ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ช่วงชีวิตที่ตกหล่น(ไม่ได้ตกต่ำ) - บนภูทับเบิก

29 ธันวาคม 2009 (ติดเขียนแบบ คศ.จริงๆ ถ้ารับไม่ได้ ให้ข้ามไป)
กลับบ้าน นครสวรรค์ ด้วยความที่นัดเพื่อนๆ ไว้ จะไปเที่ยวภูทับเบิก เพชรบูรณ์
นัดล่วงหน้ากันเกือบปี
บ่ายๆ ออกเดินทาง จากกทม. กะว่าจะไปเจอเพื่อนเช้า 30 ธันวาคม 2009
พอมาถึงบ้าน นครสวรรค์ นั่งตูดไม่ทันอุ่น มันโทรมาแล้วครับ
มัน คือ ไอ้อู๊ด ต้นตอ โปรเจคนี้
"กูออกจากสุโขทัยมาแล้วว่ะ ตอนนี้ กูกะลังจะถึงพิด'โลก....กูเหงา กูไม่มีเพื่อนนอน"
"มึงอยู่ไหน...มาเจอกูที่พิด'โลก ได้ไหมวะ"
อ้าว...เอาแล้วไง เพิ่งนั่งที่บ้าน ก็เลยรีบ ตาลี ตาเหลือก
"เออ...เดี๋ยวกูไป" ตอบเหมือนทุกครั้งที่มีเวลาให้เพื่อน

จัดแจงเตรียมของเพื่อที่จะยาวไปทับเบิกเลย
เอ๊า....ไปต่อดิ ขับรถต่อไปอีก ราว 2 ชั่วโมง
นัดแนะเพื่อนอู๊ด เจอกัน ปตท. ก่อนถึงเมืองพิษณุโลก

ว่าแล้วก็ไปหาที่พัก โดยผมโทรถามญาติๆ ที่อยู่ที่นั่น
ญาติที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนในชีวิต
ญาติที่ผมคิด และพยายามอยากจะเจอ
ญาติที่คอยหลบเลี่ยงผมมากกว่า 2 ครั้ง

ได้ที่พักครับ BP (ชื่อเหมือนน้ำมันเครื่อง) ราคาไม่แพง 300-400 บาท/คืน
ว่าแล้ว จัดแจงเก็บของ แล้วไปหาของกิน
โดยผมหวังว่า จะได้เจอญาติ ที่ไม่เคยเจอกัน หวังตลอดเวลาที่อยู่ พื้นที่นี้

กลางคืน คงไม่ต้องอธิบาย ว่า ผมกับเพื่อนทำอะไรกัน....
แม่งกรนโคตรดัง....ผมว่าผมแน่แล้วนะ...มันยิ่งกว่าผมอีก
ผมนอนไม่หลับ คิดถึงญาติ คิดอะไรหลายๆอย่าง หรือ ไม่หลับเพราะเสียงกรนกันแน่
ผมคนเดียวที่ตอบได้

เช้าวันรุ่งขึ้น นัดแนะเพื่อนอีกคนมาเจอกัน ตามกำหนดเวลา ที่นัดล่วงหน้าเกือบปี
หาไรกินกัน แล้วเดินทาง โดยมี GPS ที่ผมเพิ่งเคยเล่นจากที่ลูกชายสอนมาไม่กี่วัน
( GPS ที่ยืมมาจากพี่ชายซะอีกด้วย)

ขับรถตามทางมาเรื่อยๆ พอถึงแยกที่จะขึ้นทับเบิก
ก็แวะเติมพลังด้วย ขนมจีนหล่มสัก OTOP ที่พยายามโปรโมท ในท้องที่

ขึ้นทับเบิกครับ ทางบางช่วงก็ยังทำอยู่ ไม่เหมาะสำหรับรถเก๋ง หรือ รถโหลด
แต่ก็มีขึ้นไปครับ ยิ่งเทศกาลแบบนี้ด้วย ช่วยทำให้รถติดกันดีจัง
รถติดกันบนเขา ไม่สนุกหรอก


