจะขับได้
มาจริง ถึงกับงง....งอ..งู...สองตัว
เบาะแบบ Bucket Seat แบบรถแข่ง
เข็มขัดนิรภัยแบบ 4 จุด
โรลบาร์ เพียบ เพื่อความปลอดภัยจริงๆ
ยึดกันไม่รู้กี่จุด ทั่วร่างคนขับละ
เอาแค่หอมปากหอมคอกะรถคันนี้
งานเราไม่หมดแค่นี้ ปัญหา คือ รถคันนี้ ไม่มี Hook ให้เกี่ยวเพื่อดึงรถขึ้นรถ Slide ( คือมีด้านหน้า แต่ Spoiler บังหมด เกี่ยวไม่ได้อีก )
ต้องใช้รถแบบที่ ยกทั้งหางลงมา แล้วเข็นในแนวราบ
เป็นหน้าที่ลูกค้าไป...อันนี้
เดี๋ยวมาดูต่อ ตอนวันกลับละกัน ว่าจะเป็นไงมั่ง
อืม....ดูข่าวผ่านๆ ไม่เกี่ยวกัน
26/11/2009 ลูกค้าโทรมาบอกว่า งานที่จะต้องทำ อยู่ในตู้ Container และตู้ Container ดันอยู่ใกล้ที่สารเคมีระเบิด ยังไม่สามารถเอาตู้ออกได้ เพราะสารเคมีฟุ้งกระจายอยู่รอบๆบริเวณ
สินค้าในตู้ คือ SUZUKI SWIFT - Europe Racing Model 1 คัน
จะต้องนำมาแสดงที่ Motor Expo ที่ Impact เมืองทอง วันที่ 30/11/2009-13/12/2009
27/11/2009 ลูกค้า บอกว่า เอาตู้ Container ออกมาได้แล้ว แต่ต้องระวัง เพราะยังมีสารเคมีตกค้าง
แถมยังบอกว่า คนที่เอาตู้ออกมา แสบตา.....น่านไง.....กรูว่าแล้ว
สุดท้ายตู้ Container เข้ามาจนได้ พร้อมกับ บั้นท้าย ของ SUZUKI SWIFT
Lashing รถเข้าตู้มาได้เรียบร้อยตามมาตรฐานที่เราทำๆกันอยู่
แต่ต่างกันที่ จุดยึดของรถ ไปยึดที่ล้อทั้ง 4 แทน
ทีมงานที่นำออกมา ใส่อุปกรณ์ป้องกันเรียบร้อยดี
หน้ากาก ถุงมือ แว่นตา พร้อม แล้วลงเอารถออก
ถอด Belt แกะไม้ที่ยึดล้อออก พร้อม....
เข็นออกครับ ขับไม่ได้
ถามลูกค้า เบรคได้ไหม-ไม่ได้ โหย....
เอาออกมาเรียบร้อย มีกลิ่นตกค้างบ้าง แต่ก็ปล่อยไว้จนจางหายไป
เข็นเก็บเข้าพื้นที่ครับ คราวนี้
ลูกค้า ค่อนข้างหวง หรือเป้นเพราะเขาก็ไม่รู้อะไรมากก็ไม่รู้
ห้ามหลายอย่าง ที่เกี่ยวข้องกะรถของเขา
แต่การจัดเก็บต้องมีการหักมุมของรถครับ
ก็เลย เปิดประตู (ด้วยความอยากรู้ด้วย)
จับหมุนพวงมาลัย เพื่อเข็นรถให้เก็บไว้ในที่จัดเก็บได้
(ไม่เลี้ยว มันจะเก็บไง(วะ))
งานหลักเราไม่ได้เก็บรถนะ จะได้มีอุปกรณ์เคลื่อนย้ายรถ
ว่ากันที่รถดีกว่า คันนี้
4 สูบ DOHC 1598.5 CC. 16 Valve
ขนาด x ช่วงชัก : 81.0 x 77.5 mm.
160kW(218ps)/8,750 rpm.
186Nm(19.0Kg-M)/7,250 rpm.
เกียร์ Manual 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า
ระบบกันสะเทือน
หน้า - Strut
หลัง - Trailing Arm
ระบบเบรค
หน้า - -->355mm(tarmac) / 300mm(gravel) diameter 4 Pot
หลัง - -->278mm diameter 2 Pot
มีสวิทช์ตัดไฟ และอะไรอีกก็ไม่รู้
เต็มไปหมด พอดีเคยเจอแต่รถแข่งบ้านๆ
มาเจอแบบของจริงนี่ถึงกับงง
ตรงพวงมาลัยก็มีอะไรอีกไม่รู้
ก่อนรถเข้ามา คิดว่า น่าจะขับได้
มาจริง ถึงกับงง....งอ..งู...สองตัว
เบาะแบบ Bucket Seat แบบรถแข่ง
เข็มขัดนิรภัยแบบ 4 จุด
โรลบาร์ เพียบ เพื่อความปลอดภัยจริงๆ
ยึดกันไม่รู้กี่จุด ทั่วร่างคนขับละ
เอาแค่หอมปากหอมคอกะรถคันนี้
งานเราไม่หมดแค่นี้ ปัญหา คือ รถคันนี้ ไม่มี Hook ให้เกี่ยวเพื่อดึงรถขึ้นรถ Slide ( คือมีด้านหน้า แต่ Spoiler บังหมด เกี่ยวไม่ได้อีก )
ต้องใช้รถแบบที่ ยกทั้งหางลงมา แล้วเข็นในแนวราบ
เป็นหน้าที่ลูกค้าไป...อันนี้
เดี๋ยวมาดูต่อ ตอนวันกลับละกัน ว่าจะเป็นไงมั่ง
วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
แค่ได้คิดถึง - ญารินดา
ตั้งแต่ครั้งที่เราจากกัน...แสนไกล
เหตุและผลมากมาย...ไม่เคยสำคัญ
เท่ากับความรู้สึก...ที่ใจของฉัน...นั้นเก็บให้เธอ
แต่ละครั้งที่เราผ่านมา...พบกัน
อาจบังเอิญได้ยิน...ข่าวคราวของเธอ
นั่นคือความรู้สึก...ที่ใจของฉัน...คอยอยู่เสมอ
ขอบฟ้าที่เรานั่งบอกคราวนั้น...ยังมีความหมาย
ต้นไม้ลำธารยิ่งมองยิ่งคิดถึงเธอมากมาย
ชีวิตที่มันขาดเธอ...วันนี้ยังเดินต่อไป
แค่ได้คิดถึง...ก็เป็นสุขใจ
หยิบเอาภาพที่เรากอดคอ...ด้วยกัน
ได้แต่ยิ้มกับมันด้วยความ...ชื่นใจ
และก็ยังเสียดาย...กับการสูญเสีย...เธออยู่เรื่อยมา
ได้ยินเสียงบทเพลงที่เธอ...ชอบฟัง
และทุกครั้งยังแอบมี...น้ำตา
ยิ่งเวลารู้สึก...ไม่มีไม่เหลือ...ใครอยู่ตรงนี้
ขอบฟ้าที่เรานั่งบอกคราวนั้นยังมีความหมาย
ต้นไม้ลำธารยิ่งมองยิ่งคิดถึงเธอมากมาย
ชีวิตที่มันขาดเธอวันนี้ยังเดินต่อไป
แค่ได้คิดถึงก็เป็นสุขใจ
ขอบฟ้าที่เรานั่งบอกคราวนั้นยังมีความหมาย
ต้นไม้ลำธารยิ่งมองยิ่งคิดถึงเธอมากมาย
ชีวิตที่มันขาดเธอวันนี้ยังเดินต่อไป
แค่ได้คิดถึงก็เป็นสุขใจ
และจะคิดถึงเธอ......ตลอดไป
เหตุและผลมากมาย...ไม่เคยสำคัญ
เท่ากับความรู้สึก...ที่ใจของฉัน...นั้นเก็บให้เธอ
แต่ละครั้งที่เราผ่านมา...พบกัน
อาจบังเอิญได้ยิน...ข่าวคราวของเธอ
นั่นคือความรู้สึก...ที่ใจของฉัน...คอยอยู่เสมอ
ขอบฟ้าที่เรานั่งบอกคราวนั้น...ยังมีความหมาย
ต้นไม้ลำธารยิ่งมองยิ่งคิดถึงเธอมากมาย
ชีวิตที่มันขาดเธอ...วันนี้ยังเดินต่อไป
แค่ได้คิดถึง...ก็เป็นสุขใจ
หยิบเอาภาพที่เรากอดคอ...ด้วยกัน
ได้แต่ยิ้มกับมันด้วยความ...ชื่นใจ
และก็ยังเสียดาย...กับการสูญเสีย...เธออยู่เรื่อยมา
ได้ยินเสียงบทเพลงที่เธอ...ชอบฟัง
และทุกครั้งยังแอบมี...น้ำตา
ยิ่งเวลารู้สึก...ไม่มีไม่เหลือ...ใครอยู่ตรงนี้
ขอบฟ้าที่เรานั่งบอกคราวนั้นยังมีความหมาย
ต้นไม้ลำธารยิ่งมองยิ่งคิดถึงเธอมากมาย
ชีวิตที่มันขาดเธอวันนี้ยังเดินต่อไป
แค่ได้คิดถึงก็เป็นสุขใจ
ขอบฟ้าที่เรานั่งบอกคราวนั้นยังมีความหมาย
ต้นไม้ลำธารยิ่งมองยิ่งคิดถึงเธอมากมาย
ชีวิตที่มันขาดเธอวันนี้ยังเดินต่อไป
แค่ได้คิดถึงก็เป็นสุขใจ
และจะคิดถึงเธอ......ตลอดไป
วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
เรื่องของอ๊อด หรือ เหยิน หรือ แรปบิท หรือ ฯลฯ
ว่ากันว่า เรื่องที่เขียนง่ายที่สุด น่าจะเป็นเรื่องของคนใกล้ๆตัว
คนที่อยู่รอบข้าง เพื่อนๆ พี่น้อง ญาติๆ เพื่อนร่วมงาน
เพราะเราได้รับรู้เรื่องราวของบุคคลต่างๆเหล่านี้มาจากมุมมอง ของเราเอง
.....เพียงด้านของเราเอง...เท่านั้น.....
