ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ซ้ำๆ ภูเก็ต กระบี่ พัทลุง : อ่านด้วยตา อ่านด้วยใจ

โอกาสของการเดินทางเปิดกว้างเสมอ สำหรับผู้ที่พร้อมเดินทาง
ข้อความนี้น่าจะเป็นจริง เมื่อวันหยุดยาวๆ 4 วัน เดินทางมาถึง
โอกาสแบบนี้ หาได้ยากมาก หยุดแบบที่ไม่ใช่สงกรานต์ ปีใหม่
ที่ผู้คนมากมาย หลากหลายชอบเดินทางกลับบ้านกัน


แล้วโอกาสแบบนี้ละ ที่ต้องเดินทาง เดินให้ไกล เดินไปอย่างที่อยากไป
16 กรกฎาคม 2011 เดินทางแต่เช้าด้วยสายการบินหางแดง
เป็นการวางแผนที่จะเดินทางล่วงหน้า อาทิตย์เดียว โดยที่ไม่ได้กำหนดวันชัดเจน
แรกเริ่ม จะเดินทางโดยเอารถขับไปเอง กะไว้ว่า สี่วัน สามพันกิโลเมตร


แต่แล้ว เหตุการณ์เปลี่ยนนิดหน่อย ทำให้เวลาหายไป
เลยทำให้ต้องเดินทางโดยหางแดง แบบด่วนๆๆๆ ลงไปภูเก็ตก่อน เพราะสาธารณูปโภคพร้อมกว่าจังหวัดอื่นๆ ที่สำคัญ มีเที่ยวบินเช้าๆ ให้เลือก
ก่อนเดินทางไม่กี่ชั่วโมง โทรสั่งท่านประธานให้หารถเช่าให้ด่วนๆๆๆ
แบบโทรสั่งสามทุ่มกว่าๆ เพื่อเอารถ พรุ่งนี้เช้า


07:50 น.ได้เวลาหางแดงออกเดินทาง สู่ภูเก็ตยามเช้า
รอบนี้ได้นั่งท้ายๆ ติดหน้าต่าง เลยได้มีโอกาส ส่องพื้นดินและท้องน้ำ
สภาพอากาศดี สบโอกาสเหมาะ ก็ควักกล้องตัวใหม่(อีกแล้ว) ที่เริ่มคุ้นมือ
ยิงไปได้ไม่กี่ภาพ นึกขึ้นได้ว่าเรามี Filter Poralize จากกล้องตัวเก่า
เก่าเกือบ 15 ปี ที่บังเอิญใช้ขนาดเดียวกัน จากระบบฟิล์ม มาดิจิตอล



พอใส่ Filter Poralize แล้วหมุนหน้าของ Filter ให้ได้แสงที่ต้องการ
ภาพจึงออกมาเป็นแสงเหมือนแสงรุ้ง น่าจะเกิดจากเรื่องทฤษฎีการหักเหของแสง
ที่บังเอิญอีกเช่นกัน ว่า จำได้งูๆ ปลาๆ


รู้เพียงว่า ตอนใช้กล้องฟิล์ม กลับไม่มีแสงแบบนี้
ไม่รู้ว่า Filter เสื่อม หรือ มันเป็นผลจาก ดิจิตอล กันแน่
แต่ก็ได้ภาพที่ออกมาสวยไปอีกแบบ ชอบๆๆๆๆ แสง สี แบบนี้


เมื่อลงที่ภูเก็ต ก็คว้ารถที่่ท่านประธานจัดหามาให้ เดินสายทันที
ใช้เวลาไม่นาน ก็มาถึง สระมรกต อ.คลองท่อม จ.กระบี่
ด้วยความที่รอบที่แล้ว อยากพาพ่อแม่ มาที่นี่ เพราะดูภาพแล้วแหม สวยโดนใจ
แต่เดินทางจากภูเก็ตมาใช้เวลานาน กลัว พ่อแม่ ลูก หลานจะบ่น เลยไปพังงาแทนในรอบที่แล้ว
รอบนี้ สบายๆ ว่าแล้วก็เลี้ยวเข้าไปเป้าหมาย สระมรกต
จอดรถในที่จอดรถ ฝนเจ้ากรรมเก่า กลับตกลงมาเฉยเลย
ต้องรอในรถ ให้สายฝนทำการแสดงสัก 10 นาทีก่อน แล้วค่อยลง
ลงรถก็ มาแล้วครับ 30 บาท ค่าจอดรถ สูบนักท่องเที่ยวกันเข้าไป ไอ้น้อง!


