ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องวิวาท ในทีมบอลระดับสโมสรของไทย

คิดและอึดอัดใจมาหลายเพลา กับสถานการณ์บอลไทย
ตั้งแต่มีการอัดฉีดเม็ดเงิน มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ น่าสนใจ (แปลว่า น่าสนใจ นะครับ ไม่ใช่ แปลว่า ดี หรือ ไม่ดี)

น่าสนใจอย่างไร
มีเม็ดเงิน องค์กร ธุรกิจ เข้ามาสนับสนุน
มีการจัดการ บริหาร อย่างเป็นระบบ
มีการฟ้องร้อง โดยใช้กระบวนการทางกฎหมาย ช่วยตัดสิน

แล้วก็ต้องออกตัวก่อน ว่า เป็นแค่คนดูบอลในไทย
ดูตั้งแต่ ขาสั้น สนามโรงเรียน สนามใหญ่ กว่า 20 ปี
ที่เป็นการแข่่งขันจริงๆ ไม่นับ เตะหา่ค่าน้ำสนุกๆ อีกนับไม่ถ้วน
เล่นเองก็เอา สนุกๆ จนไหล่หัก ต้องพักตัวเองไป

กลับเข้ามาเรื่องทีมบอลสโมสรในไทย
เมื่อคืน (26/08/2010) ได้ข่าวจาก ทีวี
มีทีมบอล 2 ทีม ทะเลาะกัน ไล่เตะ กระทืบกัน ไม่เว้นกรรมการ ก็โดน !

ไม่ใช่ครั้งแรก ของวงการนี้ครับ ทุกคนรู้อยู่แล้วน่า
เข้าใจครับ ทุกคนมุ่งมั่น ต้องการชัยชนะ เป็นสิ่งที่ดี (แปลว่า ดี ไม่ใช่แปลว่า ถูก หรือ ผิด)

เข้ามาวิธืแก้ไข ป้องกัน กันดีกว่า
วินัย
ครับ เรื่องของวินัย เป็นสิ่งสำคัญ

บทลงโทษ ที่รุนแรง
ต้องมองก่อนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่ใช่เรื่องการกระทบกระทั่ง
กรุณาแยกให้ออก ถ้าคนที่โดนกระทืบไม่หนี ตาย! ได้เลยนะครับ
ที่ใส่อยู่ ไม่ใช่รองเท้าแตะ รู้ใช่ไหม ?

ผมยกตัวอย่าง การจัดการกรณี งานเลี้ยงปีใหม่ ในบริษัท
เด็กหนุ่มรุ่นกระทง วัยกะลังหาเรื่อง ร้อยกว่าคน

มีทั้งชอบพอกัน ไม่ชอบพอกัน

กติกา ง่ายๆ ครับ
ใครลงมือก่อน ผมจะไล่ออก สถานเดียว
หากคนโดน โต้ตอบ ด้วยการลงไม้ลงมือ ไล่ออก เช่นเดียวกัน

ใครเจตนา ยั่วยุ กวนทีน มีเจตนา สร้างเรื่อง
ผมจับไปขังในตู้ หรือ ไล่่ออกจากงานเลี้ยง
เปิดงานมา โดนใบเตือน หรือ อื่นๆ ตามความรุนแรง
 
กติกา ที่ไหนๆ ก็มี ลักษณะแบบนี้

นักฟุตบอลในไทย ก็เช่นกัน
คนที่คุมทีม ไม่กล้าลงโทษหรือ ?
กลัวดาวดังของทีมหรือ ?

ทีมอยู่ท้ายตาราง แต่มีเกียรติ คนก็นับถือ และตามเชียร์

ขอโทษแฟนทั้ง 2 ทีมในภาพครับ
ผมขอเอาภาพมาประกอบ ไม่อยากเอาภาพ นักฟุตบอลของทีมสโมสรในไทย

เดี่ยวคนจะว่า ลำเอียง ว่าเอาทีมโปรดฉันมาลง ทีมอื่น ก็มีเรื่องกัน ...โอย...เดี๋ยวคิดกันยาว

ขอเชียร์ครับ ลงโทษ ให้หนัก แบนกันยาวๆ ส่งไปตัดหญ้าในสนามแทน ก็ได้ถ้าว่างมาก
ในทีม มีไม่กี่คน ยังปกครองไม่ได้ เกรงกลัวบารมีนักเตะหรือ ?