อ๊อด เป็นลูกน้องในที่ทำงานของผมเองครับ
อ๊อดเข้างานมาก่อนผมอีก อายุ ราวๆ 28-29 ปี
ปฐมบทแห่ง อ๊อด (จากการรับฟังของหมู่คนรอบข้าง)
เริ่มต้นเข้ามาทำงาน อ๊อด เป็นเด็กท้องถิ่นทั่วๆไป
ที่โดยปกติเข้ามาสมัครงานตามโรงงาน หรือ บริษัทที่อยู่ใกล้ๆบ้าน ละแวก บางพลี
อ๊อดเข้ามาที่ K Line Container เป็นลูกจ้างรายวัน
ด้วยความที่ยังเป็นเ้ด็กวัยรุ่น วัยคนอง ในยุคนั้น
ถึงเวลาทำงาน อ๊อดมาทำงาน เมื่อเลิกงาน อ๊อดก็จะสังสรรค์ เฮฮากับเพื่อน
ทุกครั้งที่กินเหล้า อ๊อดจะมีความสามารถในการ หา"ทีน" ให้เพื่อนๆได้นึกถึงยามสร่างเมา
อ๊อดเคยโดนรุมกระทืบแถวบ้าน เพราะความเมา แล้ว "กวนทีน" ไปทั่ว
แม้แต่ท่าเต้นยามเมา ผมเองเห็นแล้วก็ บอกได้ว่า "สมควรโดนทีนจริงๆ"
มีครั้งหนึ่ง พี่สาวให้ไปกดเงินมาให้
อ๊อดได้บัตร ATM ไปเหมือนวานรได้แก้ว
อ๊อดหายจากบ้านไป 3 วัน และกลับมาพร้อมคืนบัตร ATM ที่ไม่มียอดเงินเหลือ
.....
บทที่สอง บทบาทใหม่ ความรับผิดชอบใหม่ๆ ที่อ๊อดเองไม่พร้อมเท่าไร
อ๊อด เป็นคนปากหวาน พูดเพราะ
มีครั้งหนึ่ง สาวจาก ชลบุรี โทรผิดเข้ามาที่มือถือของอ๊อด
ช่วงเวลาสั้นๆ ที่อ๊อดถือเป็นเวลาทอง อ๊อดร่ายมนต์สะกดจีบซะเลย
ไม่นานสาวเจ้าส่งจดหาย ส่งรูปถ่ายมาให้ พร้อมนัดอ๊อดไปเที่ยวชลบุรี
เรื่องราวเป็นอย่างไรต่อ ไม่ได้ถามมัน ซะด้วย
เอาเป็นว่า อย่ารู้เรื่องของมันมากเลย นะ
ไม่นาน อ๊อดก็ได้เมีย (แต่งงานหรือมีพิธีอย่างไร - ไม่รู้จริงๆ)
หลังจากได้เมีย อ๊อดเริ่มทำตัวดีขึ้น
กินเหล้า น้อยลง กวนทีน เท่าเดิม
แต่มันก็ทำให้ อารมณ์การ กวนทีน ลดลงตามไปด้วย
เรื่องของงาน อ๊อดยังเป็นลูกน้อง ลูกจ้างที่ดีเสมอ
อ๊อดได้รับการปรับสถานะ จาก ลูกจ้างรายวัน เป็น ลูกจ้างรายเดือน
บทที่สาม พ่อ
เวลาผ่านไป เมียของอ๊อดตั้งท้องแล้ว
นี่คือ การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตครั้งใหม่ของอ๊อด
ความรับผิดชอบ การมองถึงอนาคตตัวเอง และอีกมากมาย
ทำให้อ๊อดคิดได้ ว่าชีวิตที่แท้จริง คือครอบครัวที่ดี
อ๊อดกินเหล้าน้อยลง กวนทีนน้อยลง เป็นเพื่อนที่ดีขึ้น
ช่วยเหลืองานเพื่อนๆ โดยไม่ต้องร้องขอ
บทต่อๆมา ของอ๊อด
ต้นปี 2009 อ๊อดถูกโปรโมทอีกครั้ง เป็นคนขับรถบรรทุกอย่างที่ต้องการมานาน
บอกตรงๆ - เมื่อก่อนผมไม่ไว้ใจมันจริงๆ (อย่าให้มันอ่านเจอเลย)
จนมันปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นนี่แหละ แล้วผมก็บอกกันอ๊อดก่อนเริ่มงาน
"พี่เอาตัวเองค้ำประกันงานนี้ของเอ็งไว้ ถ้าเอ็งพลาด พี่ก็พลาดด้วย"
การให้ใครสักคนขับรถ เพื่อส่งสินค้า มูลค่า เกือบ 3 ล้านบนรถ
มันต้องเสี่ยง ต้องวัดใจ ต้องไว้ใจ ต้องหวาดเสียวกับมันด้วย
เกือบปีแล้ว ที่อ๊อดไม่ทำให้ผมผิดหวังกับเรื่องงาน
แม้อ๊อดจะเป็นคนขับรถบรรทุกแล้ว เมื่อว่างงาน ไม่มีงานวิ่งส่งของ
อ๊อดจะมาช่วยเพื่อร่วมงาน ยกของ แบกของ โดยไม่ต้องบอกเหมือนเดิม
******************
เรื่องทั้งหมดนี้ บอกได้ว่า ชีวิตคน ปรับเปลี่ยนได้
พลิกจากส้นทีน เป็นมือที่สะอาดสวยงามได้
อ๊อด เป็นอีกหนึ่งคน ที่ปรับตัวให้ดีได้
แต่คงไม่ต้องทำตัวเหลวแหลกก่อนหรอกนะ
คนที่อยู่รอบข้าง เพื่อนๆ พี่น้อง ญาติๆ เพื่อนร่วมงาน
เพราะเราได้รับรู้เรื่องราวของบุคคลต่างๆเหล่านี้มาจากมุมมอง ของเราเอง
.....เพียงด้านของเราเอง...เท่านั้น.....
อ๊อด เป็นลูกน้องในที่ทำงานของผมเองครับ
อ๊อดเข้างานมาก่อนผมอีก อายุ ราวๆ 28-29 ปี
ปฐมบทแห่ง อ๊อด (จากการรับฟังของหมู่คนรอบข้าง)
เริ่มต้นเข้ามาทำงาน อ๊อด เป็นเด็กท้องถิ่นทั่วๆไป
ที่โดยปกติเข้ามาสมัครงานตามโรงงาน หรือ บริษัทที่อยู่ใกล้ๆบ้าน ละแวก บางพลี
อ๊อดเข้ามาที่ K Line Container เป็นลูกจ้างรายวัน
ด้วยความที่ยังเป็นเ้ด็กวัยรุ่น วัยคนอง ในยุคนั้น
ถึงเวลาทำงาน อ๊อดมาทำงาน เมื่อเลิกงาน อ๊อดก็จะสังสรรค์ เฮฮากับเพื่อน
ทุกครั้งที่กินเหล้า อ๊อดจะมีความสามารถในการ หา"ทีน" ให้เพื่อนๆได้นึกถึงยามสร่างเมา
อ๊อดเคยโดนรุมกระทืบแถวบ้าน เพราะความเมา แล้ว "กวนทีน" ไปทั่ว
แม้แต่ท่าเต้นยามเมา ผมเองเห็นแล้วก็ บอกได้ว่า "สมควรโดนทีนจริงๆ"
มีครั้งหนึ่ง พี่สาวให้ไปกดเงินมาให้
อ๊อดได้บัตร ATM ไปเหมือนวานรได้แก้ว
อ๊อดหายจากบ้านไป 3 วัน และกลับมาพร้อมคืนบัตร ATM ที่ไม่มียอดเงินเหลือ
.....
