Men are from Mars, Women are from Venus
: ผู้ชายมาจากดาวอังคาร
ผู้หญิงมาจากดาวศุกร์
ผู้หญิงส่วนใหญ่สนใจเรื่องความสัมพันธ์มากกว่าความสำเร็จ
พวกเธอสนใจเรื่องความหวังดี ความรัก และการเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน
เมื่อผู้ชายรู้สึกว่าไม่สามารถทำให้ชีวิตของคนใดคนหนึ่งดีขึ้นได้
เป็นเรื่องลำบากที่จะคงความสัมพันธ์แบบเดิมอีกต่อไป
เขาจะตื่นเต้นได้อย่างไรถ้าไม่มีใครต้องการเขาแล้ว
ถ้าอยากตื่นเต้นอีกครั้ง
ต้องมีใครสักคนที่แสดงความชื่นชม ไว้วางใจ และยอมรับในตัวเขา
ถ้าไม่มีใครต้องการเขา ก็เท่ากับว่า เขากำลังตายไปอย่างช้าๆ นั่นเอง
ผู้ชายส่วนมากไม่เคยรู้มาก่อนว่า ความรู้สึกที่มีใครสักคนคอยห่วงใย
สำคัญกับเธอมากขนาดไหน
ผู้หญิงจะมีความสุขเมื่อคิดว่าพวกเธอจะได้ในสิ่งที่ต้องการ เมื่อผู้หญิงไม่พอใจ
อ่อนไหว สับสน เหน็ดเหนื่อย หรือสิ้นหวัง
สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดคือ เพื่อนสักคน เธอไม่ต้องการอยู่คนเดียว
สาเหตุที่ผู้ชายไม่ชอบฟังเวลาผู้หญิงพูดถึงปัญหาก็คือ
มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองทำผิดอะไรสักอย่าง
เด็กผู้ชายคนไหนที่โชคดี
มีโอกาสเห็นพ่อของเขาดูแลแม่ของเขาได้เป็นอย่างดีแล้ว
เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เขาจะมีความมั่นใจว่าสามารถดูแลผู้หญิงที่เขารักได้เช่นกัน
แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ทำอะไรออกไป
เขาก็รู้ตัวว่า ทำได้แน่
คำบ่นที่เกิดขึ้นมากที่สุดในเรื่องของความสัมพันธ์ก็คือ
“ฉันรู้สึกว่าไม่มีใครฟังฉันเลย”
แม้กระทั่งประโยคนี้
ก็ทำให้ผู้ชายตีความหมายผิดได้
คุณจะเห็นว่า ผู้ชายและผู้หญิงมีวิธีคิดและทำไม่เหมือนกัน
ผู้หญิงคิดออกมาดังๆ เล่าความรู้สึกต่างๆให้กับคนอื่น
แม้กระทั่งในปัจจุบัน
ผู้หญิงจะค้นพบสิ่งที่เธอต้องการผ่านกระบวนการพูด
โดยการปล่อยความคิดต่างๆของเธอออกมาผ่านทางการการพูดอย่างอิสระ
ซึ่งช่วยให้เธอพบคำตอบได้ด้วยตัวเอง
แต่ผู้ชายจัดการกับปัญหาแตกต่างโดยสิ้นเชิง ก่อนจะพูดหรือตอบอะไร
พวกเขาจะต้องนิ่งเงียบสักพักเพื่อ
“คิดให้ตก” เสียก่อน ด้วยการอยู่เงียบๆคนเดียว
ค่อยๆแก้ปมออกทีละเล็กทีละน้อย
การไม่ยอมพูดของผู้ชาย ทำให้ผู้หญิงคิดไปในแง่ร้ายเสมอ
เพราะผู้หญิงจะเงียบได้ก็ต่อเมื่อ เธอคิดว่าสิ่งที่เธอพูดนั้น
จะไปทำร้ายความรู้สึกคนอื่น
อย่าแปลกใจเลยว่า
อาการเงียบของฝ่ายชายจึงสร้างความหวั่นไหวให้ผู้หญิงได้มากขนาดนั้น
โปรดอย่าคิดเลยเกิดไปว่า ผู้ชายไม่อยากให้ใครมาเอาใจ
ผู้ชายชอบคนมาเอาใจ แต่ต้องกระทำไปในลักษณะที่ไม่กระทบศักดิ์ศรีของเขา
ซึ่งไม่เหมือนกับสิ่งที่เธอคิด
การให้คำแนะนำจะเกิดประโยชน์ก็ต่อเมื่อ เขาเอ่ยปากขอร้องก่อน
ขณะที่ผู้ชายกำลังหั่นไก่งวงในเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า
ถ้าภรรยาของเขามาคอยบอกวิธีหั่นอยู่ข้างๆเขาแล้ว
จะสร้างความหงุดหงิดและรำคาญให้เขามาก
ในทางตรงกันข้าม
ถ้าผู้ชายเสนอตัวที่จะแนะนำหรือหั่นไก่งวงให้เธอ เธอกลับรู้สึกยินดี
ขณะที่ผู้ชายต้องการความเชื่อใจ ผู้หญิงต้องการความเอาใจใส่
เมื่อผู้ชายพูดกับผู้หญิงว่า “เกิดอะไรขึ้นกับคุณหรือเปล่า?”