รวมถึงเรื่อง ทีมสโมสร ที่่ฟ้อง บ. ไทยพรีเมียร์ฯ อีก
พอโดนฟ้อง เป็นตัวเงินเยอะ ก็หนาวซีครับ

เหตุการณ์จริงเป็นอย่างไร ให้เป็นเรื่องของกระบวนการไต่สวน
แต่หากผมเห็นว่า ใครลงมือ ผมไล่ออก สถานเดียว
ไม่ดู ทีมของมันแข่ง ไม่สนับสนุนทุกอย่าง
จนกว่า.... จะไม่มีนักฟุตบอลพวกนี้เหลืออยู่

แม้ว่า เหตุการณ์แบบนี้ จะไม่หายไป แต่ เหลือปีละครัง ยังรับได้ ไม่ใช่เดือนละครั้งแบบนี้

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ขอคนละคำสัญญา...กับการทิ้งขยะ...คุณทำได้ไหม

พอดี วันนี้ อดรนทนไม่ไหวจริงๆ กับภาพขยะเกลื่อนกรุงเทพฯ ยามเช้า
เห็นภาพคนเก็บ กวาดขยะ  ทำงานตั้งแต่ ก่อนพระอาทิตย์จะโผล่จากฟ้า
ภาพต่างๆ ที่เคยเห็น โผล่มาในหัว เป็นภาพเดิมๆ เท่าที่พอจะนึกออก

พนักงานรถทัวร์ ทิ้งขวดเครื่องดื่มชูกำลัง ลงท่อระบายน้ำ - ท่ารถภูเก็ต

สาวกระโปรงสั้น พยายามทิ้งตั๋วรถเมล์อย่างแนบเนียบ - ป้ายรถเมล์ อนุเสาวรีย์ชัยฯ

ไอ้หนุ่มแต่งตัวแบบฮิบฮอบ ทิ้งแก้วกาแฟจากร้านกาแฟแสนแพงตรงเสาบังแดดของป้ายรถเมล์ - ถนนสุขุมวิทย่านกลางเมืองกรุง

ยัปปี้หนุ่ม เดินเตะถุงกระดาษไปให้พ้นๆทาง ระหว่างเดินไปทำงานยามเช้า - ย่านสีลม

สาวคาราโอเกะ ดีดบุหรี่ทิ้งลงพื้นถนนยามค่ำคืนที่เงียบเหงา - ซอยธนิยะ

ฯลฯ



มีอีกมากมายหลายเหตุการณ์ ที่มีผู้คนมากมาย ทั้งในเมืองกรุง และ ต่างจังหวัด
ต่างรุมกระทำการ ทำร้ายบ้านเมืองตัวเองอย่างไม่แยแส (เวอร์ไปไหมล่ะ....เหอ...เหอ...)

ใครผิดล่ะ ?

ไอ้คนที่ทิ้งขยะมั่ว มันคงบอกว่า
"ก็ไอ้ผู้ว่าฯ มันเอาถังขยะไปไว้ไหน(วะ) ทำไมไม่เอามาให้อยู่ใกล้ๆผ๊ม...."  (อันนี้ เอาฮานะ อย่าซีเรียส)



มันไม่ได้ลำบากยากเย็นอะไร กับการถือขยะ ที่เกิดจากตัวเอง ทิ้งมันลงไปในถังขยะ
หรือ ถ้า กทม. หรือ แถวนั้น มันไม่มีถังขยะให้เห็น ก็เก็บไว้ เดินไปอีกหน่อยก็เจอ
ผมเชื่อว่าเจอแน่นอน ....จริงๆ เชื่อผมเถอะ ผมเห็นอยู่ มันมีถังขยะทั่วกรุงเทพฯน่า

กลับมาที่หัวข้อของเรื่องนี้
ไม่ได้ต้องการ หรือ ร้องขออะไรที่ยากเกินความสามารถ

แค่สัญญากับตัวเอง ว่าจะไม่ทิ้งขยะเรี่ยราด แค่นั้นแหละ พอ
แค่นี้เอง...."ทำได้ไหมเพ่...."

วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553

หัวใจพ่อ หัวใจลูก

23 มกราคม 2010 เวลา 17.30 น.
พ่อลูก กำลังดูทีวี เพื่อรอละคร ที่พ่อลูก ชอบดูด้วยกัน ทางช่อง 9 : บางรักซอยเก้า
ระหว่างนั่งรอ ลูกชายตัวดี ก็บอกพ่อว่า "พ่อ ผมปวดหัว"
ผมดึงลูกชาย ที่นอนอยูใกล้ๆมากอด เอาหัวหนุนแขนเหมือนที่เคยเป็นปกติ
"เล่นเกมส์มากไปป่าว" ผมเอ่ยถึงเกมส์ขนาดเล็ก ที่พกพาได้ เป็นแบบเกมส์เลี้ยงสัตว์ประมาณนั้น
เพราะขนาดจอมีขนาดเล็ก การเพ่งมองมากๆ อาจจะทำให้ปวดหัวได้

สักพัก น้ำตาลูกไหลครับ
"เอ..การปวดหัวนี่ทำให้ น้ำตาไหลได้เลยหรอ" ผมคิดในใจ
ก็เลยถามลูกใหม่ "กินยาไหม เดี๋ยวพ่อไปหามาให้"
ลูกชายตอบ "ไม่หรอกครับ"

ผ่านไปพักใหญ่ จนละครมา ลูกชายยังคงนอนอยู่บนแขนพ่อเหมือนเดิม
หันไปมองลูกชาย น้ำตายังคลอ ไหลออกทางหางตา
"มีอะไรหรือเปล่าลูก" ผมถามอีกครั้ง เพราะมั่นใจว่า แค่ปวดหัว ไม่ทำให้น้ำตาลูกไหลได้นานขนาดนี้
"มีอะไร คุยกับพ่อได้นะ เราคุยกันได้นี่ลูก"
ลูกชายตอบ "ผมพูดไป กลัวพ่อเสียใจ" คำพูดเพียงแค่นี้ ทำให้น้ำตาพ่อไหลได้แล้วลูก
น้ำตาผมไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว มันไหลออกมาอยู่ในใจ ไม่สามารถให้ลูกเห็น หรือรับรู้ได้

"ไม่เป็นไรหรอกลูก คุยกัน เรื่องไหน พ่อก็รับได้" ผมพูดไป ยิ้มไป แบบเจื่อนๆ ไม่รู้ใจลูกเลย ว่าจะเป็นเรื่องอะไร
"ผมคิดถึงแม่ครับ" ลูกชายตอบ "ผมขอโทษนะครับพ่อ" ลูกชายย้ำอีกครั้ง
"ไม่เป็นไรหรอกลูก เราคุยกันได้ บอกกันได้...อืม....ทำไมล่ะลูก เบื่อหรอ"

ที่ผมถามแบบนี้ เพราะเข้าใจในสถานการณ์ครอบครัวตัวเองดี
เราคุยกันประสาพ่อลูกอีกมากมาย เหมือนวันที่เราเปิดใจคุยกันอย่างจริงๆ
แม้ลูกจะพูดออกมาไม่ได้หมดทุกอย่าง อย่างที่เขาคิด

"ผมรู้ว่า พ่อ กับแม่เลิกกัน แต่ผมก็อยากมีครอบครัวเหมือนคนอื่น"
คำพูดของลูกชาย ทำให้พ่ออึ้งไปชั่วขณะ
"หมายความว่า พ่อต้องหาคนมาอยู่ด้วยหรอลูก" ผมถามย้ำสิ่งที่ผมเข้าใจ จากคำพูดลูกชาย
"ก็ดีนะครับ" ลูกชายตอบ