บทที่สอง บทบาทใหม่ ความรับผิดชอบใหม่ๆ ที่อ๊อดเองไม่พร้อมเท่าไร
อ๊อด เป็นคนปากหวาน พูดเพราะ
มีครั้งหนึ่ง สาวจาก ชลบุรี โทรผิดเข้ามาที่มือถือของอ๊อด
ช่วงเวลาสั้นๆ ที่อ๊อดถือเป็นเวลาทอง อ๊อดร่ายมนต์สะกดจีบซะเลย
ไม่นานสาวเจ้าส่งจดหาย ส่งรูปถ่ายมาให้ พร้อมนัดอ๊อดไปเที่ยวชลบุรี
เรื่องราวเป็นอย่างไรต่อ ไม่ได้ถามมัน ซะด้วย
เอาเป็นว่า อย่ารู้เรื่องของมันมากเลย นะ
ไม่นาน อ๊อดก็ได้เมีย (แต่งงานหรือมีพิธีอย่างไร - ไม่รู้จริงๆ)
หลังจากได้เมีย อ๊อดเริ่มทำตัวดีขึ้น
กินเหล้า น้อยลง กวนทีน เท่าเดิม
แต่มันก็ทำให้ อารมณ์การ กวนทีน ลดลงตามไปด้วย
เรื่องของงาน อ๊อดยังเป็นลูกน้อง ลูกจ้างที่ดีเสมอ
อ๊อดได้รับการปรับสถานะ จาก ลูกจ้างรายวัน เป็น ลูกจ้างรายเดือน
บทที่สาม พ่อ
เวลาผ่านไป เมียของอ๊อดตั้งท้องแล้ว
นี่คือ การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตครั้งใหม่ของอ๊อด
ความรับผิดชอบ การมองถึงอนาคตตัวเอง และอีกมากมาย
ทำให้อ๊อดคิดได้ ว่าชีวิตที่แท้จริง คือครอบครัวที่ดี
อ๊อดกินเหล้าน้อยลง กวนทีนน้อยลง เป็นเพื่อนที่ดีขึ้น
ช่วยเหลืองานเพื่อนๆ โดยไม่ต้องร้องขอ
บทต่อๆมา ของอ๊อด
ต้นปี 2009 อ๊อดถูกโปรโมทอีกครั้ง เป็นคนขับรถบรรทุกอย่างที่ต้องการมานาน
บอกตรงๆ - เมื่อก่อนผมไม่ไว้ใจมันจริงๆ (อย่าให้มันอ่านเจอเลย)
จนมันปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นนี่แหละ แล้วผมก็บอกกันอ๊อดก่อนเริ่มงาน
"พี่เอาตัวเองค้ำประกันงานนี้ของเอ็งไว้ ถ้าเอ็งพลาด พี่ก็พลาดด้วย"
การให้ใครสักคนขับรถ เพื่อส่งสินค้า มูลค่า เกือบ 3 ล้านบนรถ
มันต้องเสี่ยง ต้องวัดใจ ต้องไว้ใจ ต้องหวาดเสียวกับมันด้วย
เกือบปีแล้ว ที่อ๊อดไม่ทำให้ผมผิดหวังกับเรื่องงาน
แม้อ๊อดจะเป็นคนขับรถบรรทุกแล้ว เมื่อว่างงาน ไม่มีงานวิ่งส่งของ
อ๊อดจะมาช่วยเพื่อร่วมงาน ยกของ แบกของ โดยไม่ต้องบอกเหมือนเดิม
******************
เรื่องทั้งหมดนี้ บอกได้ว่า ชีวิตคน ปรับเปลี่ยนได้
พลิกจากส้นทีน เป็นมือที่สะอาดสวยงามได้
อ๊อด เป็นอีกหนึ่งคน ที่ปรับตัวให้ดีได้
แต่คงไม่ต้องทำตัวเหลวแหลกก่อนหรอกนะ
วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
November Rain - Gun N' Roses : ฝนเดือนพฤศจิกายน
November Rain
When I look into your eyes
I can see a love restrained
But darlin' when I hold you
Don't you know I feel the same
'Cause nothin' lasts forever
And we both know hearts can change
And it's hard to hold a candle
In the cold November rain
We've been through this such a long long time
Just tryin' to kill the pain
But lovers always come and lovers always go
An no one's really sure who's lettin' go today
Walking away
If we could take the time to lay it on the line
I could rest my head
Just knowin' that you were mine
All mine
So if you want to love me
then darlin' don't refrain
Or I'll just end up walkin'
In the cold November rain
Do you need some time...on your own
Do you need some time...all alone
Everybody needs some time...on their own
Don't you know you need some time...all alone
I know it's hard to keep an open heart
When even friends seem out to harm you
But if you could heal a broken heart
Wouldn't time be out to charm you
Sometimes I need some time...on my
own Sometimes I need some time...all alone
Everybody needs some time...on their own
Don't you know you need some time...all alone
And when your fears subside
And shadows still remain, ohhh yeahhh
I know that you can love me
When there's no one left to blame
So never mind the darkness
We still can find a way
'Cause nothin' lasts forever
Even cold November rain
Don't ya think that you need somebody
Don't ya think that you need someone
Everybody needs somebody
You're not the only one
You're not the only one
พี่ซัน เคยอธิบาย และให้รายละเอียดเพิ่มเติม
เกี่ยวกับเพลงนี้ ว่า
เดือนพฤศจิกายน เป็นเดือนที่เข้าสู่หน้าหนาว
ความหนาวเย็น ก็ทำให้ทรมานกับความเหน็บหนาวอยู่แล้ว
เมื่อมีฝนตกลงมาอีก ยิ่งทำให้ ความรู้สึกเหน็บหนาว
และความทรมาน ทั้งความหนาว และสายฝน มากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะคนที่ ทนฝนไม่ไหว หัวใจจะสั่นเทา
อ้างว้าง เหน็บหนาว หดหู่ ทรมาน...มากเหลือเกิน
ดั่ง ฝนเดือน พฤศจิกายน
################
เพิ่มเติม 3 พฤศจิกายน 2009
ฝนลงมาช่วงบ่ายๆ ตอกย้ำ ความรู้สึก November Rain
ให้ชัดเจนขึ้นไปอีก เออ......ย้ำเข้าไป.......
When I look into your eyes
I can see a love restrained
But darlin' when I hold you
Don't you know I feel the same
'Cause nothin' lasts forever
And we both know hearts can change
And it's hard to hold a candle
In the cold November rain
We've been through this such a long long time
Just tryin' to kill the pain
But lovers always come and lovers always go
An no one's really sure who's lettin' go today
Walking away
If we could take the time to lay it on the line
I could rest my head
Just knowin' that you were mine
All mine
So if you want to love me
then darlin' don't refrain
Or I'll just end up walkin'
In the cold November rain
Do you need some time...on your own
Do you need some time...all alone
Everybody needs some time...on their own
Don't you know you need some time...all alone
I know it's hard to keep an open heart
When even friends seem out to harm you
But if you could heal a broken heart
Wouldn't time be out to charm you
Sometimes I need some time...on my
own Sometimes I need some time...all alone
Everybody needs some time...on their own
Don't you know you need some time...all alone
And when your fears subside
And shadows still remain, ohhh yeahhh
I know that you can love me
When there's no one left to blame
So never mind the darkness
We still can find a way
'Cause nothin' lasts forever
Even cold November rain
Don't ya think that you need somebody
Don't ya think that you need someone
Everybody needs somebody
You're not the only one
You're not the only one
พี่ซัน เคยอธิบาย และให้รายละเอียดเพิ่มเติม
เกี่ยวกับเพลงนี้ ว่า
เดือนพฤศจิกายน เป็นเดือนที่เข้าสู่หน้าหนาว
ความหนาวเย็น ก็ทำให้ทรมานกับความเหน็บหนาวอยู่แล้ว
เมื่อมีฝนตกลงมาอีก ยิ่งทำให้ ความรู้สึกเหน็บหนาว
และความทรมาน ทั้งความหนาว และสายฝน มากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะคนที่ ทนฝนไม่ไหว หัวใจจะสั่นเทา
อ้างว้าง เหน็บหนาว หดหู่ ทรมาน...มากเหลือเกิน
ดั่ง ฝนเดือน พฤศจิกายน
################
เพิ่มเติม 3 พฤศจิกายน 2009
ฝนลงมาช่วงบ่ายๆ ตอกย้ำ ความรู้สึก November Rain
ให้ชัดเจนขึ้นไปอีก เออ......ย้ำเข้าไป.......
01 November 2009 : เปิดป่า เขาพะเนินทุ่ง ปี 2552
ตี 3 ของคืนฮัลโลวีน ก็คือเช้าของ 1 พฤศจิกายน น่านแหละ
นัดแนะกับเพื่อน เตรียมตัวเดินทางไป เขาพะเนินทุ่ง ที่ได้ไปแบบไปไม่ถึงมาเมื่อ 16 ปีที่แล้ว
จากคราวก่อนที่ไป ต้องนั่งรถเจ้าหน้าที่เข้าไป เพื่อไปชมทะเลหมอกที่สวยมากๆ แห่งหนึ่งของเมืองไทย
แต่ด้วยความไม่สะดวกหลายๆอย่าง ก็ได้แค่ติดรถ ที่ชาวฝรั่งเศษให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ไปส่ง เพื่อเดินป่า
ติดรถไปก็นั่งชมบรรยากาศ เส้นทางเล็กๆ กำหนดเวลา ขึ้น-ลง เป็นเวลา
ส่งชาวต่างชาติเสร็จ ก็กลับมาพร้อมเจ้าหน้าที่ป่าไม้