เดินเข้ามานิดหน่อย เจอป้าย สระมรกต 800 เมตร สระน้ำผุด 1400 เมตร
โชคดี ที่คราวที่แล้ว ไม่ได้พาพ่อแม่มาที่นี่ ไม่งั้น โดนบ่นยับแน่ๆ
ให้คนแก่เดินขึ้นเขา ขึ้นเนิน เป็นกิโล


มาถึงสระมรกต ก็เข้าใจนะว่า วันหยุดยาวๆ คนตรึม ไม่มีมุมให้ถ่ายรูปในจุดดีๆเลย
ต้องหาจังหวะ หาช่องเอาเอง ตัวสระเองก็ไม่ได้กว้างใหญ่อะไรมาก
แล้วก็ด้วยความที่คนลงน้ำกันเยอะ เลยทำให้น้ำไม่ใสเท่าที่อยากเจอ


ไว้ใครจะมา แนะนำว่า มาแต่เช้าๆ เดินสบายๆ คนน้อยๆ จะได้มุมถ่ายรูปดีๆ
ว่าแล้วก็ เดินต่อไปอีก เพื่อไป สระน้ำผุด
สระที่เมื่อคนปรบมือ จะมีฟองน้ำ หรือฟองอากาศผุดออกมา
เป็นความแปลกไปอีกแบบหนึ่ง
แต่สระน้ำผุดนี้ จะเล็กกว่า สระมรกต
เป็นลักษณะเชิงสระกลมๆ เส้นผ่าศูนย์กลางราว 8-9 เมตรได้
น้ำใส เพราะไม่ได้เปิดให้คนลงไป
มีสาวๆ คณะที่เดินมาก่อนหน้า ปรบมือกันกราว เรียกฟองอากาศมากันเพียบ


ทั้งสระมรกต และ สระน้ำผุด ไม่มีอะไรที่ดึงดูดความสนใจผมได้เลย
เพราะตั้งความหวังไว้สูงเกินไป ที่จะสวยงาม และน้ำใสกว่านี้


แต่สิ่งที่ทำให้พอใจ ในการเดินไปกลับ เกือบ 3 กม. คือสภาพป่า และต้นไม้
ยังมีไม้ใหญ่ๆ ขนาด 3-4 คนโอบ อยู่ตามเส้นทางเดินเยอะมาก
น่าชื่นใจ ในการได้สูดอากาศ ได้เดินชมต้นไม้ ลำธารใสๆ เล็กๆตามทางเดิน
แค่นี้ก็สุขใจแล้ว


ที่เขาว่ากันว่า ป่าและต้นไม้ภาคใต้ สมบูรณ์กว่าที่คิด เป็นคำพูดที่ ไม่เกินความจริงเลย
สิ่งที่เราเข้าใจว่า ป่าทางใต้มันไม่สมบูรณ์เท่าไร
เมื่อมากลับพบว่า ป่าทางใต้สมบูรณ์และเต็มอิ่มจริงๆ


เดินทางต่อสู่พัทลุง ครั้งแรกที่มาเมือง'ลุง เมืองที่น่าสนใจอีกเมืองหนึ่ง
โลกและผู้คน ช่างน่าสนใจ แม้จะใช้เวลากับที่นี่ไม่นาน
และพัทลุงเป็นอีกหนึ่งจังหวัดใหม่ ที่ได้มานอน