"กรูจะไปหา หมา แมว ที่ไหนดีวะ" ผมคิดอย่างเอาสนุกๆ เพื่อลดแรงกดดันทางความคิดตัวเอง
บางที นี่จะเป็นจุดเปลี่ยนอีกครั้ง ของชีวิตผม
ผมล่ะ อยากเปลี่ยน พร้อมเปลี่ยน หรือยัง

วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ภูเก็ต ไม่ได้มีแค่้ทะเล - ภาคมากกว่า ว่างเปล่า

19/07/2010 :

ท่านประธานมารับ แต่เช้า ไปติดต่อธุรกิจกันอีกครั้ง
ไม่มีอะไรมากมาย ข้ามมาจนเดินทางกลับ
วันนี้ไำม่มีอะไรมากมาย ไม่มีัความตื่นเต้น โลดโผน
งานๆๆๆๆ แล้วก็ธุรกิจ

จนท่านประธานมาส่งสนามบิน
อ๊ะ....เห็นมีรถโดยสารภูเก็ตสนามบินแฮะ วันหลังจะมาลองซะหน่อย
วิ่งผ่านเส้นทางในทอนด้วย แม้จะไม่ได้ติดทะเล แต่ก็แปลกตาดีกว่า ถนนหลักที่มีแต่รถรา วิ่งไปมา






 อ้าว วันนี้ นกเหล็กปีกแดงด้วยหรอ
ไม่เคยได้สังเกตุมันซะที เพิ่งได้เห็น

รอบนี้ได้นั่งกลางๆ ช่วงหลังๆ เลยไม่ได้สบตา แอร์สาวสวย เหมือนขามา
ตอนขามา ได้นั่งแถวหน้าสุด
ได้นั่งส่งยิ้มหวานๆ ให้แอร์สาวสวยอย่างสม่ำเสมอ
เธอคงคิดในใจ "ฉันมีสามีแล้วย่ะ ไอ้ทะลึ่ง"
ส่วนผมก็คิดในใจ "ลูกพี่น่ะ 11 ขวบแล้วน้อง"

เหอ.....เหอ.....



เข้าเขตกรุงเทพฯ ละ
เออ...มุมนี้ไม่เคยเห็นแฮะ..

มุมนี้ เจอกันบ่อย ทั้งทางอากาศ และทางพื้นดิน
ท่าเรือ กรุงเทพฯ นี่เอง







อันนี้ มุมที่คุ้นเคยกันดี ริมสนามบินสุวรรณภูมิ


เฮ๊อ...กลับมาทำงานต่อ
ไปทะเลไม่ได้สัมผัสทะเล แต่ก็คุ้ม

ภูเก็ต ไม่ได้มีแค่้ทะเล - ภาคว่างเปล่า

18/07/2010 :



วันต่อมา ท่านประธาน พาไปหาที่สูบบุหรี่ของแก
อารมณ์ไหน(วะ) ต้องสูบบุหรี่ ริมทะเล

เรามันผู้น้อย ไปก็ไป ไปที่สะพานหิน เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์หลัก 60 ปี ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2521 เพื่อเป็นที่ระลึกแก่กัปตันเอ็ดเวิร์ด โธมัสไมล์ ชาวออสเตรเลีย ผู้นำเรือขุดแร่ลำแรกมาใช้ขุดแร่ดีบุกในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2452

ปล่อยให้แกสูบบุหรี่ไป ส่วนผม เดินไปที่เก๋งจีนใกล้ๆ ดูอะไรเพลินๆ



เข้าไป ก็เห็นเจ๊ คนนึงกำลังนวดจับเส้น ให้อาแปะอีกคนนึงอยู่
ผมก็เดินเข้าไป ถ่ายรูปไป เผลอไปนั่งตรงธรณีประตูสีแดงแจ๋เลย

เจ๊แกดุใหญ่เลย เขาห้ามนั่งตรงนั้น ไม่รู้ว่าด้วยเหตุอันใด ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

