หลังจากจบงานทริป 3 ดอย ก็อารมณ์ต่อเนื่องกันมา
ก็คุยกันไปมาตามประสา "ทีมงานพยักหน้า"
"ลองไปที่้ใกล้ๆ กทม.ไหม แบบที่พวกมันมากันไม่ไกล เราก็ไม่ไกล" ใครสักคนเสนอ
"พุเตยไหม?" ผมเสนอ เพราะไม่รู้อะไรหรอก แค่รู้ว่า สุพรรณฯ ก็ไม่กี่นาที จาก กทม.
ก็คุยไป แย๊ปไป ยั่วไป จนสุดท้าย ก็อยากไป
"ก็ไป!"
บทสรุปง่ายๆของชายโสด
กำหนดเวลา นัดแนะกัน 5-6 กุมภาพันธ์ 2011
แต่ผมยังไม่รู้เลย ว่ามีิัอะไรที่ พุเตย รู้แต่ว่า จะเอาจักรยานไปปั่นเล่นที่นั่น
ว่าแล้วก็เดินทาง เลิกงานออกจาก กทม. 12:00 น.
ลืมบอกไปว่า ผมเอาลูกมาทิ้งไว้บ้านเพื่อนอู๊ด ตั้งแต่เช้า แล้วผมไปทำงานก่อน แล้วค่อยออกไปพร้อมๆกัน ไม่งั้น ผมต้องวนรถกลับไปรับลูก เดี่ยวจะเสียเวลามากไป
ออกจากที่ทำงาน นัดแนะเจอกันกับเพื่อนอู๊ด ลูกขอนั่งรถลุงอู๊ด เพราะ สนุกกับการดูการ์ตูนกับลูกลุงอู๊ด
เจอกันก็ขับรถไปมันตามทางเรื่อยๆ งงๆ มั่ง ขนาดมีอุปกรณ์สื่อสารกันครบถ้วน ผมกับเพื่อนอู๊ด ยังคลาดกันตั้งแต่ ชานเมือง
มานัดเจอกันแถวทางเข้าสุพรรณฯ ที่แรกคิดว่า จะอยู่ไม่ไกลเมืองสุพรรณฯมาก ที่ไหนได้ไกลพอควรเลยละ พวกเราพอเจอกัน 2 คันนี้ เราวิ่งเข้่าไปทางด่านช้าง
เพื่อนพงษ์ กะ เพื่อนควาย ส่งข่าวมาว่า กูถึงกันแล้ว
อ้าว ...เร่งฝีตีนซีแบบนี้
จากปากทางเข้าแถว บ้านวังคัน เข้าไป ก็เริ่มเป็นทางลูกรังยาว เส้นทางไม่คดเคี้ยวมาก แต่ลูกรังล้วนๆ แบบดินบ้าง หินบ้าง เราเริ่มชักไม่แน่ใจ ว่า เพื่อนอีก 2 คันที่ว่าถึงแล้ว น่ะ ถึงที่จุดไหน
โทรฯ ก็ไม่มีสัญญาณ ไปได้สักพัก เพื่อนอู๊ด-ล้อโต ขอแซงขับนำไปก่อน ว่าคณะที่มาจากนครสวรรค์ น่ะ ถึงจุดไหนกันแน่
ส่วนผม ขับไป เรื่อยๆ ถ่ายรูปไปบ้าง สักพักก็ถึงที่หมาย ที่เพื่อนๆ รอกัน
หูผมแว่วๆ ได้ยินเสียงสาวๆ กรีดร้อง + หัวเราะ เลย ว. ถามเพื่อนว่า เกิดอะไรขึ้น
"เออ...เด็กๆ ตรึมเลยว่ะ ... เด็กนานาชาติด้วยมึง!!!" เสียงตอบตามช่องสัญญาณ 144.600
ผมนึกขำในใจ "มึงจะมาอำอะไรกันตอนนี้"
รถจอดตรงด้านในอุทยาน ปรากฎว่า จริงของมันแฮะ
เด็กวัยรุ่นตรึม..สาวๆ วัยกะลังน่าเคี้ยว กระดูกกะลังกรุบๆ กรอบๆ ..555
เด็กนักเรียน ที่มีครูพามาทัศนศึกษา (น่าจะเรียกแบบนี้นะ) ที่พุเตย แนวๆ กิจกรรมเข้าค่าย