คราวนี้ วันนี้ เขาพะเนินทุ่งเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปมากจริงๆ
เปิดให้รถทั่วไปเข้าไปได้ ( คงเปิดนานแล้วแหละ แต่เราไม่ได้รู้เรื่องเอง )
หก โมงเช้า ถึงทางเข้าเขาพะเนินทุ่ง จ่ายค่าเข้าพื้นที่อุทยาน เรียบร้อย เดินทางต่อเข้าไปอีก ประมาณ 30 กม ที่เป็นทางลูกรังตลอด มีราดยางเล็กน้อยเอง ขี้ช้าง ยังเต็มถนน ตลอดระยะทางเลย
ขึ้นไปถึงจุดชมวิวจุดแรก คนไม่เยอะมากเท่าไร ประมาณ 120 คนได้ บรรยากาศก็สวยสมใจ
ถ่ายรูปกันพอประมาณ พอดีหันไปเห็น
หนุ่มน้อย สาวน้อยคู่นึง อายุประมาณ 60 ได้
กำลังยื่นแขนถ่ายรูปตัวเองกับภรรยา อย่างทุลักทุเล
เห็นแล้วละ ว่ารูปติดหน้า คุณป้าภรรยาแก นิดเดียว
แล้วก็ของลุงเองก็เห็นแค่เส้นผม จากที่ต้องการเห็นครบสองคน
ด้วยความเห็นใจ ก็เลย เข้าบอก ทั้งคู่ว่า
"เดี๋ยวผมถ่ายรูปให้ครับ"
"ไปทางนู้นดีกว่าครับ เห็นชัดกว่า"
ก็เลยถ่ายรูปให้ทั้งคู่ได้ รูปนึง แล้วก็บอกว่า
"ไปมุมอื่นอีกไหมครับ ไม่ต้องเกรงใจครับ"
แต่แกคงเกรงใจ บอกว่า
"ไม่เป็นไร ขอบคุณมากครับ"
แต่ใจผมน่ะอยากถ่ายให้แกเยอะๆนะ
อยากให้แกเอาไปให้ลูกหลานดู ว่าที่นี่สวยขนาดไหน
ว่าเรื่องของเขาพะเนินทุ่งต่อ
จบจาก จุดชมวิว เพื่อนก็ชวนเข้าไปต่ออีก จุดชมวิว กม 36 (มั้ง)
โอว....สวยกว่าที่จุดชมวิวแรกเยอะ แต่คนเข้ามาน้อย
ก็เลยถ่ายรูปได้อย่างสะใจ
เอาข้าวเหนียว หมู ที่เตรียมไว้ ไปนั่งกิน ท่ามกลางวิวทะเลหมอก
ต้นไม้ที่เห็นนั่น เป็นต้นไม้ที่อยู่ข้างถนน
ที่รถจอดดูทะเลหมอกกัน
พอดีมองเห็นว่า มันเอียงเข้าหาถนนมาก
ไม่นานคงหล่นมาที่ถนน ... หวังว่าคงหล่นช่วงปิดป่านะ
คิดถูกจริงๆ ที่เอากล้อง Cam Recorder ไปด้วย เพราะสามารถ ถ่ายรูประยะทางไกลได้ดีพอใช้เลย
สุข สวรรค์จริงๆ อยากพาลูกมาด้วยกันจังเลย
นัดแนะกับเพื่อน เตรียมตัวเดินทางไป เขาพะเนินทุ่ง ที่ได้ไปแบบไปไม่ถึงมาเมื่อ 16 ปีที่แล้ว
จากคราวก่อนที่ไป ต้องนั่งรถเจ้าหน้าที่เข้าไป เพื่อไปชมทะเลหมอกที่สวยมากๆ แห่งหนึ่งของเมืองไทย
แต่ด้วยความไม่สะดวกหลายๆอย่าง ก็ได้แค่ติดรถ ที่ชาวฝรั่งเศษให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ไปส่ง เพื่อเดินป่า
ติดรถไปก็นั่งชมบรรยากาศ เส้นทางเล็กๆ กำหนดเวลา ขึ้น-ลง เป็นเวลา
ส่งชาวต่างชาติเสร็จ ก็กลับมาพร้อมเจ้าหน้าที่ป่าไม้
คราวนี้ วันนี้ เขาพะเนินทุ่งเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปมากจริงๆ
เปิดให้รถทั่วไปเข้าไปได้ ( คงเปิดนานแล้วแหละ แต่เราไม่ได้รู้เรื่องเอง )
หก โมงเช้า ถึงทางเข้าเขาพะเนินทุ่ง จ่ายค่าเข้าพื้นที่อุทยาน เรียบร้อย เดินทางต่อเข้าไปอีก ประมาณ 30 กม ที่เป็นทางลูกรังตลอด มีราดยางเล็กน้อยเอง ขี้ช้าง ยังเต็มถนน ตลอดระยะทางเลย
ขึ้นไปถึงจุดชมวิวจุดแรก คนไม่เยอะมากเท่าไร ประมาณ 120 คนได้ บรรยากาศก็สวยสมใจ
ถ่ายรูปกันพอประมาณ พอดีหันไปเห็น
หนุ่มน้อย สาวน้อยคู่นึง อายุประมาณ 60 ได้
กำลังยื่นแขนถ่ายรูปตัวเองกับภรรยา อย่างทุลักทุเล
เห็นแล้วละ ว่ารูปติดหน้า คุณป้าภรรยาแก นิดเดียว
แล้วก็ของลุงเองก็เห็นแค่เส้นผม จากที่ต้องการเห็นครบสองคน
ด้วยความเห็นใจ ก็เลย เข้าบอก ทั้งคู่ว่า
"เดี๋ยวผมถ่ายรูปให้ครับ"
"ไปทางนู้นดีกว่าครับ เห็นชัดกว่า"
ก็เลยถ่ายรูปให้ทั้งคู่ได้ รูปนึง แล้วก็บอกว่า
"ไปมุมอื่นอีกไหมครับ ไม่ต้องเกรงใจครับ"
แต่แกคงเกรงใจ บอกว่า
"ไม่เป็นไร ขอบคุณมากครับ"
แต่ใจผมน่ะอยากถ่ายให้แกเยอะๆนะ
อยากให้แกเอาไปให้ลูกหลานดู ว่าที่นี่สวยขนาดไหน
ว่าเรื่องของเขาพะเนินทุ่งต่อ
จบจาก จุดชมวิว เพื่อนก็ชวนเข้าไปต่ออีก จุดชมวิว กม 36 (มั้ง)
โอว....สวยกว่าที่จุดชมวิวแรกเยอะ แต่คนเข้ามาน้อย
ก็เลยถ่ายรูปได้อย่างสะใจ
เอาข้าวเหนียว หมู ที่เตรียมไว้ ไปนั่งกิน ท่ามกลางวิวทะเลหมอก
ต้นไม้ที่เห็นนั่น เป็นต้นไม้ที่อยู่ข้างถนน
ที่รถจอดดูทะเลหมอกกัน
พอดีมองเห็นว่า มันเอียงเข้าหาถนนมาก
ไม่นานคงหล่นมาที่ถนน ... หวังว่าคงหล่นช่วงปิดป่านะ
คิดถูกจริงๆ ที่เอากล้อง Cam Recorder ไปด้วย เพราะสามารถ ถ่ายรูประยะทางไกลได้ดีพอใช้เลย
สุข สวรรค์จริงๆ อยากพาลูกมาด้วยกันจังเลย
วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2552
Aroma - Crescendo
Intro: C/GM/F/Fm/EM/Am/Dm/G
C Gm F
ทุกครั้งเวลาที่ไม่มีใคร ได้แต่นอนมองดูรูปถ่าย
Fm Em
กอดหมอนใบเดิมที่เธอเคยนอนวันนั้น
Am Dm G
และฉันตั้งใจเก็บมันให้อยู่ดังเดิมอย่านี้ไปจนตาย
C Gm F
แม้ว่าบนเตียงจะไม่มีใครแต่ก็เหมือนมีเธอข้างกาย
Fm Em
กอดฉันเบาๆเหมือนเคยเพียงได้กลิ่นหอม
Am Dm
จากหมอนใบเดิมที่เราต่างเคยร่วมฝัน
G
แค่ได้คิดถึงกันก็สุขใจ
C Em Am Em
*กลิ่นของความรัก กลิ่นของความรักไม่เคยจะจางหายไป
F Em Dm G
ถึงแม้ว่าวันเวลามันจะนานสักเท่าไหร่ก็มีเธอไม่รักใคร
C Em Am Em
กลิ่นของความรัก กลิ่นของความรักมันยังตรึงอยู่ในหัวใจ
F Em Dm G
หอมยิ่งกว่าน้ำหอมของใครคนไหนไม่มีใครแทนที่เธอ
Instru :
C Gm F
แม้ว่ากลางคืนจะเหงาเพียงใดก็ต้องนอนคนเดียวเรื่อยไป
Fm Em
อ่อนล้าในใจเท่าไรเพียงได้กลิ่นหอม
Am Dm
จากหมอนใบเดิมที่เธอเคยนอนใกล้ฉัน
G
แค่ได้คิดถึงกันก็สุขใจ
ซ้ำ (*)
F Em
ตั้งแต่เมื่อวันที่เธอจากฉันไป
Dm G A
ไม่มีคืนไหนที่ฉันไม่คิดถึงเธอ
F
ยังรักยังเป็นห่วงเธอ
Em Am
ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน
Dm G
ในทุกลมหายใจจะยังมีเธอเสมอ
C Em Am Em
กลิ่นของความรัก กลิ่นของความรักไม่เคยจะจางหายไป
F Em Dm G
ถึงแม้ว่าวันเวลา มันจะยาวนานสักเท่าไหร่ ก็มีเธอไม่รักใคร
C Em Am Em
กลิ่นของความรัก กลิ่นของความรักมันยังตรึงอยู่ในหัวใจ
F Em Dm G
หอมยิ่งกว่าน้ำหอมของใครคนไหน ไม่มีใครแทนที่เธอ
C Gm F
ทุกครั้งเวลาที่ไม่มีใคร ได้แต่นอนมองดูรูปถ่าย
Fm Em
กอดหมอนใบเดิมที่เธอเคยนอนวันนั้น
Am Dm G
และฉันตั้งใจเก็บมันให้อยู่ดังเดิมอย่านี้ไปจนตาย
C Gm F
แม้ว่าบนเตียงจะไม่มีใครแต่ก็เหมือนมีเธอข้างกาย
Fm Em
กอดฉันเบาๆเหมือนเคยเพียงได้กลิ่นหอม
Am Dm
จากหมอนใบเดิมที่เราต่างเคยร่วมฝัน
G
แค่ได้คิดถึงกันก็สุขใจ
C Em Am Em
*กลิ่นของความรัก กลิ่นของความรักไม่เคยจะจางหายไป
F Em Dm G
ถึงแม้ว่าวันเวลามันจะนานสักเท่าไหร่ก็มีเธอไม่รักใคร
C Em Am Em
กลิ่นของความรัก กลิ่นของความรักมันยังตรึงอยู่ในหัวใจ
F Em Dm G
หอมยิ่งกว่าน้ำหอมของใครคนไหนไม่มีใครแทนที่เธอ
Instru :
C Gm F
แม้ว่ากลางคืนจะเหงาเพียงใดก็ต้องนอนคนเดียวเรื่อยไป
Fm Em
อ่อนล้าในใจเท่าไรเพียงได้กลิ่นหอม
Am Dm
จากหมอนใบเดิมที่เธอเคยนอนใกล้ฉัน
G
แค่ได้คิดถึงกันก็สุขใจ
ซ้ำ (*)
F Em
ตั้งแต่เมื่อวันที่เธอจากฉันไป
Dm G A
ไม่มีคืนไหนที่ฉันไม่คิดถึงเธอ
F
ยังรักยังเป็นห่วงเธอ
Em Am
ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน
Dm G
ในทุกลมหายใจจะยังมีเธอเสมอ
C Em Am Em
กลิ่นของความรัก กลิ่นของความรักไม่เคยจะจางหายไป
F Em Dm G
ถึงแม้ว่าวันเวลา มันจะยาวนานสักเท่าไหร่ ก็มีเธอไม่รักใคร
C Em Am Em
กลิ่นของความรัก กลิ่นของความรักมันยังตรึงอยู่ในหัวใจ
F Em Dm G
หอมยิ่งกว่าน้ำหอมของใครคนไหน ไม่มีใครแทนที่เธอ
วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552
ราตรีสวัสดิ์ - ฟัคกลิ้งฮีโร่
เป็นอีกเพลงที่พอฟังแรกๆแล้ว ไม่ได้สนใจ พอถึงจังหวะที่มีเสียงของ ธีร์ ไชยเดช ขึ้นมาเท่านั้น
เพลงก็เพราะขึ้นมาจับใจ อาจจะโดยความชอบเป็นการส่วนตัว
จึงทำให้เพลงนี้เป็นที่ชื่นชอบของสองพ่อลูกไป
วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552
โกหกข้ามชาติ (ไม่เกี่ยวกับการเมืองนะ)
เรื่องมีอยู่ว่า ปกติผมจะมี Profile ที่สมัครไว้อยู่ใน TAGGED ซึ่งก็คล้ายๆ ไอ้ Hi5 ประมาณนั้นแหละ
วันนึง ก็มี สาวเมล์เข้ามา เธอบอกว่า เธอชื่อ Saadiah เป็นคน London
แล้วก็บอกว่า เธอได้งานใหม่แล้วมีแผนที่จะมาเที่ยวเมืองไทย อยากให้ผมช่วยแนะนำ
....