โอเค ไม่เป้นไร ขอโทษแล แล้วก็เดินจากไปอย่างงงๆ



เดินออกมา ก็จะเจอรูปปั้นเทพเจ้าของรูปแบบจีนอยู่ด้านนอก
ก็เลย ถ่ายรูปไป เดินเล่นไป เรื่อยๆ

ที่นี่อาจจะเป็นที่เดินเล่น พักผ่อนของคนภูเก็ตละมั้งเนี่ย
คิดว่า ตอนเย็นๆ อากาศดีๆ
น่าจะมีคนมาพักผ่อนเยอะขึ้น

หลังจากท่านประธานสูบบุหรี่เสร็จ
ก็เดินทางต่อ คราวนี้ไปธุระเรื่อยเปื่อยตามท่านประธานจะพาไป

ขับรถไป คุยธุรกิจไป คุยเรื่องเที่ยวไป
คืนนี้ เพื่อนท่านประธาน นัดอีกแล้ว
แหม...ต้อนรับแขกบ้าน แขกเมืองดีจริงๆแฮะ



ส่วนผม คืนนี้ ขอเช่าห้องนอนสบายๆ คนเดียว
ไม่อยากไปนอนบ้านท่านประธานละ เพราะลูกเมียแกกลับมาจากกระบี่กัน
ไปก็เกรงใจ แล้วก็ไม่สะดวกผมหลายๆอย่าง
ส่วนคืนนี้ จบที่....โอย....กี่โมงหว่า ....

ภูเก็ต ไม่ได้มีแค่้ทะเล - ภาคฝนปรอย

ด้วยความที่ว่างจัด แล้วก็อดอยาก ไม่ได้เสพน้ำทะเลมาเกือบ 5 เดือน
กระเหรี่ยงชรา ก็หาจังหวะเดินทาง ป้องกันการลงแดงจากการขาดไออุ่นของทะเลอย่างรุนแรง
17/07/2010 : เดินทางได้
เที่ยงตรงเลิกงาน ไปสนามบินเลยครับ ไม่สนใจอะไรมา ขอ VISA จากลูกชายแล้วนี่นา
เดินทางราว บ่ายสองกว่าๆ ดีใจๆ จะได้เที่ยวอีกแล้ว เที่ยวคนเดียวก็ไม่เคยเหงา



ขึ้นเครื่อง ท่ามกลางบรรยากาศขมุกขมัวของเมฆฝน ที่ตั้งท่ารอรับ ก่อนได้สัมผัสไอของทะเล







เริ่มเดินทาง อ้าวนั่งริมหน้าต่างนี่
ก็ถ่ายรูปไปตามระเบียบ(ของผมเอง)
อันนี้ ปากแม่น้ำ


เมฆ ค่อนข้างเยอะแฮะ
แล้วสักพักใหญ่ ก็ใกล้ภูเก็ตละ








เตรียมลงละ

พอลงที่สนามบินภูเก็ตเสร็จ
ก็พอดี ท่านประธานมารับพอดี



ว่าแล้วก็พากันไปทำธุรกิจของท่านประธานนิดหน่อย
แล้วเริ่มด้วยการสังสรร นิดหน่อย ตามประสาคนไม่ได้เจอกันนาน เกือบปี

รุ่งขึ้น ฝนมาเลยครับ ตกๆ หยุดๆ
ท่านประธาน เลยเปลี่ยนโปรแกรม
พาไปเบิกโรงด้วย ATV ครับ
เขาบอกเพื่อนเขาทำอยู่ มันเคยไปแล้ว
พร้อมทั้งสาธยาย หลากหลาย
ดูแล้ว มันจะสนุกตรงไหน(วะ) ก็ขี่เรื่อยๆ นี่


