ก็ราวๆปี 2533 นู่นเลย
อาจจะเป็นเพราะวัยในขณะนั้น กระบวนการเรียนรู้ในขณะนั้น
ความคิดที่อยากเรียนรู้โลก มันมีมากมาย หลายรูปแบบเหลือเกิน
สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้ คือ การให้
การมอบอวัยวะของเราเอง ให้แก่ผู้ที่ต้องการ เมื่อวันที่เราจากไปจากโลกนี้
ผมเริ่มเรื่องกับทางบ้าน ว่าต้องการจะบริจาคอวัยวะ และดวงตา
( ต้องบอกก่อน เพราะว่า พ่อ แม่ มีสิทธิ์ ที่จะไม่ให้ก็ได้ เมื่อเราจากไปแล้ว นั่นเอง )
ด้วยวัย และ ชีวิตช่วงนั้น ที่เรียนอยู่ พ่อ แม่ จำต้องยอมรับ
อาจจะกลัวลูกเพี้ยน แล้วต่อต้าน จนไม่อยากเรียนให้จบ
สุดท้ายผมก็ได้บริจาคดั่งใจ ด้วยการโทรไปขอเอกสารจากสภากาชาดไทย
ทั้งศูนย์รับบริจาคอวัยวะ http://www.organdonate.in.th/
และศูนย์ดวงตา http://www.eyebankthai.com/
เ่อ่อ....ยุคนั้น ไม่มีอินเตอร์เน็ตแพร่หลายนะครับ ทำได้เพียง
โทรฯ > รอเอกสาร > กรอก > ส่งเอกสารกลับ > รับบัตร
ไปที่ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทยกันก่อน
http://www.organdonate.in.th/
ที่นี่ อวัยวะและเนื้อเยื่อที่บริจาคได้ คือ
หัวใจ
- หัวใจใหม่นี้จะได้รับจากผู้เสียชีวิตด้วยภาวะสมองตายและได้บริจาคอวัยวะให้ โดยได้รับความยินยอมจากญาติ
ลิ้นหัวใจ ผู้เสียชีวิตที่สามารถบริจาคลิ้นหัวใจมี 3 ประเภท คือ
- ผู้เสียชีวิตจากสมองตาย ที่บริจาคอวัยวะเพื่อการปลูกถ่ายอวัยวะ แต่หัวใจมีสภาพไม่เหมาะสมที่จะนำไปปลูกถ่ายได้
- ผู้เสียชีวิตที่หัวใจหยุดเต้น ทั้งนี้ผู้บริจาคต้องไม่มีข้อห้ามในการนำลิ้นหัวใจไปใช้ ซึ่งจะพิจารณาจาก อายุ สาเหตุการเสียชีวิต ระยะเวลาที่เสียชีวิต การติดเชื้อต่าง ๆ เป็นต้น
- ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายหัวใจใหม่ สามารถบริจาคหัวใจดวงเก่าไม่มีพยาธิสภาพที่ลิ้นหัวใจ
ปอด
- ปอดใหม่นี้จะได้จากผู้เสียชีวิตด้วยภาวะสมองตาย และได้บริจาคอวัยวะให้โดยได้รับความยินยอมจากญาติ
ตับ
- ตับใหม่ได้มาจากผู้ที่เสียชีวิต โดยภาวะสมองตาย ซึ่งญาติผู้เสียชีวิตได้เห็นประโยชน์ และยินยอมบริจาค
ไต ได้มาจากไหนได้บ้าง
- จากญาติร่วมสายเลือดกัน อาจเป็นพี่น้อง พ่อแม่ หรือลูกที่เต็มใจบริจาคไตข้างหนึ่งให้ผู้ป่วย
- จากผู้เสียชีวิตโดยภาวะสมองตาย โดยผู้ตายได้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะไว้ก่อนตาย หรือได้รับความยินยอมจากญาติ
** ผู้ที่รอรับไต จะต้องมีหมู่เลือดเดียวกับผู้บริจาค และต้องมีการตรวจการเข้ากันได้ของเนี้อเยื่อด้วย
ปัจจุบันอัตราการบริจาคอวัยวะในประเทศเรายังมีจำนวนน้อย เมื่อเทียบกับความต้องการของผู้ป่วยระยะสุดท้ายเหล่านี้ ประมาณว่ามีผู้ป่วยโรคตับระยะสุดท้าย ที่ต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนตับ จำนวนหลายพันคนต่อปี ในขณะที่ผู้บริจาคอวัยวะมีไม่ถึงร้อยคนต่อปี
วิธีแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ ไปที่ Link นี้ได้เลย
http://www.organdonate.in.th/?page_id=86
ความเชื่อผิดๆ ของการบริจาค ที่ผมเองถูกทางบ้านต่อต้านในช่วงแรกๆ ก็คือ
การเกิดมาในชาติหน้า จะไม่มีอวัยวะ ??