ไม่เป็นไรครับ คนไทยมีน้ำใจ ก็แนะนำสถานที่เที่ยวเมืองไทยพอสังเขป
ก็เมล์คุยกันไป-มา ประมาณ 1 อาทิตย์
สาวเจ้าก็บอกว่า มีแผนจะมาเที่ยวจริงๆนะ ประมาณ 2 อาทิตย์
แล้วเธอก็บอกว่า เธอส่งของมาให้ผม เพื่อจะได้ใช้ตอนที่เธอมา
บอกว่า ของที่ส่งมามี HP Labtop, Digital Camera, Watch, I-Phone and money 10000 GBP
แล้วก็บอกว่า เธอซ่อนเงินไว้ในกล้อง Digital ซ่อนไว้อย่างดี ห่อหลายชั้น
น่าน.....ไง....
จังหวะนั้นก็รู้สึกว่า ผิดปกติดิ ใครจะบ้าส่งเงินมาตั้งเยอะแยะ แล้วอ้างว่า ค่าโอนมันแพง
โดยปกติ ค่าโอนก็ไม่กี่สิบเหรียญ คิดดูแล้วก็คาดว่า จะเป็น โจ๊ก หลอกแดกเงินแหงมๆ......
.....
วันต่อมา สาวเจ้าก็เมล์มาบอก Web แล้วก็ Login, Password เพื่อให้เช็ค Tracking ว่าสถานะอยู่ไหน
ผมก็ลองเข้าไปดู .......อืม....มีเส้นทางการเดินทางของของจริงๆด้วยแฮะ.....
เอ...ยังไงกันหว่า อ๊ะ...รอดูต่อไป มันจะมาไม้ไหน
วันต่อมา มีเมล์จาก DELIVERY EXPRESS COURIER INTERNATIONALบอกว่า ของติดอยู่ที่ Malaysia เพราะถูกศุลกากรเปิดตรวจ แล้วพบเงินในกล่อง
ให้เราจ่ายเงิน 500 USD เพื่อเคลียร์ของออก
ชัดเลย....คราวนี้ มั่นใจได้ว่า มันเป็นพวกขบวนการต้มตุ๋นข้ามขาติแหงม
ก็เลย เมล์ตอบกลับไปว่า ให้ถ่ายรูปของให้ดูหน่อย (ประมาณว่า อยากได้เงินกรู ก็ต้องทำอะไรบ้าง)
ก็อยากรู้ว่า มันจะถ่ายมาให้ได้ไหม
แล้วก็บอกอีกว่า เราจะไม่จ่ายอะไรทั้งนั้น
คิดว่า มันคงเงียบไปละ เดี๋ยวสัก 2 วัน ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะมา Update หน้านี้
ที่อยู่ที่มันอ้างมาLot #224, 2nd Floor, Old Airport Road
7th Mile,Kunching, Sarawak 93050 Malaysia
หากใครเจอแบบนี้ ก็จงคิดไว้ได้เลยว่า มิจฉาชีพแน่นอน
อืม....เพื่อเป็นข้อมูลละกัน
เวปที่กลุ่มคนพวกนี้ใช้หากิน
www.delivery-express.page.tl
Username : NATATROM23
Password : JABDUEH73H
ผมลองเข้าไป Search ดูจากที่อยู่ที่่ได้มา
มีคนเจอแบบนี้มาเยอะเหมือนกัน คนต่างชาติทั้งนั้น แต่ไม่รู้ว่ามีใครเสียเงินไหม
เมืองไทยไม่แน่ใจว่ามีใครเคยโดนบ้างไหมก็ไม่รู้
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
Update 25 August 2009 : มีรายละเอียดเพิ่มเติม - ต่อจากคราวที่แล้ว
มีเมล์จาก delivery-express มาหาผมอีก เพื่อให้ยืนยันการชำระเงินค่าปรับ
ผมก็เมล์กลับไป บอกว่า เราไม่จ่าย และจะให้ทาง ตำรวจมาเลย์ตรวจเรื่องนี้ให้ ว่าการเรียกเงินแบบนี้ ผิดหรือไม่
ต่อมา เมื่อวานนี้ ก็มีเมล์จาก Saadiah บอกว่า เขากังวลเรื่องนี้มาก
" เขายอมรับผิดที่เขาส่งเงินมาในกล่องของด้วย เขาไม่คิดว่า จะมีการเปิดตรวจ
เขาซีเรียสมากตรงที่ ทาง Shipping โทรมาติดต่อเขาถึงที่ทำงาน
เขาอยากให้ผมจ่ายค่าปรับ (ก็ไอ้หมื่นกว่าบาทน่านแหละ) แล้วของจะได้ถูกส่งให้เรา
แล้วเราก็เอาเงินในกล่องไป เขาอยากได้ของมาก"
เรื่องนี้คิดได้ง่ายๆเลย (ถ้าความโลภไม่ครอบงำซะก่อน)
1. การโอนเงินระหว่างประเทศ ค่าโอนน่าจะราวๆ 35-40 USD. (ประมาณ 1200-1400 บาท)
การเอาเงิน(จำนวน 10000GBP ประมาณ 550000 บาท) ยัดมาในกล่องเพื่อที่จะประหยัดเงิน ไม่ถึง 2000 บาท มันไร้สติสิ้นดี
2. ใครจะบ้าส่งของ ตามรายละเอียดข้างบน มาให้ คนที่ไม่ได้รู้จักกันดีอย่างผม
3. รูปแบบของถ้อยคำในเมล์ช่วงหลังๆ อย่างกับ กวีนิพนธ์ (เป็นภาษาอังกฤษ แต่ผมเดาจากการใช้คำ) มันผิดปกติ เมื่อเทียบภาษาจากการคุยทางเมล์ก่อนหน้านี้
4. เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ คิดเสมอว่า เราไม่จ่ายเงินให้ก่อน กับสิ่งที่ไม่ชัดเจน (แม้จะส่งรูปถ่ายของมาให้ก็เถอะ) จะสังเกตว่า มีกล่องอุปกรณ์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อยู่เยอะด้านหลัง อาจจะเป็นการถ่ายรูปจากที่ไหนสักแห่ง และมีเพียงรูปเดียวที่ส่งมา ไม่น่าเชื่อถือพอที่จะส่งเงิน หมื่นกว่าบาท เพื่อเป็นค่าปรับให้้
หลังจากนั้น ผมก็เฉยไม่ตอบเมล์ ทั้ง delivery-express และ Saadiah เพราะผมเสียเวลา กับเรื่องนี้มามากแล้ว
ที่สำคัญ เสียความรู้สึก ที่คิดว่าจะแนะนำคนต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทย เพราะผมชอบที่จะเที่ยวในเมืองไทย ไปมันทุกเดือน...555..
*********************
29/08/2009 ปรับปรุง / เพิ่มเติมข้อมูล
ต่อมา ผมติดต่อคนที่ได้เมล์จาก Saadiah ก็เลยพบว่า
เป็นคนไทยทั้งหมด แล้วก็ไม่เชื่อว่าเรื่องนี้จริงครับ
โล่งใจเหมือนกัน ที่ไม่มีใครโดนหลอก ถึงแม้ เจ้าหล่อนจะเมล์มาตื้อ และ ออดอ้อนสารพัด
วันนึง ก็มี สาวเมล์เข้ามา เธอบอกว่า เธอชื่อ Saadiah เป็นคน London
แล้วก็บอกว่า เธอได้งานใหม่แล้วมีแผนที่จะมาเที่ยวเมืองไทย อยากให้ผมช่วยแนะนำ
....
ไม่เป็นไรครับ คนไทยมีน้ำใจ ก็แนะนำสถานที่เที่ยวเมืองไทยพอสังเขป
ก็เมล์คุยกันไป-มา ประมาณ 1 อาทิตย์
สาวเจ้าก็บอกว่า มีแผนจะมาเที่ยวจริงๆนะ ประมาณ 2 อาทิตย์
แล้วเธอก็บอกว่า เธอส่งของมาให้ผม เพื่อจะได้ใช้ตอนที่เธอมา
บอกว่า ของที่ส่งมามี HP Labtop, Digital Camera, Watch, I-Phone and money 10000 GBP
แล้วก็บอกว่า เธอซ่อนเงินไว้ในกล้อง Digital ซ่อนไว้อย่างดี ห่อหลายชั้น
น่าน.....ไง....
จังหวะนั้นก็รู้สึกว่า ผิดปกติดิ ใครจะบ้าส่งเงินมาตั้งเยอะแยะ แล้วอ้างว่า ค่าโอนมันแพง
โดยปกติ ค่าโอนก็ไม่กี่สิบเหรียญ คิดดูแล้วก็คาดว่า จะเป็น โจ๊ก หลอกแดกเงินแหงมๆ......
.....
วันต่อมา สาวเจ้าก็เมล์มาบอก Web แล้วก็ Login, Password เพื่อให้เช็ค Tracking ว่าสถานะอยู่ไหน
ผมก็ลองเข้าไปดู .......อืม....มีเส้นทางการเดินทางของของจริงๆด้วยแฮะ.....