ที่พัทลุง ได้เจอ ได้รู้จักครอบครัวหนึ่ง
ลองนึกภาพ ตามไปเรื่อยๆ จากการสาธยาย
ครอบครัวนี้ มีบ้าน สองหลัง อยู่ติดลำธาร ด้านหลัง เนื้อที่ยาวไปจนติดทะเลน้อย
ด้านหน้าบ้าน ติดถนนเล็กๆที่ เป็นถนนเพื่อเดินทางสู่ทะเลน้อย
ด้านหลังบ้าน มีเรือ ลำเล็กๆ ไว้เดินทางไปสู่ทะเลน้อยได้
ทะเลน้อย เป็นทะเลน้ำจืด (เขาว่ากันแบบนั้นนะ)
เพราะ ที่นี่ เลี้ยงกุ้ง แบบกุ้งแม่น้ำ ที่เรากินๆกัน แถวอยุธยา
อาหารหลัก คือ กุ้ง ตัวเป้งๆ
วันนั้น ผมได้กิน ต้มยำกุ้งแบบใต้ แกงกระท้อนใส่กุ้งแบบใต้ และอาหารแปลกๆ อีกหลายอย่าง
ผู้คนที่นี่ ชอบเลี้ยงวัวชน ดูแลกันอย่างดี ดีกว่าลูก (ว่ากันว่าแบบนั้น คือ พูดแบบขำๆ น่ะ)
กางมุ้ง เช้าก็เอามาผูก อาบแดด เฝ้าอย่างดี มีพวงมาลัยคล้องคอ


จากภาพที่บอกให้นึก อย่าไปคิดว่าเป็น อัครสถานใหญ่โต
ที่นี่ อยู่กันอย่างเรียบง่าย ไม่มีใครรวย ไม่มีใครจน
มีแต่เพื่อนบ้าน มีแต่ความพอดี กับสิ่ง "ที่มี" และ "ที่เป็น"
แม้ว่า จะมีการพนันวัวชน ออกจะคลั่งใคล้ แต่ก็ไม่ได้เล่นกันจนหนักมือ
(สำหรับบางคนเท่านั้น บางคนก็คงเล่นหนักมือ - อันนี้ เดา ไม่ได้ไปดูสนามจริง)

สภาพจากที่เห็น ผู้คนที่นิยมวัวชน เมื่อเดินทางไปสนาม
จะใช้รถกระบะ มีวัวอยู่ด้านหลัง โดนใช้ไม้ไผ่ บล็อกข้างสองด้าน
ยังไม่พอ ต้องมีคนประกบ ซ้าย ขวา เพื่อดูแล ไม่ให้วัวตื่น หรือหลุดจากบล็อกไม้ไผ่
ห่วงใย ดูแลกันจริงๆ ไม่ใช่เห็นแค่ 1-2 คัน
ระหว่างทางเจอรถแบบนี้ เยอะมาก


ท้องฟ้าของพัทลุง สว่างไสวไปพร้อมกับเท้าของผม
ที่เดินผ่านหลังบ้านไปสู่ทะเลน้อย


ป่าโกงกางข้างทะเล ป่าลำพู ริมทะเล สวย สงบ
จัดการหยิบ Filter ส้มครึ่งซีกมาใส่ซ้อน Filter UV ที่ติดเลนส์เดิม
แม้จะรู้ว่า แสงยามเช้าจะมีมวลสีโทนส้มแดงอยู่มาก
ผมกลับจัดให้ส้มมันหนักขึ้นไป หวังจะได้ภาพร้อนๆ แรงๆ
สมกับรสชาดอาหารชาวใต้
สมกับภาพริมทะเลน้ำจืดขนาดใหญ่ของพัทลุง

ลงใต้เที่ยวนี้ มีเรื่องสุขสมใจ คือ การได้กินทุเรียนใต้
แบบที่เด็ดจากต้นมาไม่นาน หลังจากที่อยากชิมทุเรียนใต้มานาน
ต่อไป ก็คงทุเรียน อุตรดิตถ์ ปลายปีนี้คงได้ชิมละ

วิถีแบบชาวใต้ วิถีแบบชาวบ้าน ไม่ต้องสนใจตัวเอง
อยู่กับธรรมชาติรอบตัว เดินตัวเองให้ช้าลงบ้าง
อยู่ด้วยกันที่นี่ "วิถีชีวิตพัทลุง"

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ8 กรกฎาคม 2555 เวลา 18:40

    ทุเรียนเกี่ยวไรกัน เห็นอยู่บ้านก็กินตลอดที่ไหนก็กิน เหอะๆ

    ตอบลบ