พร้อมแสดงความห่วงใยออกมาทางใบหน้า
จะทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นกับความเอาใจใส่ของเขา
แต่เมื่อผู้หญิงพูดด้วยข้อความที่เหมือนกับผู้ชายว่า “เกิดอะไรขึ้นกับคุณหรือเปล่า?”
กลับทำให้เขารู้สึกว่าเธอกำลังดูหมิ่นความสามารถของเขา
และไม่เชื่อว่าเขามีความสามารถพอ
ผู้ชายทำตัวห่างเหินออกไปด้วยความรู้สึกอยากเป็นอิสระหรือเป็นตัวของตัวเอง
เมื่ออยู่คนเดียวจนพอใจแล้ว
เขาก็จะเข้ามาใกล้ชิดเหมือนเดิม
ถ้าผู้หญิงห่างเหินจากคนใดคนหนึ่งไปนานๆ
การที่จะกลับมาใกล้ชิดอีกครั้ง ต้องอาศัยเวลาพอสมควร
ขณะที่ผู้ชายไม่ต้องอาศัยเวลาเลย
นิสัยผู้ชาย เมื่ออยู่ใกล้ชิดกับคนที่รักได้สักพัก
ความรู้สึกอยากเป็นอิสระและอยู่ห่างจากคนที่เขารักก็จะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
แต่ทันทีที่เขาตีตัวห่างออกไป ผู้หญิงจะว้าวุ่นใจทันที
สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงคือ เมื่อเขาอยู่ห่างออกไปและได้รับความเป็นอิสระเต็มที่แล้ว
เขาก็อยากมีความใกล้ชิดอีกครั้ง
ความต้องการของผู้ชายจะสลับไปมาระหว่าง การเป็นอิสระและความผูกพันใกล้ชิด
เมื่อผู้ชายถอยออกไป ไม่ใช่เวลาที่สมควรพูดหรือเข้าใกล้
จงปล่อยเขาไป
หลังจากนั้นสักช่วงเวลาหนึ่ง เขาจะกลับมาเองและทำตัวราวกับว่า
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ช่วงเวลาที่ควรจะพูดคือ
ตอนที่เขากลับมาอีกครั้งหนึ่ง
ตามธรรมชาติแล้ว เมื่อผู้หญิงเปิดใจพูดถึงสิ่งต่างๆโดยไม่เรียกร้องอะไรจากฝ่ายชาย
สิ่งนี้จะกระตุ้นให้ผู้ชายเริ่มพูด
แต่เมื่อใดที่เขารู้สึกว่ากำลังถูกบังคับให้พูดแล้ว
สมองเขาจะว่างทันทีและไม่มีอะไรจะพูด
แม้ว่าเขามีบางอย่างจะพูด
แต่เขาจะไม่พูดออกมา เพราะเขารู้สึกว่ากำลังถูกบังคับให้พูด
ผู้ชายส่วนมากไม่รู้ว่าการที่อยู่ดีๆห่างออกไป
แล้วอยู่ดีๆก็กลับไปหาผู้หญิงนั้น มีผลกับผู้หญิงอย่างไร
เธอต้องการความมั่นใจว่าเขายังรักและเอาใจใส่เธออยู่
เมื่อเริ่มพูดกันอีกครั้ง
ผู้หญิงที่ฉลาดจะไม่เรียกร้องให้เขาพูดก่อน แต่จะขอให้เขาฟังแทน
การทำแบบนี้จะไม่สร้างความกดดันให้ฝ่ายชาย
เธอรู้ว่าจะเปิดเผยความรู้สึกออกมาได้อย่างไร
โดยไม่เรียกร้องเขามากเกินไป
เธอเข้าใจแล้วว่า
การอยู่ใกล้ชิดมากเกินไปก็อาจทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่จะถอยห่างออกมาได้เหมือนกัน
เนื่องจากผู้ชายทุกคน
ต้องการความเป็นส่วนตัวบ้าง
นิสัยผู้หญิงเหมือนกับคลื่นทะเล เมื่อใดที่เธอมีความรัก
ความรักในตัวเองจะขึ้นสูงและลดต่ำลงมาในลักษณะคล้ายกับการก่อตัวของลูกคลื่น
เมื่อเธอรู้สึกดี คลื่นในตัวเธอจะก่อตัวขึ้นถึงจุดสูงสุด
แต่หลังจากนั้นอารมณ์จะเปลี่ยนไป และลูกคลื่นตกลงสู่เบื้องล่าง
เมื่อคลื่นในตัวผู้หญิงขึ้นสูง เธอมีความรักแบ่งปันให้คนอื่นอย่างเหลือเฟือ
แต่เมื่อมันตกลงมา เธอรู้สึกว่าตัวเองว่างเปล่าและโหยหาความรัก
ในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเก็บกวาดและทำความสะอาดอารมณ์ของเธอ
ความสามารถที่จะให้และรับความรัก เป็นภาพสะท้อนที่เธอมีต่อตัวเอง
เมื่อเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ดี เธอไม่สามารถจะยอมรับและชื่นชมคู่ของเธอได้
ในช่วงตกต่ำเธอมีแนวโน้มที่จะอ่อนกำลังหรือมีอาการแสดงตอบทางอารมณ์มาก
เมื่อคลื่นของเธอลงมาจนถึงจุดต่ำสุด
เธอจะกลายเป็นคนอ่อนแอและต้องการความรักมาก