พวกเราทั้ง 4 คณะ ได้เจอกันเรียบร้อย จัดแจงหามุม กางเต๊นท์กัน ไม่ไกลจากคณะสาวๆ เท่าไร
แต่ก็ดูระยะให้ไกลจากเวที เพราะ พวกเรากลัวว่า จะไม่สะดวกเวลาเด็กๆนักเรียนกลุ่มนี้ ทำกิจกรรมกลางคืนกัน แม้เราจะอยากดู อยากรู้ อยากเห็น
ส่วนผม จัดแจงที่นอนได้ ก็ จับจักรยาน ปั่นขึ้น-ลงเขา ช่วงสั้นๆ สำรวจรอบๆ
ลูกๆ เล่นเกมส์ พ่อๆ ทำอาหารให้ลูกกิน แนวเต๊นท์ไกลๆ คือของเด็กนักเรียน
(เห็นได้ชัดว่า เตายังไม่ได้จุด มีกระติกตั้งอยู่ตรงขา จะเป็นอย่างอื่นเสียไม่ได้้ นอกจาก แดกเบียร์)
ความสุขในกิจกรรมของลูก : ความสุขในกิจกรรมของพ่อ
ได้เห็นภาพลูกๆ เล่น พ่อๆ ดื่ม แต่สิ่งที่แฝงอยู่ คือ การทำกิจกรรมร่วมกันบ้าง การได้ช่วยพ่อกางเต๊นท์
จัดของเล็กๆน้อยๆ ได้ตื่นเต้นกับสถานที่ ก็พอใจ น่า.....นะ....
คืนนี้ พวกเราก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ลูกๆ ก็เล่นกันบ้าง กินบ้าง
คืนนี้ ไม่มีอะไรพิสดาร ไม่มีเผาถังแก๊ส ... ให้เป็นที่ฮือฮา...555
เช้ามา ก็เหมือนๆ ทุกครั้ง ผมตื่นเป็นคนแรก ลุกออกมากับอาการมึนเล็กน้อย
คว้าจักรยานมาปั่นลงเขาไปตามทางถนน และ ทางป่าหญ้าข้างทาง
ก็ชมวิว ทิวทัศน์ไปเรื่อยเปื่อย เหนื่อยเหมือนกัน กับการปั่นขึ้นเขา และลงเขา ที่ทำให้แขนล้าได้
ใจนึงก็คิดว่า ถ้าเป็นจักรยานแบบ Full Suspension คงจะมัน และไม่เมื่อยแขน - มีโปรเจคในหัวอีกแล้ว
ปั่นลงข้างทาง ลุยไปในถนนที่มีหญ้าคลุมไม่เท่าไร ก็รถติดครับ
หญ้าพันในเฟืองเกียร์ จนปั่นไม่ไหวแล้ว ต้องจอดแกะออกพักใหญ่
เมื่อเอาตัวรอดออกมาจากดงหญ้าได้ ก็กลับ Resort ( ก็เต๊นท์น่านละ )
เพื่อนๆ และเด็กๆ เริ่มตื่น ลุกมาตั้งไฟ ชงกาแฟ ทำอาหารกิน
เราก็พร้อมจะรับประทานคร๊าป....หิวนี่นา
สภาพรอบๆ Resort ที่เราพักกัน อากาศเย็นนิดหน่อย ไม่หนักหนามาก
ที่นี่สงบดีมาก เสียตรง หาสัญญาณโทรฯ ยากมาก
ไม่เหมาะสำหรับคนมีแฟนขี้หึง หรือ คนทำตัวไม่น่าเชื่อถือ แบบ.....(ใครหว่า-พี่ห้าวละกัน)
ได้เวลาสายหน่อยเราวางแผนกันว่า จะไปตะเพินคี่ โดยเอารถยนต์ไป 2 คัน ก็มีรถผม กะ ล้อโตไป
คันอื่นๆ จอดไว้ที่ทำการอุทยาน จัดสรรกำลังพล ก็ เดินทางโลด.....