ไปถึงก็ นี่เลยครับ At Hill Adventure
อยู่แถวพระใหญ่ ซอย 51 ถนนอะไรไม่รู้จริงๆ

ไม่ได้จำซะด้วย เอาเป็นว่า ก่อนวัดฉลอง แถวโฮมโปรน่านละ
ท่านประธานแนะนำเพื่อนให้รู้จัก ก็ทักทายกัน แกชื่อ น้าหนุ่ม
สักพักก็ ลองรถในสนามก่อน 1 รอบ ฝึกความคุ้นเคย
บอกตรงๆ อารมณ์นั้น ไม่ได้อยากจะขี่มันเลย
พอขึ้นขี่ในสนาม ก็ใจยังต่อต้านอยู่
แต่ก็เอาวะ แก้เบื่อยามฝนตก ไหนๆ ก็ไม่ได้ทะเลแล้วนี่นา


ลองรถ 1 รอบเสร็จ อ๊อ รถที่นั่นมี 2 แบบแฮะ
คันเร่งเป็นแบบใช้นิ้วโป้ง ดันคันเร่ง
กับบิดแบบ มอเตอร์ไซค์โอเค เอาแบบหลัง น่าจะคุ้นมือกว่า


เริ่มเดินทาง ด้วยทางราดยางธรรมดา ไม่มีไรมาก
ดีเหมืิอนกัน ฝึกความคุ้นเคยกับรถ
เพราะการบังคับ ควบคุม ต่างกันกับมอเตอร์ไซค์มาก

เอาละ ลงทางดินแล้ว ทางยังเรียบๆ ง่ายๆ
สบายหมูอยู่แล้ว แบบนี้


สักพักเริ่มแล้วครับ ไปตามท้องร่อย ถนนขึ้นๆ ลงๆ

เฮ๊ย...มันละ เริ่มสนุก อารมณื ต่อต้านเริ่มหายไป
ทางยิ่งลำบาก ยิ่งสนุก ขึ้นๆ ลงๆ

อารมณ์ของการขับขี่ยิ่งสนุกมาก ต่างกับทางเรียบอย่างสิ้นเชิง



สักพักใหญ่ ราว ครึ่ง ชม. ก็มาถึงจุดชมวิวแรก
โอว...เมื่อแขนใช้ได้เลย ไม่คิดว่าจะเหมือนการออกกำลังกายเลย
น้าหนุ่มบอกว่า จุดที่เรายืน ฝั่งนึง มองเห็นเมืองภูเก็ต





แล้วการได้ขึ้นมาที่สูงๆ แบบนี้ ของชอบของผมเลยครับ

ได้เห็นวิวสวยๆ มองเห็นทะเล
ปกติ ก็จะพาลูกค้ามาที่จุดนี้ แล้วกลับ เพราะราวๆ 1 ชม. พอดี
ส่วนใหญ่ก็ ต่างชาติน่านละครับ




ฝั่งนี้ เป็น กะตะ กะรน
ฝนก็ปรอยๆ กะลังดี
อารมณ์ของการขี่ ATV เหมือนการได้ขับรถ 4WD ลุยถนนเลย
จริงๆ นะ ไม่คิดว่า จะสนุกแบบนี้ จนได้มาลองเอง


น้าหนุ่ม แกจะพาไปต่อ แกบอก มีทางที่สามารถ ทะลุลงเขาไปป่าตองได้ เอาซีครับ กระเหรี่ยงอย่างผมเริ่มติดใจ

จากจุดชมวิวที่ผมยืน มีลานหญ้าให้เดินผ่อนคลายอาการเกร็งข้อมือ เนื่องจาก ผมมันมือใหม่ ATV ย่อมเกร็งเป็นธรรมดา

โดยเฉพาะจังหวะที่ขี่ข้ามท้องร่องน้ำ รถจะเอียง ซ้ายที ขวาที
นี่ละครับ ทำให้ผมสนุกกับมัน
"ทางนี้ลงไปป่าตองได้" น้าหนุ่มบอกผม
"เฮ๊ย...โคตรลึก และชันมากเลยนา" ผมนึกในใจ
น้าแกไม่ได้ยินผมหรอก ขับนำไปอย่างเดียว
อ้าว เพื่อนท่านประธานนี่ น้าแกจัดเต็มๆ