สิ่งสุดท้ายที่ผู้หญิงต้องการเมื่อเธออยู่ในช่วงขาลงก็คือ
คนที่บอกเธอว่าทำไมเธอจึงไม่ควรรู้สึกอย่างนั้น
สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดก็คือ
ใครสักคนที่อยู่กับเธอในช่วงเวลานั้น คอยรับฟังความรู้สึกเธอและเห็นอกเห็นใจเธอ
***
จมลงในบ่อน้ำ – การเข้าสู่ภวังค์แห่งการคิดวนเวียนในทางลบ ประมาณว่า พายเรือในอ่าง
: ความเห็น - ผู้สรุป ***
เมื่อเธอได้รับกำลังใจในช่วงวิกฤตินี้บ่อยขึ้น
ความสัมพันธ์จะมั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ
และเธอสามารถขึ้ยและลงบ่อน้ำของเธอได้โดยไม่เกิดความรู้สึกขัดแย้งในจิตใจ
นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดจากความสัมพันธ์ที่ดี
การอยู่เป็นกำลังใจให้กับฝ่ายหญิงในช่วงที่เธอต้องการคือ
สิ่งที่เธออยากได้มากที่สุด เธอจะค่อยๆเป็นอิสระจากอิทธิพลที่ได้รับในอดีต
อารมณ์ของเธออาจขึ้นและลงเหมือนเดิม
แต่จะไม่สุดขั้วจนกระทบกับความรักที่มีตามธรรมชาติของเธอ
ความรักและกำลังใจจากผู้ชายแก้ปัญหาฝ่ายหญิงไม่ได้ในทันที
อย่างไรก็ตาม ความรักที่เขามีต่อเธอได้ช่วยให้เธอจมลงไปในบ่อน้ำได้ลึกมากขึ้น
เป็นเรื่องโง่มากที่คิดว่าผู้หญิงจะทำตัวดีเสมอต้นเสมอปลาย
เขาต้องเตือนตัวเองว่า
ปัญหาพวกนี้ อาจกลับมาอีกครั้งเมื่อไรก็ได้ แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้ง
เขาสามารถทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้
การที่ผู้หญิงจมลงไปในบ่อน้ำไม่ใช่ความผิดของฝ่ายชาย หรือเกิดจากความล้มเหลวของฝ่ายชาย
แม้ว่าเขาจะเป็นกำลังใจมากขนาดไหนก็ตาม
เขาไม่มีวันป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ได้
แต่เขาสามารถช่วยเธอให้ผ่านช่วงเวลาวิกฤตินี้ไปได้
ผู้หญิงสามารถลอยตัวขึ้นมาได้เองหลังจากจมลงถึงจุดต่ำสุดแล้ว
โดยที่ผู้ชายไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย
เธอไม่เป็นอะไร
ขอเพียงแค่ความรัก ความอดทน และกำลังใจจากเขาเท่านั้น
ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับคนใดคนหนึ่งของผู้หญิง
มีแนวโน้มที่จะทำให้ลูกคลื่นมีขนาดใหญ่ขึ้น
หัวใจสำคัญก็คือ
เธอต้องมั่นใจว่าจะผ่านวงจรนี้ไปได้อย่างปลอดภัย
เพราะมิฉะนั้นแล้วเธอต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เพื่อแสร้งทำว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นปกติ
และข่มความรู้สึกต่างๆไว้ภายใน
คุณเคยอาจได้ยินเรื่องของสามี๓รรยาคู่หนึ่งที่ไม่เคยทะเลาะหรือมีปากเสียงกันเลย
แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่ง ทุกคนก็แปลกใจที่รู้ว่า คู่นี้แยกทางกัน
มีหลายเรื่องที่ฝ่ายหญิงเก็บความรู้สึกในแง่ลบไว้
เพื่อไม่อยากมีปากเสียง
ผลก็คือ
เธอกลายเป็นคนที่เย็นชาและรักใครไม่ได้อีกต่อไป
เมื่อความรู้สึกในแง่ลบที่ปิดบังความรู้สึกในแง่บวกกลับกลายมาเป็นสิ่งที่ต้องถูกปิดบังอีกด้วย
ความรักก็ตายจากไป
การหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการโต้เถียงและทะเลาะกันเป็นสิ่งที่ดี
แต่ไม่ใช่ทำด้วยการเก็บกดความรู้สึกไว้ภายใน
ขณะที่ลูกคลื่นของผู้หญิงตกลงมา
มันเหมาะสำหรับการทำความสะอาดอารมณ์ต่างๆที่ไม่ดีให้หมดไป
ถ้าไม่มีการทำความสะอาดหรือถ่ายเทออกไปแล้ว เธอจะรักใครไม่ได้อีก
ถ้าเธอควบคุมอารมณ์ของเธอไว้ไม่ให้มันเกิดขึ้นมาอีก
จะเป็นการขัดขวางกลไกตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น
เธอจะกลายเป็นคนที่ไม่มีความรู้สึกและสิ้นไร้ไฟเสน่หา
แม้แต่ผู้หญิงที่เข้มแข็งก็ต้องมีวันจมลงในบ่อน้ำของเธอเป็นบางครั้ง
ผู้ชายส่วนใหญ่คิดผิดว่า
ภรรยาที่ประสบความสำเร็จด้านการงาน จะไม่ต้องพบกับเหตุการณ์แบบนี้
แต่ในความจริงนั้น ตรงกันข้าม
เมื่อผู้หญิงอยู่ในโลกของการทำงาน
เธอค่อยๆสะสมความเครียดและมลพิษต่างๆไว้ภายใน
ทำให้ยิ่งต้องการเวลาทำความสะอาดจิตใจมากขึ้นไปอีก
ในทำนองเดียวกัน
ถ้าผู้ชายได้รับความกดดันและทำงานหนักเกินไป
ยิ่งทำให้เขาอยากหนีไปห่างๆเร็วยิ่งขึ้น
ขณะที่ผู้หญิงใส่สูททำงาน เธอสามารถแยกเหตุผลออกจาอารมณ์ได้
แต่ทันทีที่เธอกลับถึงบ้าน
เธอต้องการให้สามีแสดงความรัก ความเอาใจใส่เธอ นี่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องการ
เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องจำไว้ว่า ความรู้สึกอยากจมในบ่อน้ำของเธอ
ไม่จำเป็นต้องส่งผลกระทบถึงความสามารถในการทำงานของฝ่ายหญิง
แต่มันมีผลกับการติดต่อของเธอกับคนที่เธอรักและอยากอยู่ใกล้ชิด
เมื่อผู้หญิงเจ็บปวด
เธออาจทำดูเหมือนกับพยายามกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของเขา
แต่ถ้าเธอได้รับการดูแลและเข้าใจเพียงพอ การตำหนิก็จะอันตรธานหายไป
การพยายามอธิบายว่า
ทำไมจึงไม่ควรเจ็บปวดจากเรื่องอย่างนี้ ทำให้ทุกอย่างอาจแย่ลงไปอีก
บางครั้งเมื่อผู้หญิงกำลังเจ็บปวด
ทางด้านเหตุผลแล้วเธออาจยอมรับได้ว่า เธอไม่ควรจะมาเจ็บกับเรื่องแบบนี้
แต่ด้านอารมณ์แล้วเธอยังเจ็บอยู่และไม่อยากได้ยินจากปากผู้ชายว่าเธอไม่ควรเจ็บปวด
สิ่งที่เธอต้องการก็คือ
ความเข้าใจ ว่าทำไมเธอถึงได้รับบาดเจ็บ
คนส่วนมากไม่เคยรู้มาก่อนว่าผู้หญิงและผู้ชายมีความต้องการทางอารมณ์ที่ไม่เหมือนกัน
จึงไม่รู้ว่าจะดูแลกันอย่างไร
ปกติแล้วผู้ชายจะเป็นฝ่ายเลือกว่าจะคบผู้หญิงแบบไหน
ขณะที่ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายให้ในสิ่งที่เธอต้องการ
ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งคิดว่า
อีกฝ่ายมีความต้องการเหมือนกับตัวเอง
ผลที่ออกมาคือความสัมพันธ์ของทั้งสอง
เก็มไปด้วยความไม่สมหวังและขุ่นเคือง
ทั้งชายและหญิงต่างคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายให้เพียงข้างเดียวโดยไม่ได้อะไรกลับมาเลย
แต่ละฝ่ายรู้สึกว่าทำอะไรให้มากมาย แต่ไม่เคยมีใครเห็นความดีเลย
ความเป็นจริงก็คือ
ทั้งสองฝ่ายเป็นฝ่ายให้ก็จริง แต่ไม่ได้ให้อย่างที่ควรจะเป็น
ผู้หญิงคิดว่า
การถามคำถามด้วยความห่วงใยหรือแสดงความเป็นห่วงอีกฝ่ายหนึ่ง คือการแสดงความรักอย่างหนึ่ง
แต่กลับทำให้ผู้ชายรู้สึกรำคาญ รู้สึกเหมือนถูกควบคุม
และอยากมีเวลาเป็นของตัวเอง จึงทำให้ผู้หญิงไม่เข้าใจ
เพราะถ้าใครทำแบบเดียวกันนี้กับธอ
เธอจะดีใจมาก
วิธีที่ผู้ชายแสดงความรักความห่วงใย
กลับทำให้ผู้หญิงรู้สึกไม่มั่นคงและคิดว่าเขาไม่สนใจใยดีเธอ
เช่น
วิธีการแสดงความห่วงใยของผู้ชายเมื่อเห็นผู้หญิงมีอารมณืโกรธก็คือ
พยายามทำให้ปัญหาของเธอดูเล็กลงด้วยการพูดว่า “อย่าห่วงเลยน่า
ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
ด้วยหวังว่าจะปล่อยให้เธอมีเวลาสำหรับไตร่ตรองเรื่องนี้เงียบๆคนเดียว
แต่การทำแบบนี้กลับทำให้ผู้หญิงรู้สึกว่าเขาไม่สนใจและทอดทิ้ง
