ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ช่องเย็น - ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ภาคเปราะบาง

"หมู มึงจำได้ไหม ที่เราว่าจะไปช่องเย็น ตอนหน้าฝน" เพื่อนอู๊ด บอกเพื่อเตือนความจำผมราวๆ ต้นเดือนมิถุนายน 2011 เป้าหมายคือ ศาลาชมวิวขุนน้ำเย็น
"เออ....จำได้ ไปดิ 18 นี้เลยไหม" ผมเหลือบดูปฎิทิน แล้วระบุวัน จริงๆ แล้ว เพราะหลังวันเกิดลูก 1 วัน ก็เลยคิดว่า ไปช่วงวันเกิดลูกก็ดี ไปฉลองกันบนเขาบ้าง

วันรุ่งขึ้น หลังจากเพื่อนอู๊ดเตือนความจำ
"เรียบร้อยแล้วนะ กูนัดคนอื่นๆไว้แล้ว 18-19 นี้ ออกกันตอน ฯลฯ .... " ผมสาธยายเสร็จสรรพ
"ไอ้ควายล่ะ บอกมันยัง" เพื่อนอู๊ดถามกลับ เพราะ จะไปกัน ยังไม่บอกให้เจ้าบ้านรู้เลย
"เออ....มึงน่ะรู้คนสุดท้าย ว่ากูจะไปบ้านมึงกัน" เพื่อนอู๊ดโทรไปบอกเพื่อนควาย เจ้าบ้าน
ไปเที่ยวไหนต่อไหน ก็ขาดครัวนี้ไม่ได้ เพราะ เสบียงอาหาร เครื่องครัว บ้านนี้ เขาจัดให้เสร็จ รวมถึงผ้าห่ม สำหรับผม

ออกเดินทางกันแต่เช้า นัดเจอเพื่อนน้องระหว่างทางแถวอยุธยา แล้วแวะเติมเครื่องดื่มแถวสิงห์บุรี
แล้วก็แยกกันรับสมาชิกเพิ่ม ที่นครสวรรค์
ก่อนถึง นัดแนะสมาชิก ที่จะไปรับที่ นครสวรรค์
"แว่น เตรีัยมเครื่องดื่ม กะ น้ำแข็งให้ด้วย"
แค่นั้นละ มันอามาแบบสะใจ ทั้งกระติด มหึมา และ น้ำแข็งถุงใหญ่

สรุปสมาชิก ณ. จุดที่จะเข้าเขต กำแพงเพชร

สมาชิก ทีมงาน พยักหน้าสัญจร [ผม , ดญ. อรสา , เพื่อนน้อง , เพื่อนแว่น ไป Fortuner]
[เพื่อนอู๊ด , เพื่อนพงษ์ ไป ล้อโต]
14:30 น. ไปถึงที่หมาย : บ้านไอ้ควาย เลยจากที่กำหนดตามแผนไป 30 นาที สบายๆ เวลาเหลือเฟือ
เตรียมคน เตรียมของ พร้อม .... Let's Go !
เพิ่มเติม - [เพื่อนควาย , เพื่อนนิ่ม , หลานรุ้ง , หลานพัช ไป รถเสบียง]
ช่วงหน้าฝนแบบนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวไม่มาก
สภาพอากาศด้านล่าง ก่อนขึ้นเขา ก็ ร้อนปกติตามแบบประเทศบ้านเรา

แต่พอเริ่มขึ้นเขา ด้วยความชื้นในอากาศ กับ ต้นไม้ที่เต็มเขา
ก็เจอหมอกอยู่ตลอดทั้งวัน รวมถึง เม็ดฝนปรอยๆ ที่มาทักเราเกือบตลอดทั้งวัน
สักพัก พวกเราก็ถึง ขุนน้ำเย็น จุดที่เราตั้งเป้าจะมาพักแรมกัน
จุดที่ผมกับเพื่อนอู๊ด ตั้งใจ คือ จุดชมวิว ที่เป็นศาลาบนสุดของขุนน้ำเย็น
แต่แล้ว เป้าหมายที่เราหวังไว้ คงไม่ได้ตามนั้น
ลมครับ ... ลมแรงมาก ขนาดคนยืนยังลำบาก แล้วลมที่เขานี้
ไม่ได้มาจากทิศทางเดียว ลมมาจากทุกด้านพัดหมุนวนไปมา
รวมถึง ฝน ที่โปรยมาตลอด แม้จะอยู่ในศาลา ก็โดนลมพัดมาให่้ชุ่มฉ่ำ

ทำให้เราต้องปรับแผนใหม่ ต้องลงไปพักศาลาด้านล่าง  เพื่อความปลอดภัย
แล้วงวดหน้า ผมกับเพื่อนอู๊ด นัดกันว่า จะเตรียมอุปกรณ์ผูกรั้งเต๊นท์มาเยี่ยมใหม่
จากจุดที่ผมยืนอยู่ จะเห็นว่า ลมมาทั้งจากขวามาซ้าย และ จากซ้ายมาขวา
ยังไม่รวมบางจังหวะ ที่ลมพัดจากทางด้านหลังมาข้างหน้า
ต้องหลบตามแนวเสา เพื่อการทรงตัวที่ดีเวลาถ่ายรูป
บรรยากาศ สภาพอากาศ ฝน มาครบอย่างที่ต้องการ มีแต่ลม ที่มาเกินกว่าที่เรารับมือไหวสำหรับทริปนี้
พวกเรา จำใจต้องกลับลงมา กางเต๊นท์ด้านล่าง แล้วค่อยขึ้นไปเสพบรรยากาศข้างบนในยามเช้า
จังหวะนี้ ขอเตรียมที่กิน ที่นอน เครื่องดื่ม ให้พร้อมสรรพก่อน..........
เพื่อนน้อง ก็ไม่ยอมตกยุค Planking ได้ตลอด ไม่ว่าจะมุมไหน สถานที่ไหน
เมื่อทุกอย่างพร้อม แม่ครัว พ่อครัว ก็ บรรเลง
คนกิน ก็พร้อมบรรเลง [จริงๆ ก็บรรเลง เครื่องดื่มกันตั้งแต่นครสวรรค์แล้วละ]