ลงเขาบนถนนที่เป็นหญ้าครับ
จะลื่นกว่าปกติที่เป็นถนนลูกรัง


ลงไปได้สักพักใหญ่ น้าแกต้องจอด
บอกว่า ไปไม่ไหว รถอาจจะลื่น ควบคุมลำบาก

เลยต้องย้อนกลับมา
ผมเห็นด้วยเลยครับ เพราะผมเริ่มลื่นไถล คุมรถยากขึ้นละ
ก็ต้องกลับรถ ในทางแคบๆ ไม่ยากอยู่แล้วสำหรับผม

กลับมาที่จุดชมวิวเดิม แล้ววนออกไปทางใหม่
ขึ้นๆ ลงๆ อีกเช่นเดิม แต่สนุกกว่าเดิม
เพราะ ทางโหดขึ้น แล้วผมก็สนุกกับรถมากขึ้น
ยิ่งการข้ามท้องร่อง ที่ลึก ลาดเอียง ยิ่งชอบ

เชื่อไหมว่า ผมคิดจะซื้อไว้ขี่เล่นกะลูกซักคันเลย


ก็พยายามจะถ่ายรูปน่ะนะ แต่ จอดรถก็ไม่ได้
มันชันตลอด ไม่ขึ้น ก็ลง
ภาพไหวไปหลายภาพ แต่ใจหลักๆก็ห่วงแค่ขี่รถ
ภาพออกมาอย่างไร ว่ากันทีหลัง
ยุคดิจิตอลนี่นา ไม่ต้องกลัวเปลืองฟิล์ม


ขี่มาเรื่อยๆ ออกมาทะลุที่จุดชมวิวอีกที่นึง
เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมาขี่ช้างกัน

ส่วนผม ไม่เอาละ เมื่อยแบบไม่รู้ตัว
แต่สนุกสุดๆ ไม่คิดว่า ไอ้รถแบบนี้ จะสนุกได้
คิดว่า อยู่ที่สถานที่ สภาพทาง ด้วยละ
ถ้าคุณจะขี่ทางเรียบๆ อย่าเลย ไม่สนุกแน่นอน



จุดชมวิวนี้ ยังมองเห็นทั้งทะเล ภูเขา

เฮ๊อ....ผ่อนคลายจริงๆเลย
มุมนี้ของภูเก็ต ไม่เคยเจอเลย

สงสัย เราปิดกั้นความคิดตัวเองว่า ต้องทะเล เลยเกือบไม่มีโอกาสได้เห็นภูเก็ตอีกแบบนึง


จุดนี้ละ ที่ ช้างจะเดินเข้าไป จะเห็นจุดพักที่ไกลลับตา

น่าสนุก แต่วันนี้ ต้องเบรคตัวเองก่อนละ
มีภารกิจต่อ หลังจาก ATV นี่นา

น้าหนุ่มบอกว่า จากจุดนี้ เราสามารถ ดับเครื่อง ปล่อยไหลลงไปที่ At Hill Adventure ได้เลย


อ้าว....ได้ซีครับ ลองเลย จัดไปยาวๆ ไหลเร็วมาก
ใจนึงก็กลัวๆนะ ว่าถึงจังหวะเบรคทางโค้งจะเอาไม่อยู่
อาศัยแตะเบรคชลอๆ ในบางช่วง ได้อารมณ์ไปอีกแบบแฮะ

บทสรุปของ ATV :
โดยส่วนตัว ผมว่า ไปขับที่ไหนก็เหมือนกัน ถ้าถนนแบบธรรมดา เนินเล็กๆ
แต่ที่นี่ มีทางลูกรัง ร่องน้ำ ภูเขา พร้อมวิวทะเล
ได้ฝึกการควบคุมรถ การทรงตัว ลองเบรค ลองเร่ง สนุกครับ
แถวบ้านผมมีภูเขา หลังจากลองเอา Moutain Bike กลิ้งแบบ Down Hill มารอบนึงแล้ว
ATV นี่แหละ ที่ผมจะเสียเงิน ซื้อมันมาลอง Down Hill ที่ภูเขาแถวบ้าน
ได้ออกกำลังแบบสนุกสนาน แบบนี้ละ ของโปรดเลย