ทุกคนต้องการความรัก ผู้ชายและผู้หญิงต่างมีความต้องการความรักฝ่ายละ
6 แบบ เท่ากัน
ผู้ชายต้องการ ความเชื่อใจ การยอมรับ คำชื่นชม การยกย่อง ความพอใจ
และกำลังใจ
ผู้หญิงต้องการ ความเอาใจใส่
ความเข้าใจ ความนับถือ ความจงรักภักดี ความมีเหตุผล และความอบอุ่นใจ
ผู้หญิงและผู้ชายทุกคน ล้วนต้องการความรักทั้ง 12 แบบกันทั้งนั้น
การแยกแยะว่ามี 6 แบบที่ผู้หญิงต้องการนั้น
ไม่ได้หมายความว่าผู้ชายไม่ต้องการความรักแบบนี้
แต่ “ความต้องการพื้นฐาน”
หมายความว่าพวกผู้ชายต้องได้รับความรักทั้ง 6 แบบที่พวกเขาเองต้องการจนพอใจก่อน
จากนั้นจึงจะมองหาความรักแบบที่เหลือต่อไป
ผู้หญิงก็เช่นเดียวกัน
เธอต้องการ คนเอาใจใส่ และ เขาต้องการ ความเชื่อใจ
เธอต้องการ ความเข้าใจ และ เขาต้องการ การยอมรับ
เธอต้องการ ความนับถือ และ เขาต้องการ การชื่นชม
เธอต้องการ การอุทิศตัว และ เขาต้องการ การยกย่อง
เธอต้องการ เหตุผล และ เขาต้องการ ความเห็นชอบ
เธอต้องการ ความมั่นใจ และ เขาต้องการ
กำลังใจ
ผู้ชายมักคิดว่า
เมื่อใดก็ตามที่เขาตอบสนองความต้องการของฝ่ายหญิงได้หมดทุกข้อจนเธอมั่นใจและมีความสุขแล้ว
เธอน่าจะรู้ได้เองว่าเขารักเธอมากแค่ไหน
แต่ที่สำคัญก็คือ
เขาต้องทำอย่างนี้สม่ำเสมอตลอดไป
ในลักษณะเดียวกัน ผู้ชายต้องการกำลังใจจากฝ่ายหญิง
ผู้หญิงให้กำลังใจผู้ชายได้ด้วยการแสดงความไว้วางใจและเชื่อมั่นในความสามารถของเขา
เมื่อผู้หญิงแสดงความเชื่อใจ ยอมรับ ชื่นชม ยกย่องและพอใจออกมา
จะทำให้ผู้ชายทำได้ทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อเธอ
กำลังใจที่ได้รับนั้น
กระตุ้นให้เขาทำให้เธอเกิดความอบอุ่นใจได้
ความรักในสายตาของผู้หญิงคือความเอาใจใส่ ความเข้าใจ และอื่นๆ
เธอมอบสิ่งเหล่านี้ให้ผู้ชายโดยอัตโนมัติ
แต่สำหรับผู้ชายแล้ว
การเอาใจใส่แบบนี้กลับทำให้เขารู้สึกว่าเธอไม่เชื่อใจเขา ผู้ชายต้องการความเชื่อใจ
ไม่ใช่การเอาใจใส่
มีหลายคู่ที่ต้องเลิกร้างกันไปเมื่อความสัมพันธ์ลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ
ความสัมพันธ์จะกลายเป็นเรื่องง่าย ถ้าเราเข้าใจความต้องการพื้นฐานของอีกฝ่ายหนึ่ง
เราไม่ต้องให้มากกว่าเดิม เพียงแค่ให้ในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการเท่านั้น
ซึ่งไม่ทำให้เหนื่อยเพิ่มขึ้นเลย
ความเข้าใจในเรื่องความแตกต่าง 12 ประการนี้
ทำให้รู้ว่าทำไมวิธีการให้แบบเดิมจึงใช้ไม่ได้ผล
ถ้าต้องการตอบสนองความต้องการของอีกฝ่ายหนึ่ง
คุณต้องเรียนรู้ว่า “จะให้ความรักแบบที่เขาหรือเธอต้องการ ได้อย่างไร”
วิธีฟังโดยไม่รู้สึกโกรธ
ข้อควรจำ สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ
ข้อควรจำ สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ
1. ความโกรธเกิดขึ้น
เนื่องจากไม่เข้าใจความคิดของเธอ และนี่ไม่ใช่ความผิดเธอ
|
1. เป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องเข้าใจผู้หญิง
อย่าตำหนิเธอที่ทำให้คุณไม่พอใจ ขอให้เริ่มต้นฟังเธอใหม่อีกครั้ง
|
2. ความรู้สึก ไม่จำเป็นต้องสมเหตุสมผลตลอดไป
แต่มันมีอยู่จริงและต้องการความเห็นอกเห็นใจ
|
2. ให้หายใจลึกๆ อย่าพูดอะไรออกมา
ปล่อยตัวให้สบายและปล่อยให้สิ่งต่างๆผ่านไป โดยไม่เข้าไปควบคุม
พยายามมองสิ่งต่างๆจากมุมมองของเธอ
|
3. ความโกรธอาจเกิดจาก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น
แม้ว่าเธอจะไม่รู้สึกดีขึ้นทันที