เอ...ยังไงกันหว่า อ๊ะ...รอดูต่อไป มันจะมาไม้ไหน
วันต่อมา มีเมล์จาก DELIVERY EXPRESS COURIER INTERNATIONALบอกว่า ของติดอยู่ที่ Malaysia เพราะถูกศุลกากรเปิดตรวจ แล้วพบเงินในกล่อง
ให้เราจ่ายเงิน 500 USD เพื่อเคลียร์ของออก
ชัดเลย....คราวนี้ มั่นใจได้ว่า มันเป็นพวกขบวนการต้มตุ๋นข้ามขาติแหงม
ก็เลย เมล์ตอบกลับไปว่า ให้ถ่ายรูปของให้ดูหน่อย (ประมาณว่า อยากได้เงินกรู ก็ต้องทำอะไรบ้าง)
ก็อยากรู้ว่า มันจะถ่ายมาให้ได้ไหม
แล้วก็บอกอีกว่า เราจะไม่จ่ายอะไรทั้งนั้น
คิดว่า มันคงเงียบไปละ เดี๋ยวสัก 2 วัน ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะมา Update หน้านี้
ที่อยู่ที่มันอ้างมาLot #224, 2nd Floor, Old Airport Road
7th Mile,Kunching, Sarawak 93050 Malaysia
หากใครเจอแบบนี้ ก็จงคิดไว้ได้เลยว่า มิจฉาชีพแน่นอน
อืม....เพื่อเป็นข้อมูลละกัน
เวปที่กลุ่มคนพวกนี้ใช้หากิน
www.delivery-express.page.tl
Username : NATATROM23
Password : JABDUEH73H
ผมลองเข้าไป Search ดูจากที่อยู่ที่่ได้มา
มีคนเจอแบบนี้มาเยอะเหมือนกัน คนต่างชาติทั้งนั้น แต่ไม่รู้ว่ามีใครเสียเงินไหม
เมืองไทยไม่แน่ใจว่ามีใครเคยโดนบ้างไหมก็ไม่รู้
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
Update 25 August 2009 : มีรายละเอียดเพิ่มเติม - ต่อจากคราวที่แล้ว
มีเมล์จาก delivery-express มาหาผมอีก เพื่อให้ยืนยันการชำระเงินค่าปรับ
ผมก็เมล์กลับไป บอกว่า เราไม่จ่าย และจะให้ทาง ตำรวจมาเลย์ตรวจเรื่องนี้ให้ ว่าการเรียกเงินแบบนี้ ผิดหรือไม่
ต่อมา เมื่อวานนี้ ก็มีเมล์จาก Saadiah บอกว่า เขากังวลเรื่องนี้มาก
" เขายอมรับผิดที่เขาส่งเงินมาในกล่องของด้วย เขาไม่คิดว่า จะมีการเปิดตรวจ
เขาซีเรียสมากตรงที่ ทาง Shipping โทรมาติดต่อเขาถึงที่ทำงาน
เขาอยากให้ผมจ่ายค่าปรับ (ก็ไอ้หมื่นกว่าบาทน่านแหละ) แล้วของจะได้ถูกส่งให้เรา
แล้วเราก็เอาเงินในกล่องไป เขาอยากได้ของมาก"
เรื่องนี้คิดได้ง่ายๆเลย (ถ้าความโลภไม่ครอบงำซะก่อน)
1. การโอนเงินระหว่างประเทศ ค่าโอนน่าจะราวๆ 35-40 USD. (ประมาณ 1200-1400 บาท)
การเอาเงิน(จำนวน 10000GBP ประมาณ 550000 บาท) ยัดมาในกล่องเพื่อที่จะประหยัดเงิน ไม่ถึง 2000 บาท มันไร้สติสิ้นดี
2. ใครจะบ้าส่งของ ตามรายละเอียดข้างบน มาให้ คนที่ไม่ได้รู้จักกันดีอย่างผม
3. รูปแบบของถ้อยคำในเมล์ช่วงหลังๆ อย่างกับ กวีนิพนธ์ (เป็นภาษาอังกฤษ แต่ผมเดาจากการใช้คำ) มันผิดปกติ เมื่อเทียบภาษาจากการคุยทางเมล์ก่อนหน้านี้
4. เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ คิดเสมอว่า เราไม่จ่ายเงินให้ก่อน กับสิ่งที่ไม่ชัดเจน (แม้จะส่งรูปถ่ายของมาให้ก็เถอะ) จะสังเกตว่า มีกล่องอุปกรณ์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อยู่เยอะด้านหลัง อาจจะเป็นการถ่ายรูปจากที่ไหนสักแห่ง และมีเพียงรูปเดียวที่ส่งมา ไม่น่าเชื่อถือพอที่จะส่งเงิน หมื่นกว่าบาท เพื่อเป็นค่าปรับให้้
หลังจากนั้น ผมก็เฉยไม่ตอบเมล์ ทั้ง delivery-express และ Saadiah เพราะผมเสียเวลา กับเรื่องนี้มามากแล้ว
ที่สำคัญ เสียความรู้สึก ที่คิดว่าจะแนะนำคนต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทย เพราะผมชอบที่จะเที่ยวในเมืองไทย ไปมันทุกเดือน...555..
*********************
29/08/2009 ปรับปรุง / เพิ่มเติมข้อมูล
ต่อมา ผมติดต่อคนที่ได้เมล์จาก Saadiah ก็เลยพบว่า
เป็นคนไทยทั้งหมด แล้วก็ไม่เชื่อว่าเรื่องนี้จริงครับ
โล่งใจเหมือนกัน ที่ไม่มีใครโดนหลอก ถึงแม้ เจ้าหล่อนจะเมล์มาตื้อ และ ออดอ้อนสารพัด
วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
ทะเลตรัง กลางสายฝน ตอนต้นเดือน พฤษภา
วันที่ 2 พฤษภาคม 2552 เวลา 19.30 น. เริ่มออกเดินทาง
เริ่มต้นจากการจองตั๋วรถทัวร์ผ่าน Thai Ticker Master (เสียค่าธรรมเนียม 20บาท) สะดวกดี เลือกซื้อสาขาที่อยู่ใกล้ที่สุด
กำหนดการจริงๆ วางไว้ว่าวันที่ 3 อยู่ตรัง+One Day Trip วันที่ 4 เดินทางไปภูเก็ต นอนภูเก็ต วันที่ 5 One Day Trip ที่ภูเก็ต กลับตอนค่ำๆ
เดินทางกันซะที......
รถทัวร์ กทม. - ตรัง บริษัทขนส่ง จองที่นั่งด้านล่าง ตำแหน่ง 1A นั่งสบายมากครับ สบายกว่าที่เคยนั่งรถกลางคืนทั้งหมด เหยียดแข้งขาอันเก้งก้างได้สบาย
มีขนมให้กิน + น้ำ + น้ำผลไม้แบบกล่อง
เกือบไปขึ้นรถไม่ทันเหมือนกัน ....ฉิวเฉียดมากๆ
########@@@@@########
3 พฤษภาคม 2552 เวลา 06.30 น. รถทัวร์มาถึงตรัง
ลงรถที่ ขนส่ง แล้วก็เดินสำรวจเมือง เปลี่ยนไปมากจาก 20 ปีที่แล้วเยอะเลย
ต้องดูแผนที่ แล้วคลำๆทางเอาเรื่อยๆ ให้พอจับจุดถูก แล้วค่อยกลับมาขนส่ง เพราะนัดรถมารับ 08.30 น.
ระหว่างเดินสำรวจเมือง มีแต่มอเตอร์ไชค์รับจ้าง ถามตลอดทาง สงสัยไม่ค่อยมีลูกค้ากันมั้ง
เดินไปๆมาๆ หาที่พักแบบ Low Cost ไปด้วย เจอที่นึง โกเต็งเกสเฮ้าส์ 180 บาท เอง ถูกมากๆ แต่ว่า ยังก่อน เพราะเวลานอนอาจจะไม่มีความเป็นส่วนตัว ยิ่งเรานอนกรนด้วย....อืม.......
เดินต่อไปอีก เหมะ...เหมะ... เอาละซี...ใครแช่งตรูฟะ.....ฝนตกลงมาทักทายเลย
ถามไถ่ชาวบ้าน ปรากฏว่า ฝนมาลงเอาเมื่อคืน พักแป๊ะนึง แล้วก็มาตกเช้า แล้วดูเหลี่ยมแล้วคงจะทั้งวันแน่ๆ
เดินไป หลบฝนไป เดินหาที่พัก เจอแล้ว พอพักได้ ชื่อพลาซ่าโฮเต็ล คืนละ 300 ห้องแอร์ โอเค เอาที่นี่ละ
เก็บข้า่วของ ไว้ที่ห้อง เดินทางต่อไปหาไรกิน แล้วรอขึ้นรถดีกว่า..
มาตรังแล้ว เช้าต้องหมูย่าง ติ่มซำ ซาละเปา เดี๋ยวจะหาว่่าไม่ถึงตรัง....แต่โหย....หลายร้านจริงๆ
วิธีการหาของผม ก็ง่ายๆครับ เดินไปเรื่อยๆ ร้านไหนดูหน้าตา คนท้องถิ่นนั่งเยอะๆ ก็น่านละ เอาเลย
ได้ร้านนึง ใกล้ๆขนส่ง ฝั่งเดียวกัน เป็นร้านเล็กๆ ห้องแถวเก่าๆ 1 ห้อง
หมูย่างไม่มี
ขนมจีบ 7/10 ให้ 7 แต่เบิ้ล 2 นะ กินไป 8 ลูกเลย
ซาละเปา 9.5/10 อร่อยจริงๆ ทั้งไส้หวาน ไส้หมูเลย
โกปี๊ 8.5/10
ชา 8.5/10 มาตรฐาน
08.30 น. มารอรถตู้ที่ขนส่ง เตรียมตัว One Day Trip 4 เกาะทะเลตรัง ฝนก็ยังมาเรื่อยๆ ไม่หนักเท่าไร
สักพัก ลิบงการท่องเที่ยวโทรมา บอกให้นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปลงที่บริษัท เดี๋ยวเขาจ่ายค่ารถให้
โอเค...นั่งไปประมาณ 1 กม. ค่ารถ 30 บาทครับ แพงเหมือนกันนา.......
09.20 น. มาถึงท่าเรือปากเม็ง ลงชื่อ ติด Sticker เพื่อให้รู้ว่าเป็นกลุ่มไหน
คนค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ประมาณ 120 คนได้ ฝนก็มาบ้าง หยุดบ้างเป็นระยะ
09.35 น. เรือเริ่มออกเดินทาง ทางเรือแนะนำว่า โปรแกรมอาจจะเปลี่ยน เพราะมีลมแรง น้ำแรง
จุดแรกที่จะไป คือ เกาะเชือก อยู่ใกล้ๆ เกาะไหงรีสอร์ทเลย
10.30 น. มาถึงเกาะเชือก กลางสายฝน คลื่นมีนิดหน่อย แต่ก็ไม่น่ากลัว ลุยเลยละกัน....
ภาพแรก ก็เหมือนเดิมเลย ลืมปิดแฟลช ทำให้ไปกระทบทราย และวัตถุอื่นๆ สะท้อนแสงออกมา
แล้วก็เลยปิดแฟลชซะ ภาพเลยออกมาชัดขึ้น
ปะการังโขด ปะการังกิ่งไม้เล็ก ดอกไม้ทะเล มีให้เห็นอย่างจุใจ
ปะการังเขากวาง และอีกหลากหลายชนิด รวมทั้งฝูงปลา
ดอกไม้ทะเล สีม่วง มีเป็นดงเลย บริเวณนี้ เกาะเชือก
จะเห็นว่ากระแสน้ำทำให้ดอกไม้ทะเล และคนถ่าย แกว่งตลอดเวลา
กระแสน้ำแรงมาก เวลาที่ถ่ายรูป แรงของน้ำทำให้ภาพไหวเสียเยอะ
ต้องอาศัยรอจังหวะดีๆ และ ถ่ายหลาย Shot ติดๆกัน แล้วเลือกเอา
ผ่านพ้นเกาะเชือกไป 1 เกาะ ตามแพลนจะเหลืออีก 3 เกาะ
ดูเวลา 11.35 น. เรือเปลี่ยนแผน พาไปกินข้าวเที่ยงที่เกาะไหง
ก็กินกันที่ท่าเรือนั่นแหละ ไม่ได้เข้าไปที่ร้านอาหารของเกาะนะ (ดีกว่ากินในเรือน่า...)