รถผม กับผม ที่นานๆ จะมีรูปกะเขาซะที แนวประจานใบหน้าเหี่ยวๆ
เข้าทางลูกรังได้ไม่กี่ กม. เพื่อนควายกับ ผบ. ที่นั่งรถผม ออกอาการแล้วครับ
เขาออกอาการ ทุกดอย ทุกโค้ง
อาการนิ่งๆ ไม่พูดไม่จา ถามก็ไม่ตอบ - ไม่ได้งอนนะครับ
มันมองหาถุงพลาสติก ซึ่งผมก็รู้ดีซะเหลือเกิน เตรียมไว้แล้ว
สุดท้ายแล้ว ป้าย น้ำตกตะเพินคี่ใหญ่ ช่วยให้รถผมไม่เลอะเทอะมากกว่าที่เป็นอยู่
ผมจอดรถ บอกเพื่อนๆว่า มันไม่ไหว มันขอจอดป้ายนี้ - โปรดพินิจ อาการจากรูปเถิด
ใจผมมองไปถึงถ้ำตะเพินต่างๆ ที่ถัดไปราว 7-8 กม. แต่ก็ต้องพักเบรคก่อนที่นี่ "น้ำตกตะเพินคี่ใหญ่"
ผมเดินนำทางมาก่อน พร้อมเด็กๆ 3 คน ขึ้นเขาบ้าง ลงเขาบ้าง สนุกกับเด็กๆบ้าง
คนอื่นๆ เดินตามมาแบบ ส่งเสียงหากันได้ แต่ไม่เห็นกัน
ถ่ายรูป ต้นไม้ กิ่งไม้แปลกๆ ดูแล้วก็สดชื่นดี พักถ่ายรูปแก้เหนื่อยที่ตามเด็กๆไม่ค่อยจะทันเท่าไร
เดินจากถนนหลัก เข้ามา ราว 500 เมตร. (ระยะทางตามป้าย) ก็จะเจอน้ำตก ตะเพินคี่ใหญ่
ซึ่งก็ไม่ใหญ่เท่าไร ดีนะที่เพื่อนควายกับ ผบ. ไม่ได้มาน้ำตกด้วย เพราะ คู่นั้น เขาอยู่ใกล้น้ำตกคลองลาน
มาเห็น ตะเพินคี่ใหญ่ คงฮากลิ้ง และ เยาะเย้ยผมเป็นแน่...555
ด้วยความที่น้ำอาจจะไม่เยอะมาก แต่ก็ทำให้เราได้ปีนขึ้นไปด้านบนของน้ำตกได้อย่างไม่ลำบากเท่าไรนัก หินก็ไม่ค่อยลื่นเท่าไร แต่น้ำเย็นมาก จริงๆอันนี้ ยืนแช่เท้าแป๊ะเดียว ต้องขึ้นเลย
ชื่นชมสักพักก็กลับมาที่รถ สรุปเส้นทางกันใหม่ ว่าจะไปต่อ หรือ ถอดใจ
เอ่อ...ผู้แข่งขันจากทางบ้านคลองลาน ขอถอนตัว
พวกเราจึงต้องกลับไปตั้งหลักใหม่ พร้อมทั้งหาข้าวกลางวันกิน
ได้กินที่ครัวพุเตย (น้าแป้น) ตรงทางเข้าอุทยานเลย อร่อยมากๆ อันนี้ แนะนำ
ทริปนี้ ก็ สบายๆ ง่ายๆ ไปเสมือนการนัดเจอหน้ากันของคนเริ่มแก่ ที่มีลูกคอยดูแบบอย่างเฉพาะที่ดีๆ
เผื่อลูกจะได้แยกแยะออก ว่า เพื่อน กับ คนรู้จัก มันห่างกันเยอะว่ะ....555
ว่าแล้วก็มีเสียงแนะนำว่า
"กูว่าความท้าทายงานหน้า อยู่ที่เอาไอ้ผัวเมียคู่นี้ ไปกะเราให้ครบตามกำหนดให้ได้ ดีไหม"