ความเข้าใจและความอดทนของคุณช่วยเธอได้มาทีเดียว
|
3. อย่าไปตำหนิเธอ ถ้าเธอไม่ดีขึ้นจากการแก้ปัญหาของคุณ
เธอจะรู้สึกดีขึ้นได้อย่างไร เมื่อทางแก้ปัญหาไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ
จงอดทนและอย่าเสนอทางแก้อะไรอีก
|
4. คุณไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือเข้าใจกับสิ่งที่เธอทำเสมอไป
หรืออยากได้รับคำชมที่อดทนฟังเธอพูด
|
4. ถ้าคุณอยากแสดงความเห็นที่แตกต่างออกไป
ต้องแน่ใจว่าเธอพูดจบแล้ว และถ้าต้องการแสดงความเห็น
ขอให้พูดถึงความเห็นของเธอเสียก่อนและอย่าขึ้นเสียงเด็ดขาด
|
5. คุณสามารถเป็นผู้ฟังที่ดีได้
โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจเรื่องที่เธอพูดมาทั้งหมด
|
5. บอกเธอให้รู้ว่าคุณไม่เข้าใจ แต่ต้องการเข้าใจให้มากขึ้น
ถ้าคุณไม่เข้าใจ ก็เป็นความรับผิดชอบของคุณไม่ใช่เธอ
อย่าคิดไปก่อนว่าเธอไม่มีวันเข้าใจ
|
6. ไม่ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับคุณ
เธออาจแสดงให้เห็นราวกับว่ากำลังตำหนิคุณ แต่ในความเป็นจริงแล้ว
เธอต้องการความเห็นใจ
|
6. ยับยั้งความรู้สึกป้องกันตัวเองเอาไว้จนกว่าเธอจะรู้สึกว่า
คุณเห็นใจและเอาใจใส่เธอ หลังจากนั้นจึงคอยอธิบายหรือพูดคำขอโทษ
|
7. ถ้าเธอทำให้คุณโกรธจัด บางทีอาจเกิดจากการที่เธอไม่เชื่อใจคุณจริงๆก็ได้
ลึกลงไปในใจของผู้หญิงแล้ว เหมือนกับเด็กเล็กๆที่ไม่กล้าเปิดเผยตัวเอง
เนื่องจากกลัวจะถูกทำร้าย ซึ่งเด็กคนนี้ต้องการความเมตตา
|
7. อย่าโต้เถียงกับความรู้สึกและความเห็นของเธอ
เก็บเรื่องนี้ไว้พูดภายหลังตอนที่อารมณ์เย็นลงจะดีกว่า
|
เคล็ดลับของการทำให้มีผู้ชายมีอำนาจก็คือ อย่าพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงเขา แน่นอนที่สุด คุณต้องการให้เขาเปลี่ยนแปลง
แต่อย่าทำตามความต้องการของตัวเองจนกว่าเขาจะเอ่ยปากขอคำแนะนำ
ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้คุณได้เปลี่ยนแปลงตัวเขา
เธอมองเห็นวิธีที่จะเปลี่ยนแปลงตัวผู้ชายได้นับหมื่นนับแสนวิธี ที่เธอคิดว่าการทำอย่างนี้เป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่ง
แต่กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกเธอควบคุม เขาจึงไม่ยอมทำตาม
เมื่อผู้หญิงพยายามเปลี่ยนแปลงผู้ชาย
ทำให้ผู้ชายรู้สึกว่า ไม่ได้รับการยอมรับว่าเขาสามารถพัฒนาได้ด้วยตัวเอง
ในโลกนี้มีผู้ชายอยู่สองแบบ แบบหนึ่งคือพวกที่ปิดกั้นตัวเองและดื้อรั้นไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตามคำขอร้องของผู้หญิง
อีกแบบหนึ่งคือพวกที่ยอม
แต่หลังจากนั้นอีกสักพักก็กลับไปเป็นแบบเดิม
ผู้ชายนั้นถ้าไม่ต่อต้านในทันทีทันใด
ก็ต่อต้านทางอ้อม
เมื่อผู้ชายไม่ได้ความรักอย่างที่ต้องการแล้ว เขาจะประพฤติในสิ่งที่ผู้หญิงไม่ชอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยที่เขาอาจรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้
เขาจะทำตัวแบบนี้จนกว่าเขาจะได้รับความรักและการยอมรับก่อน
วิธีทำให้เลิกคิดเปลี่ยนแปลงผู้ชาย
สิ่งที่ผู้หญิงต้องรู้ สิ่งที่ผู้หญิงควรทำ
สิ่งที่ผู้หญิงต้องรู้ สิ่งที่ผู้หญิงควรทำ
1. ขณะที่เขากำลังหัวเสีย อย่าถามเขามากเกินไป
เพราะเขาจะรู้สึกว่าคุณพยายามเปลี่ยนแปลงเขา
|
1. ทำเป็นไม่สนใจ จนกว่าเขาต้องการคุยเรื่องนี้กับคุณ