อาหารก็ บุฟเฟต์ อร่อยดี เหมือนกัน มีหลายอย่างให้เลือกกินได้
เสร็จแล้วก็เดินเล่น เล่นน้ำที่เกาะไหง (น่าจะเป็นคนละหาดกับที่เคยมาเมื่อ 20 ปีก่อน)
13.30 น. เรียกรวมพลไปเกาะม้า ... นึกในใจว่าคงไปไม่ครบ 4 เกาะแน่เลย...
ก่อนไปเกาะม้า เรือ พามาที่มุมหนึ่งของเกาะไหง พามาดูหินเจ้าแม่กวนอิม
รูปทรงก็ตามแต่จินตนาการของแต่ละคนครับ ว่ากันไม่ได้
ปะการังหลากหลายรูปแบบที่เกาะม้า
ที่เกาะม้า ถือว่าสวยงามมาก มีดอกไม้ทะเล รวมตัวกันเป็นกลุ่ม
พยายามดำลงไปถ่ายใกล้ๆ วัดดวงกับกล้องที่ทนความลึกได้ 3 เมตร
เอาวะ....พังเป็นพังน่า อย่างน้อย Memory ของภาพที่ถ่ายไว้น่าจะกู้ได้
ลงไปก็สู้แรงน้ำไม่ไหว ภาพก็ยังไม่นิ่ง เพราะแรงน้ำพัดตัวเราให้ไหวตลอดเวลา
เจอดอกไม้ทะเลกลุ่มนึง มี 2 สี น้ำเงิน-ขาว
มองเห็นแล้วนึกถึงอะไรรู้ไหม.....ทีม BlackBurn Rover
เฮ้อ...คิดไปถึงเรื่องบอลซะเฉยเลย
15.20 น. เรียกกลับขึ้นเรือ เดินทางต่อไปยัง......ปากเมง
อ้าว....กลับแล้วซีเนี่ย..ยังไม่หนำใจเลย บรรยากาศยังอึมครึมทั้งวัน
ฤดูร้อน ปีหน้า ต้องกลับมาแก้แค้นกันใหม่....เจ้าไหม..ปากเมง...ตรัง....
16.20 น. กลับมาที่ปากเมง รอรถตู้พากลับเข้าเมือง
17.00 น. ถึงเมือง กลับที่พักจัดแจงตัวเอง
ชาร์จแบตกล้องใหม่ ทั้ง 2 ตัว เตรียมตัวรับศึกวันต่อไป
########@@@@@########
4 พฤษภาคม 2552 เวลา 08.00 น. มารอเพื่อนที่มาจา่กสงขลา ที่หอนาฬิกา เตรียมตัวไปภูเก็ต
ก่อนไปก็เหมือนเดิม...อาหารเช้า หมูย่าง ซาละเปา ติ่มซำ โอเลี้ยง คราวนี้ร้านใหญ่หน่อย
หมูย่างจานสุดท้ายพอดี เป็นเศษๆแล้ว เสียอารมณ์มาก
13.00 น. ถึงสะพานรักสารสิน กลับรถไปกินข้าง จั๊กจั่นซีฟู๊ด ที่เคยมากินเมื่อปีที่แล้ว
ปลาหมึกผัดไข่เค็ม อร่อยมาก ขอแนะนำเลย อย่างอื่นก็ปกติกินแล้วไม่ได้ติดใจ
14.40 น. มาส่งเพื่อนที่พัก Laguna Club
โหย...เข้ามาเหมือนเป็นอาณาจักร Laguna เนื้อที่กว้างมาก
ข้างในแบ่งเป็นหลายประเภทที่พัก
บรรยากาศ ความหรูหรา อยากให้พ่อกับแม่มาพักผ่อนจัง
เย็นๆ ก็ไปหาเพื่อนอีกคนที่อยู่ภูเก็ต หาอะไรกินยามเย็น สังสรรค์นิดหน่อย....
เริ่มคันอีกแล้ว สงสัยโดนแตนทะเลอีกแล้ว ทำไมปีนี้โดนทุกทีเลย
ทั้งเกาะเต่า ภูเก็ต ตรัง อาทิตย์หน้าจะลองเกาะกุฏี ระยองดู มันจะคันไหม
แวะไหว้สวัสดีพ่อเพื่อนซะหน่อย แล้วเข้าไปน้ำตกโตนไทร
สภาพป่ายังอุดมสมบูรณือยู่มาก เดินไปฝนตกไปแบบปรอยๆ
เดินทางต่อไป หาดไนทอน เป็นหาดเล็กๆ ทางเข้าจะต้องข้ามเขาไป
ปัจจุบันพื้นที่ในภูเก็ตถ้าเป็นหาด ถือว่าเป็นทอง มีผู้คนเข้าไปจับจองหมด
ไม่่เว้นแม้แต่ไนทอน และ ลายัณ หาดไร้ชื่อในสมัยก่อน
ไนทอน ในฤดู Low Season ฝรั่งบางตา ไทยไม่มีเลย
ข้ามมาต่อที่หาดลายัณ มีเอกชนจับจองที่หน้าหาดหมดแล้ว
มีเพียงช่องรถเข้าเล็กๆ ที่สามารถทะลุไปหาดได้
บริเวณร่องน้ำ เมื่อน้ำขึ้น จะทำให้บริเวณภูเขาเป็นเกาะ
หาดทรายสงบเงียบ ไม่มีผู้คน นอกจากคนท้องถิ่นทีหาปู ปลาเลี้ยงชีพ
น้ำยังคงใสสะอาดอยู่ ที่นี่ น่าอยู่มาก ใครผ่านมา ลองมาแวะดู ลายัณ
ผ่านมาอีกนิด มาที่อุทยานแห่งชาติ จะมองเห็นวิวของเกาะนี้ชัดเจน
สามารถมากางเต็นท์นอนได้ มีห้องอาบน้ำให้ ไม่มีที่พักเอกชน
ข้ามมาต่อที่เขตของ Laguna Club มีซอยให้เข้า่ในหาดที่โอบล้อมด้วย Laguna Property
โซนที่อยู่ด้านใน ไม่ติดหาด แต่ติด Lagoon
บริเวณติดหาด สถานที่ดูดีเหลือเกิน ด้านหน้าของแต่ละห้องมีเตียงอาบแดด ชมวิว
เย็นๆ ได้เวลา เตรียมตัว หาข้าวกิน เตรียมตัวกลับกทม.
เครื่องออก 23.10 น. ต้องไป Check In ก่อนอย่างน้อย 45 นาที
คันคะเยอจริงๆเลย ทำไมปีที่แล้วไม่คัน ปีนี้คันจริงๆ
ผิวเราผู้ดีขึ้น หรือ ทะเลปั่นป่วนกันแน่เนี่ย.....
เริ่มต้นจากการจองตั๋วรถทัวร์ผ่าน Thai Ticker Master (เสียค่าธรรมเนียม 20บาท) สะดวกดี เลือกซื้อสาขาที่อยู่ใกล้ที่สุด
กำหนดการจริงๆ วางไว้ว่าวันที่ 3 อยู่ตรัง+One Day Trip วันที่ 4 เดินทางไปภูเก็ต นอนภูเก็ต วันที่ 5 One Day Trip ที่ภูเก็ต กลับตอนค่ำๆ
เดินทางกันซะที......
รถทัวร์ กทม. - ตรัง บริษัทขนส่ง จองที่นั่งด้านล่าง ตำแหน่ง 1A นั่งสบายมากครับ สบายกว่าที่เคยนั่งรถกลางคืนทั้งหมด เหยียดแข้งขาอันเก้งก้างได้สบาย
มีขนมให้กิน + น้ำ + น้ำผลไม้แบบกล่อง
เกือบไปขึ้นรถไม่ทันเหมือนกัน ....ฉิวเฉียดมากๆ
########@@@@@########
3 พฤษภาคม 2552 เวลา 06.30 น. รถทัวร์มาถึงตรัง
ลงรถที่ ขนส่ง แล้วก็เดินสำรวจเมือง เปลี่ยนไปมากจาก 20 ปีที่แล้วเยอะเลย
ต้องดูแผนที่ แล้วคลำๆทางเอาเรื่อยๆ ให้พอจับจุดถูก แล้วค่อยกลับมาขนส่ง เพราะนัดรถมารับ 08.30 น.
ระหว่างเดินสำรวจเมือง มีแต่มอเตอร์ไชค์รับจ้าง ถามตลอดทาง สงสัยไม่ค่อยมีลูกค้ากันมั้ง
เดินไปๆมาๆ หาที่พักแบบ Low Cost ไปด้วย เจอที่นึง โกเต็งเกสเฮ้าส์ 180 บาท เอง ถูกมากๆ แต่ว่า ยังก่อน เพราะเวลานอนอาจจะไม่มีความเป็นส่วนตัว ยิ่งเรานอนกรนด้วย....อืม.......
เดินต่อไปอีก เหมะ...เหมะ... เอาละซี...ใครแช่งตรูฟะ.....ฝนตกลงมาทักทายเลย
ถามไถ่ชาวบ้าน ปรากฏว่า ฝนมาลงเอาเมื่อคืน พักแป๊ะนึง แล้วก็มาตกเช้า แล้วดูเหลี่ยมแล้วคงจะทั้งวันแน่ๆ
เดินไป หลบฝนไป เดินหาที่พัก เจอแล้ว พอพักได้ ชื่อพลาซ่าโฮเต็ล คืนละ 300 ห้องแอร์ โอเค เอาที่นี่ละ
เก็บข้า่วของ ไว้ที่ห้อง เดินทางต่อไปหาไรกิน แล้วรอขึ้นรถดีกว่า..