จะเห็นว่าบางช่วง ไม่มีแผงกั้นข้างถนน
นี่ยังไม่นับถนนลูกรัง ที่เสียหาย
เป็นหลุมเป็นบ่อ ให้รถเตี้ยๆ หยอดเล่น



พอเริ่มขึ้นเขา ทางเริ่มชันขึ้น
ระหว่างทาง ก็ ใช้วิทยุสื่อสาร บอกเพื่อน
"เฮ๊ย...ถูกใจว่ะ ทางแบบนี้ กูชอบ"
ผมพูดถึงถนนขึ้นเขาที่เป็นโค้งหักศอก พับไปมา
ทำให้นึกถึงบรรยากาศตอนทริป 1 อาทิตย์ ที่แม่ฮ่องสอน..หมดตูดถึงกลับ.


ขึ้นมาถึง ก็ตามที่คาดครับ รถจอดกันเต็ม แออัดใช้ได้เลย

รถเพื่อนอู๊ด เข้าในเลยครับ ขวางชาวบ้านไว้
รถผม D-Max Club 4175 จอดต่อกลาง
ส่วนรถเพื่อนอีกคันก็ปิดท้ายขบวนรถ ที่ขวางชาวบ้าน

ทำให้เราต้องหาที่กางเต๊นท์ใกล้รถไว้ เผื่อใครมีธุระ ก็จะได้เอารถออกให้ได้



เพื่อนอู๊ด มาคนเดียว เต๊นท์ขนาดกำลังดี

เพื่อนพงษ์ มากัน 3 คนพ่อแม่ลูก เต๊นท์มันนิดเดียวเอง

มีผมคนเดียว ที่ขนาดกว้างขวาง โอ่อ่า แต่นอนคนเดียว (จริงๆแล้วเตรียมเผื่อไว้เฉยๆ)

ก็ชวนเพื่อนพงษ์มานอนด้วย มันก็เออออห่อหมก




เส้นทางที่ขึ้นมา คดเคี๊ยว เลี้ยวลด ได้ โดนใจจริงๆ

ชอบ...ชอบ...แบบนี้

ขับรถสนุกดี มีอะไรให้ดูระหว่างทาง
หมอกมีตลอด ตั้งแต่เย็นเลย


ผม กับเพื่อนๆ นั่งจิบเบียร์
เมียเพื่อนทำอาหาร
แหม..สำราญใจจริง
กินไปหนาวไป ด้วยความที่รีบมา
ไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวไว้
มีเสื้อในรถเท่าไร เอามาใช้หมด
ไฟส่องถนน ช่วงกลางคืน มีเป็นช่วงๆเท่านั้น










เช้ารุ่งขึ้น เราตื่นกันแต่เช้าครับ
เป็นปกติของการไปเที่ยว
ต้องแหกขี้ตามาดู พระอาทิตย์
หมอกลงจัดมาก ขนาดลมแรงๆ
หมอกยังมีตลอดเวลา













นายแบบ ที่หนีลูก หนีเมียมาคนเดียว
ต่างจากผม ที่มีคนหนีผม....555


























 
 
ต้องมีผักแบบนี้ ครับ ถึงจะเรียก ทับเบิก
ซากุระไทย หรือ นางพญาเสือโคร่งที่ร้านค้าเอามาปัก ตัดมาปักนะครับ เพื่อการค้า ไม่ได้ขึ้นที่ตรงนั้นเลย
 
 นายแบบ นางแบบ ยืนหนาว เกาะกิ่งมะนาวนอนนิ่ง


31 ธันวาคม 2009 เดินทางกลับ 
เจอสมาชิก D-Max Club ทักทางด้วย แต่ไม่ทันได้ทักทายกลับ พอดีไม่รู้จริงๆ
มารู้ว่าใช่ ก็จากกระจกมองหลังน่านแหละ

ปีหน้า ก็คงหาที่กันใหม่ 
ผมคนนึงละ ไม่ชอบเลย เที่ยวตอนเทศกาลเนี่ย