ถ้าจะตอบแบบอารมณ์ช่วงนั้น หรือ ช่วงวัยนี้ แบบที่ใช้อารมณ์ คำตอบคือ
"ผมไม่แคร์สักนิด กับชาติหน้า"
เพราะหากคุณเชื่อในชาติหน้า ชาตินี้ คุณฆ่ามด ฆ่าปลา
ชาติหน้าคุณก็ต้องเกิดมาเป็นมด เป็นปลา ให้เจ้ากรรมฆ่ากลับคืน
แล้วถ้าคิดกับแบบนี้ กรรมมันจะวนเวียน ซึ่งไม่ใช่แนวทางที่พุทธศาสนาสอน
หรือใช่ หว่า ??
การเกิดมาในชาติหน้า จะไม่มีอวัยวะ ??
คนที่คิดแบบนี้ คือ พวกคิดไปเอง ไม่ศึกษา และคิด
ฟังแล้ว ก็ เชื่อตามนั้น ขอร้องเถอะครับ
หยุดเชื่อ โดยปราศจาก กระบวนการคิด โดยเฉพาะ กับการบริจาคอวัยวะ !!
----------------------------------------------------------------
ไปที่ ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทยกันต่อ อันนี้ สั้นๆ
http://www.organdonate.in.th/
วิธีการก็เหมือนกับการบริจาคอวัยวะ นั่นละ
----------------------------------------------------------------
ลูกสาวของเพื่อนผมคนหนึ่ง ก็เฝ้ารออวัยวะ มานานหลายปี
น้องหยก มีปัญหากับอวัยวะของร่างกาย ซึ่งเป็นที่จุดไหน ผมก็ไม่รู้รายละเอียดมาก
จนถึงวันหนึ่ง น้องหยก ก็ได้จากพวกเราไป ทิ้งภาพรอยยิ้มของเด็กน้อยวัยสดใส
ที่สำคัญ เหตุการณ์ดันเกิดในช่วงน้ำท่วม 2554
ที่วันนั้น ผมนัดแนะกับเพื่อนว่าจะไปร่ำลา น้องหยก ครั้งสุดท้าย ที่ จ. กำแพงเพชร
แต่ปรากฎว่า น้ำดันมาท่วมถนนสายเอเซีย ในคืนก่อนวันเผาเลยทำให้ พวกเราไปหานางฟ้าตัวน้อยๆไม่ได้
คนที่รออวัยวะ เป็นคนใกล้ตัวคุณๆเข้ามาทุกขณะ
ร่วมกันเถอะครับ บริจาคร่างกาย บริจาค ร่างที่คุณไม่ได้ใช้แล้ว
ให้แก่ผู้ที่ยังสามารถทำประโยชน์ต่อประเทศชาติได้
ผมมีความเชื่อ ว่า คนที่ได้รับอวัยวะไปนั้น
จะไม่เป็นคนเลว จะไม่ทรยศชาติ หรอกครับ