แล้วพวกเราก็เสพบรรยากาศ และบทสนทนา ไปจนราตรี ผ่านไป.... ผ่านไป....
ส่วนผม หลับก่อนใคร แต่ยังส่งเสียงทักทายเพื่อนๆ ตลอดทั้งคืน
แล้วก็เป็นผมอีักเช่นเคย สำหรับทุกทริป ที่จะต้องแหกขี้ตาตื่นก่อนใครๆ
ราวๆ 06:00 น. ผมก็ลุกจากเต๊นท์ เดินมองซ้าย ขวา แล้วก็ ออกเดินไปเรื่อยเปื่อย
สูดอากาศยามเช้า โอโซนของป่าแม่วงศ์ พร้อมอาการหอบ จากการเดินขึ้นเนินสูง เ็ป็นทางยาว
อายุมากขึ้น ก็ แบบนี้ละ เจอหนักๆหน่อย ก็ต้องพัก....เฮ๊อ.....
ยามเช้า ไม่ได้มีเพียงแค่สายหมอก แต่ยังมีละอองฝน ที่มาพร้อมๆกัน
ไม่ใช่แค่หมอกกลั่นตัวเป็นเม็ดฝน แต่เป็นฝนเลย สาดเป็นละอองให้ได้ชุ่มฉ่ำ
แล้วที่ขาดไม่ได้เลย ก็ ลม นั่นแหละ ที่ มารอบๆ ทิศตลอดเวลา
เมื่อได้เวลา พวกเราก็รวมตัวกันถ่ายรูปหมู่ ผมเลยมีไอเดียขึ้นมา....ปิ๊ง......
"คราวหลังกูสั่งทำแผ่นผ้ามาดีกว่าว่ะ เขียนว่า ทริปไปไหน เมื่อไร"
"เสร็จแล้ว ถ่ายรูปกับป้าย ใครไปมั่ง ก็มาเซ็นชื่อที่ป้าย อีก 20 ปี มันจะมีค่าว่ะ"
ผมเสนอ แล้วก็คิดว่า ทริปหน้า คงทำตามที่คิดไว้ และก็จะทำทุกทริป  หลังจากนี้ไป
ไม่ว่า จะทริปประจำปี หรือ ทริป คั่นเวลา
อย่างน้อยมันก็มีป้ายเป็นวัตถุ ที่แสดงความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และเป็นความทรงจำต่อกัน
แล้วเราก็ไปต่อกันที่ ช่องเย็น เพราะไหนๆก็มาแล้ว ไปอีกนิด เผื่อคนที่ยังไม่เคยมา จะได้รู้ว่า มันคืออะไร
เพื่อนน้อง ก็เหมือนเดิม Planking ได้ทุกที่

จากช่องเย็น มีทางขึ้นไปที่จุดชมวิว ดอยผาสวรรค์ ระยะทาง 300 เมตร.....โอย....สบายๆ แค่นี้เอง
ระหว่างทาง ทั้งลม ทั้งละออง ทั้งฝนปรอยๆ มากันครบ
ต้นไม้รูปทรงแปลกตา และความชันของเส้นทางที่ขึ้น ทำเอาหอบแบบหนาวๆ ได้
ความชันของภูเขา ทำเอาเมื่อยขา และ ล้ามาก แม้จะทางแค่ 300 เมตร.
กลับจากช่องเย็นลงมา เพื่อนอู๊ดชวนแวะ ขุนน้ำเย็นอีกครั้ง
 แล้วฝันของเจ้าหล่อน ก็เป็นจริง ได้ภาพ Planking งามๆ ท่ามกลางหมอก
ระหว่างทางลง ก็แวะถ่ายรูปไป ชื่นชมบรรยากาศไป

กลับมาที่จุดเริ่ม ทำไมถึงภาคเปราะบาง ?
ก่อนมา พวกเราชวนเพื่อนตุ๊ก กันมาล่วงหน้า 1 อาทิตย์ได้ตกลงว่า ไปแน่
วันนึง เพื่อนตุ๊กกลับบอกว่า "ฉันไม่ไปละ ไม่มีใครง้อชั้น"
"อ้าว...หอกอะไรวะเนี่ย" สุดท้าย ถึงได้รู้ว่า งอนเพื่อนพงษ์ ที่ไม่ง้อ ให้เจ้าหล่อนไปนั่นเอง
ประมาณว่า ฉันเปราะบาง ง้อฉันอีกนิด ฉันถึงจะไป
"ง้อครั้งเดียวไม่พอนะเธอ"

อีกคนที่ไม่ได้ร่วมคณะ ดช.ปัณชญา ติดภารกิจ หาเสียงเลือกตั้ง โค้งสุดท้ายอยู่ (มั้ง)
แม้ไปโดยไม่มีลูก จะเหงา ผิดหวัง และเสียใจ แต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไป และทริปใหม่ๆ ก็ยังรอเขาเสมอ

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ8 กรกฎาคม 2555 เวลา 18:56

    ดช ปัณชญา รอไปกับพ่อได้ตลอดแหล่ะ คุณพ่อ เด็กๆ ไปเที่ยวธรรมชาติก็ดีนะ ไม่ต้องติดเกมส์เกินไป คำแนะนำจากคนไม่มีลูกแต่อยากมีมาก ๆ
    นู๋ผึ้ง

    ตอบลบ