มาตรังแล้ว เช้าต้องหมูย่าง ติ่มซำ ซาละเปา เดี๋ยวจะหาว่่าไม่ถึงตรัง....แต่โหย....หลายร้านจริงๆ
วิธีการหาของผม ก็ง่ายๆครับ เดินไปเรื่อยๆ ร้านไหนดูหน้าตา คนท้องถิ่นนั่งเยอะๆ ก็น่านละ เอาเลย
ได้ร้านนึง ใกล้ๆขนส่ง ฝั่งเดียวกัน เป็นร้านเล็กๆ ห้องแถวเก่าๆ 1 ห้อง
หมูย่างไม่มี
ขนมจีบ 7/10 ให้ 7 แต่เบิ้ล 2 นะ กินไป 8 ลูกเลย
ซาละเปา 9.5/10 อร่อยจริงๆ ทั้งไส้หวาน ไส้หมูเลย
โกปี๊ 8.5/10
ชา 8.5/10 มาตรฐาน
08.30 น. มารอรถตู้ที่ขนส่ง เตรียมตัว One Day Trip 4 เกาะทะเลตรัง ฝนก็ยังมาเรื่อยๆ ไม่หนักเท่าไร
สักพัก ลิบงการท่องเที่ยวโทรมา บอกให้นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปลงที่บริษัท เดี๋ยวเขาจ่ายค่ารถให้
โอเค...นั่งไปประมาณ 1 กม. ค่ารถ 30 บาทครับ แพงเหมือนกันนา.......
09.20 น. มาถึงท่าเรือปากเม็ง ลงชื่อ ติด Sticker เพื่อให้รู้ว่าเป็นกลุ่มไหน
คนค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ประมาณ 120 คนได้ ฝนก็มาบ้าง หยุดบ้างเป็นระยะ
09.35 น. เรือเริ่มออกเดินทาง ทางเรือแนะนำว่า โปรแกรมอาจจะเปลี่ยน เพราะมีลมแรง น้ำแรง
จุดแรกที่จะไป คือ เกาะเชือก อยู่ใกล้ๆ เกาะไหงรีสอร์ทเลย
10.30 น. มาถึงเกาะเชือก กลางสายฝน คลื่นมีนิดหน่อย แต่ก็ไม่น่ากลัว ลุยเลยละกัน....
ภาพแรก ก็เหมือนเดิมเลย ลืมปิดแฟลช ทำให้ไปกระทบทราย และวัตถุอื่นๆ สะท้อนแสงออกมา
แล้วก็เลยปิดแฟลชซะ ภาพเลยออกมาชัดขึ้น
ปะการังโขด ปะการังกิ่งไม้เล็ก ดอกไม้ทะเล มีให้เห็นอย่างจุใจ
ปะการังเขากวาง และอีกหลากหลายชนิด รวมทั้งฝูงปลา
ดอกไม้ทะเล สีม่วง มีเป็นดงเลย บริเวณนี้ เกาะเชือก
จะเห็นว่ากระแสน้ำทำให้ดอกไม้ทะเล และคนถ่าย แกว่งตลอดเวลา
กระแสน้ำแรงมาก เวลาที่ถ่ายรูป แรงของน้ำทำให้ภาพไหวเสียเยอะ
ต้องอาศัยรอจังหวะดีๆ และ ถ่ายหลาย Shot ติดๆกัน แล้วเลือกเอา
ผ่านพ้นเกาะเชือกไป 1 เกาะ ตามแพลนจะเหลืออีก 3 เกาะ
ดูเวลา 11.35 น. เรือเปลี่ยนแผน พาไปกินข้าวเที่ยงที่เกาะไหง
ก็กินกันที่ท่าเรือนั่นแหละ ไม่ได้เข้าไปที่ร้านอาหารของเกาะนะ (ดีกว่ากินในเรือน่า...)
อาหารก็ บุฟเฟต์ อร่อยดี เหมือนกัน มีหลายอย่างให้เลือกกินได้
เสร็จแล้วก็เดินเล่น เล่นน้ำที่เกาะไหง (น่าจะเป็นคนละหาดกับที่เคยมาเมื่อ 20 ปีก่อน)
13.30 น. เรียกรวมพลไปเกาะม้า ... นึกในใจว่าคงไปไม่ครบ 4 เกาะแน่เลย...
ก่อนไปเกาะม้า เรือ พามาที่มุมหนึ่งของเกาะไหง พามาดูหินเจ้าแม่กวนอิม
รูปทรงก็ตามแต่จินตนาการของแต่ละคนครับ ว่ากันไม่ได้
ปะการังหลากหลายรูปแบบที่เกาะม้า
ที่เกาะม้า ถือว่าสวยงามมาก มีดอกไม้ทะเล รวมตัวกันเป็นกลุ่ม
พยายามดำลงไปถ่ายใกล้ๆ วัดดวงกับกล้องที่ทนความลึกได้ 3 เมตร
เอาวะ....พังเป็นพังน่า อย่างน้อย Memory ของภาพที่ถ่ายไว้น่าจะกู้ได้
ลงไปก็สู้แรงน้ำไม่ไหว ภาพก็ยังไม่นิ่ง เพราะแรงน้ำพัดตัวเราให้ไหวตลอดเวลา
เจอดอกไม้ทะเลกลุ่มนึง มี 2 สี น้ำเงิน-ขาว
มองเห็นแล้วนึกถึงอะไรรู้ไหม.....ทีม BlackBurn Rover
เฮ้อ...คิดไปถึงเรื่องบอลซะเฉยเลย
15.20 น. เรียกกลับขึ้นเรือ เดินทางต่อไปยัง......ปากเมง
อ้าว....กลับแล้วซีเนี่ย..ยังไม่หนำใจเลย บรรยากาศยังอึมครึมทั้งวัน
ฤดูร้อน ปีหน้า ต้องกลับมาแก้แค้นกันใหม่....เจ้าไหม..ปากเมง...ตรัง....
16.20 น. กลับมาที่ปากเมง รอรถตู้พากลับเข้าเมือง
17.00 น. ถึงเมือง กลับที่พักจัดแจงตัวเอง
ชาร์จแบตกล้องใหม่ ทั้ง 2 ตัว เตรียมตัวรับศึกวันต่อไป
########@@@@@########
4 พฤษภาคม 2552 เวลา 08.00 น. มารอเพื่อนที่มาจา่กสงขลา ที่หอนาฬิกา เตรียมตัวไปภูเก็ต
ก่อนไปก็เหมือนเดิม...อาหารเช้า หมูย่าง ซาละเปา ติ่มซำ โอเลี้ยง คราวนี้ร้านใหญ่หน่อย
หมูย่างจานสุดท้ายพอดี เป็นเศษๆแล้ว เสียอารมณ์มาก
13.00 น. ถึงสะพานรักสารสิน กลับรถไปกินข้าง จั๊กจั่นซีฟู๊ด ที่เคยมากินเมื่อปีที่แล้ว
ปลาหมึกผัดไข่เค็ม อร่อยมาก ขอแนะนำเลย อย่างอื่นก็ปกติกินแล้วไม่ได้ติดใจ
14.40 น. มาส่งเพื่อนที่พัก Laguna Club
โหย...เข้ามาเหมือนเป็นอาณาจักร Laguna เนื้อที่กว้างมาก
ข้างในแบ่งเป็นหลายประเภทที่พัก
บรรยากาศ ความหรูหรา อยากให้พ่อกับแม่มาพักผ่อนจัง
เย็นๆ ก็ไปหาเพื่อนอีกคนที่อยู่ภูเก็ต หาอะไรกินยามเย็น สังสรรค์นิดหน่อย....
เริ่มคันอีกแล้ว สงสัยโดนแตนทะเลอีกแล้ว ทำไมปีนี้โดนทุกทีเลย
ทั้งเกาะเต่า ภูเก็ต ตรัง อาทิตย์หน้าจะลองเกาะกุฏี ระยองดู มันจะคันไหม
########@@@@@########
5 พฤษภาคม 2552 เวลา 12.00 น. เริ่มเดินทางต่อ เติมพลังด้วย ข้าวหน้าเป็ด + เตี๋ยวเป็ด ข้างทางแถวถลางแวะไหว้สวัสดีพ่อเพื่อนซะหน่อย แล้วเข้าไปน้ำตกโตนไทร
สภาพป่ายังอุดมสมบูรณือยู่มาก เดินไปฝนตกไปแบบปรอยๆ
เดินทางต่อไป หาดไนทอน เป็นหาดเล็กๆ ทางเข้าจะต้องข้ามเขาไป
ปัจจุบันพื้นที่ในภูเก็ตถ้าเป็นหาด ถือว่าเป็นทอง มีผู้คนเข้าไปจับจองหมด
ไม่่เว้นแม้แต่ไนทอน และ ลายัณ หาดไร้ชื่อในสมัยก่อน
ไนทอน ในฤดู Low Season ฝรั่งบางตา ไทยไม่มีเลย
ข้ามมาต่อที่หาดลายัณ มีเอกชนจับจองที่หน้าหาดหมดแล้ว
มีเพียงช่องรถเข้าเล็กๆ ที่สามารถทะลุไปหาดได้
บริเวณร่องน้ำ เมื่อน้ำขึ้น จะทำให้บริเวณภูเขาเป็นเกาะ
หาดทรายสงบเงียบ ไม่มีผู้คน นอกจากคนท้องถิ่นทีหาปู ปลาเลี้ยงชีพ
น้ำยังคงใสสะอาดอยู่ ที่นี่ น่าอยู่มาก ใครผ่านมา ลองมาแวะดู ลายัณ
ผ่านมาอีกนิด มาที่อุทยานแห่งชาติ จะมองเห็นวิวของเกาะนี้ชัดเจน
สามารถมากางเต็นท์นอนได้ มีห้องอาบน้ำให้ ไม่มีที่พักเอกชน
ข้ามมาต่อที่เขตของ Laguna Club มีซอยให้เข้า่ในหาดที่โอบล้อมด้วย Laguna Property
โซนที่อยู่ด้านใน ไม่ติดหาด แต่ติด Lagoon
บริเวณติดหาด สถานที่ดูดีเหลือเกิน ด้านหน้าของแต่ละห้องมีเตียงอาบแดด ชมวิว
เย็นๆ ได้เวลา เตรียมตัว หาข้าวกิน เตรียมตัวกลับกทม.
เครื่องออก 23.10 น. ต้องไป Check In ก่อนอย่างน้อย 45 นาที
คันคะเยอจริงๆเลย ทำไมปีที่แล้วไม่คัน ปีนี้คันจริงๆ
ผิวเราผู้ดีขึ้น หรือ ทะเลปั่นป่วนกันแน่เนี่ย.....
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)