ถ้าต้องการชวนเขาคุยเรื่องนี้ ให้แสดงออกแต่อย่ามากนัก
|
2. อย่าได้คิดเปลี่ยนแปลงผู้ชายเด็ดขาดไม่ว่าวิธีไหนก็ตาม
เขาอยากให้คุณรักเขาไม่ใช่ปฏิเสธเขา
|
2. ปล่อยให้เขาเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง
บอกให้เขารู้ว่าคุณคิดอย่างไร แต่อย่าแสดงความต้องการให้เขาเปลี่ยนแปลงออกมา
|
3. การให้คำแนะนำของคุณอาจทำให้เขารู้สึกว่าคุณกำลังควบคุม
ไม่เชื่อใจและไม่ไว้วางใจเขา
|
3. ขอให้อดทนและมั่นใจว่าเขาจะเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
อดทนจนกว่าเขาจะเอ่ยคำขอร้องออกมา
|
4. เมื่อผู้ชายดื้อรั้นและไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
แสดงว่าเขารู้สึกว่าคุณไม่รักเขา เขาไม่กล้ายอมรับผิดเพราะเกรงว่าคุณจะทิ้งเขาไป
|
4. แสดงให้เห็นว่า แม้เขาจะไม่สมบูรณ์ 100% คุณก็ยังรักเขา ฝึกการให้อภัยให้มากเข้าไว้
|
5. ถ้าคุณยอมเสียสละโดยหวังว่าเขาจะทำแบบเดียวกันแล้ว
จะทำให้เขารู้สึกว่าคุณกดดันหเขาต้องเปลี่ยนแปลง
|
5. ฝึกช่วยตัวเอง อย่าเอาความสุขของตัวเองไปขึ้นกับเขามากเกินไป
|
6. คุณสามารถแสดงความรู้สึกในแง่ลบให้เขารับรู้ได้
โดยไม่พยายามไปเปลี่ยนแปลงตัวเขา เมื่อเขารู้สึกว่าได้รับการยอมรับ
เขาก็พร้อมที่จะฟังง่ายขึ้น
|
6. ขณะที่คุณแสดงความรู้สึกออกมา
จงแสดงให้เขาได้รู้ว่าคุณไม่ได้บังคับให้เขาต้องเปลี่ยนแปลงอะไร
แต่อยากให้เขาเก็บไปคิด
|
7. ถ้าคุณกำหนดทิศทางและตัดสินใจแทนเขาแล้ว
เขาจะรู้สึกว่าถูกลงโทษและบังคับ
|
7. ขอให้หัดเป็นฝ่ายยอมบ้าง ยอมรับอย่างที่เขาเป็นอยู่ให้ได้
หมั่นสนใจความรู้สึกของเขาให้มากกว่าความดีพร้อมของเขา และอย่าพยายามสอนเขา
|
การมีปากเสียงกัน
ก็คือหัวใจของการทำลายความสัมพันธ์นั่นเอง
แม้ว่าความแตกต่างละความเห็นที่ไม่ตรงกันจะทำให้แต่ละฝ่ายเจ็บปวด แต่วิธีที่แสดงออกของแต่ละฝ่ายกลับสร้างความเจ็บปวดได้มากกว่าเสียอีก
ถ้าพูดกันในทางทฤษฎีแล้ว
การมีปากเสียงไม่จำเป็นต้องให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแพ้เสมอไป
แต่น่าจะเป็นการพูดจาเพื่อบอกความจริงให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับรู้เท่านั้น
แต่ในทางปฏิบัติ
คนส่วนใหญ่เริ่มต้นมีปากเสียงกันด้วยเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ 5 นาทีหลังจากนั้น
จะมาโต้เถียงกันเรื่องวิธีแสดงออกของอีกฝ่ายหนึ่งแทน
วิธีแก้ปัญหาคือ
ต้องเปิดใจให้กว้าง เคารพและยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น
เพื่อเลี่ยงการมีปากเสียง เราต้องระลึกอยู่เสมอว่า สิ่งที่อีกฝ่ายสนใจไม่ใช่สิ่งที่พูดออกไป แต่อยู่ที่วิธีการพูดต่างหาก
วิธีที่ดีที่สุดที่จะหยุดการมีปากเสียงได้คือหุบปากไว้
เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่
ค่อยกลับมาพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่งด้วยความรักและเคารพซึ่งกันและกัน
ถ้าไม่อยากเสียเวลามีปากเสียงกันต่อไป ผู้ชายและผู้หญิงต้องร่วมมือกัน
ขอเพียงแค่นึกถึงความต้องการของอีกฝ่ายให้ได้ก่อนว่า
มีอะไรบ้าง แบะหาทางตอบสนองความต้องการนั้น เพียงเท่านี้ การมีปากเสียงก็จะไม่เกิด
เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดการมีปากเสียงกัน เราต้องตระหนักอยู่เสมอว่า
ผู้ชายแสดงอาการไม่ยอมรับออกไปโดยไม่รู้ตัว
ส่วนผู้หญิงก็แสดงอาการไม่เชื่อใจผู้ชายออกไปโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน
ต้นเหตุที่ทำให้ผู้หญิงมีปากเสียงก็คือ เธอไม่แสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ แทนที่จะบอกว่าชอบหรือไม่ชอบตรงไหน
ผู้หญิงกลับเลือกใช้คำถามที่ซับซ้อนและสื่อถึงความไม่เชื่อใจไปยังฝ่ายชายโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจะสื่อออกไป
แต่ผู้ชายกลับได้ยินและรู้สึกอย่างนั้น
ผู้ชายทนความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันของผู้หญิงได้ แต่ทนความรู้สึกว่าเธอไม่ยอมรับเขาไม่ได้
จงจำไว้ให้ดีว่า ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้คำได้เหมาะสมมากขนาดไหนก็ตาม แต่สำเนียงที่คุณพูดออกไปมีความสำคัญมากที่สุด
แม้ว่าคุณจะเลือกใช้ประโยคที่ถูกต้องทุกคำ
แต่ถ้าคู่ของคุณไม่รู้สึกว่าคุณรัก มีเหตุผล และยอมรับแล้ว
ความตึงเครียดจะยิ่งทวีมากขึ้น
ผู้ชายไม่เคยตระหนักว่า สำหรับผู้หญิงแล้ว ของเล็กๆน้อยๆ มีความสำคัญเท่ากับของชิ้นใหญ่ๆ หรือ พูดอีกอย่างก็คือ ดอกกุหลาบเพียงช่อเดียวมีค่าเท่ากับการจ่ายค่าเช่าบ้านให้เธอทั้งเดือน ( จริงหรือ ? : ความเห็น - ผู้สรุป )
การทำสิ่งเล็กๆน้อยๆให้ผู้หญิง ช่วยเยียวยาความรู้สึกของฝ่ายชายอีกด้วย เพราะความจริงแล้วสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้แหละ ที่จะรักาความไม่พอใจของเขาและเธอได้
เขารู้สึกมีอำนาจมากขึ้นเมื่อรู้ว่าสามารถทำให้เธอได้ในสิ่งที่ต้องการ
ทั้งสองฝ่ายได้รับการตอบสนองเต็มที่
ผู้หญิงต้องยอมรับความจริงว่า เป็นธรรมชาติของผู้ชายที่ชอบสนใจแต่เรื่องใหญ่ๆ มากเสียจนมองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไป
ถ้ายอมรับความจริงข้อนี้ได้ จะไม่ทำให้เธอต้องเจ็บปวดจากพฤติกรรมของเขามากนัก
แทนที่จะโกรธเมื่อเขาไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเธอ
เธออาจช่วยแก้ปัญหาไปพร้อมกับเขาแทน
เธอสามารถบอกให้เขารู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ว่า เธอชื่นชมกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ
และสิ่งใหญ่ๆที่เขาทำเพื่อเธอ
ผู้หญิงมีความสามารถพิเศษในการแสดงอาการชื่นชมสิ่งเล็กๆน้อยได้มากพอกับสิ่งใหญ่ๆ ซึ่งเปรียบเสมือนกับหยดน้ำทิพย์สำหรับผู้ชาย
ผู้ชายชอบแสวงหาความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ
เพราะเชื่อว่ามันทำให้เขามีคุณค่ามากพอที่จะให้คนอื่นรักได้
ผู้หญิงสามารถรักษาอาการเสพติดความสำเร็จของผู้ชายได้ โดยชื่นชมกับสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เขาทำให้
ผู้หญิงไม่ชอบพูดว่าต้องการอะไร แต่หวังว่าถ้าคุณรักเธอจริง คุณจะเข้าใจเธอว่าเธอต้องการอะไร
เมื่อคุณรู้ว่า สิ่งไหนที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บแล้ว บอกให้เขารู้ว่าคุณเสียใจ ที่สำคัญที่สุด ให้ความรักอย่างที่เขาต้องการ
ถ้าเขารู้สึกว่า ไม่ได้รับการชื่นชม จงชื่นชมกับสิ่งนั้น
ถ้าเขารู้สึกว่า ถูกปฏิเสธ หรือถูกควบคุม
จงให้ความเชื่อถือและไว้วางใจกับเขา
ถ้าเขารู้สึกว่า ไม่ได้รับการไว้วางใจ จงให้ความเชื่อใจกับเขา
ถ้าเขารู้สึกว่า กำลังได้รับการดูถูก จงให้คำยกย่องที่เขาต้องการ
ยิ่งผู้หญิงสามารถเปิดใจและแสดงความรู้สึกได้มากเท่าไร ยิ่งทำผู้ชายสามารถเปิดเผยความรู้สึกที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บได้มากเท่านั้น