ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สรุปสาระ(ที่คิดว่า)สำคัญ – อยากยิ่งใหญ่ต้องใจหิน

สรุปสาระสำคัญ อยากยิ่งใหญ่ต้องใจหิน

บทที่ 1 # ปรัชญาของความใจหิน
ผู้ที่มีอำนาจต่างจากคนทั่วไปตรงไหน



ดังนั้นไม่ว่าเจอกับสถานการณ์อย่างไร ถ้าสงบสติอารมณ์ได้แล้วตัดสินใจทำอย่างรวดเร็ว เงินเพียง 10 เยนก็สามารถชนะได้ แต่สำหรับคนที่รวบรวมสติไม่ได้ มัวแต่สับสนลังเล สุดท้าย 10 เยนนั้นก็สูญไปโดยเปล่าประโยชน์

ก่อนอื่นต้องตั้งสติ แล้วปฏิบัติการอย่างเงียบเชียบ

ผู้ที่ประสบความสำเร็จมักจะมีความรวดเร็วว่องไวเป็นคุณสมบัติประจำตัว

สำหรับคนที่ไม่ชอบพบอุปสรรค ขยาดการประชุมเพื่อแก้ปัญหา มีงานค้างอยู่ตรงหน้าก็ไม่อยากทำงานล่วงเวลาให้เสร็จ ถ้าคิดได้เพียงแค่นี้ก็ไม่ต้องหวังว่าจะทำอะไรอย่างอื่นให้เสร็จได้อีก
ถ้าอยากประสบความสำเร็จ ต้องลงมือทำอย่างรวดเร็ว ไม่สับสน และมีประสิทธิภาพ

ผู้ที่คิดจะมีอำนาจต้องเป็นผู้ที่มีมารยาทและสุภาพด้วย

คนที่สุภาพที่สุด จริงๆ แล้วอาจจะเป็นคนที่น่ากลัวที่สุดก็ได้ !

ผู้ที่มีอำนาจต้องเป็นคนสุภาพ อย่างน้อยก็ต้องแสดงออกมาให้เห็น ส่วนข้างในจิตใจจะเป็นอย่างไรนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

คนเราไม่ว่าจะทำงานอะไร หรือมีหน้าที่อะไร ไม่ว่าที่ไหนหรือเมื่อไหร่ ถ้าไม่สามารถมองคู่แข่งออกก็จะมีโอกาสพ่ายแพ้สูง

การมองคนออก เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนเอง เพราะตาเป็นของตนเอง ใช้ตานั้นแหละมองคนที่เพิ่งเจอกันโดยบังเอิญให้ออก

ถ้าไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง ก็ยากที่จะจับการโกงหรือคำโกหกของฝ่ายตรงข้ามได้

การจะทำให้ผลงานออกมาดีต้องมีความตั้งใจ !

เมื่อมีความตั้งใจที่แน่วแน่แล้วไม่ว่าจะมีอุปสรรคเข้ามาขัดขวางอย่างไรก็จะรีบกำจัดมันทิ้งไปโดยเร็ว นี่จึงจะเป็น การตัดสินใจของคนแกร่ง

ต้องสำรวจตัวเองว่ามีอะไรบ้างในตัวเราที่พิเศษกว่าคนอื่น และมีทางที่จะทำให้มันกลายเป็นเงินได้ไหม

ถ้าไม่เห็นค่าของเงิน เงินก็ไม่อยู่กับเรา

ผู้มีอำนาจต้องไม่หักหลังใคร

ผู้มีอำนาจมักจะไม่นิยม การติดหนี้

การเป็นหนี้บุญคุณ ก็เหมือนกับการมีภาระผูกพันที่ต้องคืนเขาอยู่ร่ำไป

คนที่มีความสามารถใช้เพียงสายตาก็ข่มขู่ผู้คนได้

การเป็นหนี้บุญคุณใครสักคนหนึ่ง ก็เท่ากับว่าต้องตกเป็นเบี้ยล่างของเขาไปด้วย

ผู้ที่มีกองทัพที่ดี หากบังคับกองทัพไม่ได้ รบไปก็มีแต่แพ้

ในยุคสงคราม ผุ้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุดจะต้องอยู่หลังสุดเสมอ แน่นอนที่สุด เพราะหากตัวหัวหน้าตายก็เท่ากับว่าแพ้ หัวหน้าต้องอยู่ในตำแหน่งที่ลูกธนูไปไม่ถึง และถ้าคุมสถานการณ์เอาไว้ไม่ได้จะได้หนีได้ทัน ดังนั้นคำว่าขี้ขลาดจึงเป็นคำพูดที่ใช้ในยามสงครามอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามถ้าแม่ทัพยังอยู่ภายหลังยังสามารถกลับมาล้างแค้นได้

การจะวัดคนว่าเก่งแค่ไหน ไม่ใช่แค่ดูจากผลงานของคนคนนั้นอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องดูไปถึงการ สร้างคนของตน ขึ้นมาด้วย

คนเราต้องรู้ตัวว่าเมื่อไหร่ควรที่จะอยู่เบื้องหลัง

การจะเป็นผู้มีอำนาจไปตลอดได้จะต้องไม่ยุ่งกับงานที่สกปรก

รูปลักษณ์ภายนอกมักหลอกลวงอยู่เสมอ

ผู้ที่ประสบความสำเร็จนั้น มักจะสามารถสร้างภาพลวงหรือการแสดงออกทางสีหน้าเพื่อกลบเกลื่อนตัวตนของตนเองได้อย่างแนบเนียน

ถ้าอยากประสบความสำเร็จเป็นผู้ใหญ่จริงๆ ล่ะก็ เราก็ต้องทำตัวเป็นผู้ที่สร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา เพื่อที่จะดึงดูดผู้คนให้เข้ามาหา สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เพียงแต่ทำให้ใครๆ ก้อยากเป็นเพื่อนเราเท่านั้น แม้แต่ผู้มีอำนาจก็อยากเป็นเพื่อนเราด้วยเหมือนกัน

ผู้ยิ่งใหญ่มักจะให้ความสนใจกับเด็กหนุ่มไฟแรงอยู่เสมอ

ไม่ต้องสนใจว่าเรามีอาชีพอะไรหรือจบการศึกษาอะไรมา ขอเพียงมีความคิดดีๆ แวบขึ้นมาเท่านั้น นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของการเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในภายหลัง


บทที่ 2 # การแสดงออกของผู้ประสบความสำเร็จ
ไร้ความรู้สึก เย็นชา และกล้าหาญ



มนุษย์ผู้ชายเกิดมาก็เพื่อแสดงออกถึงพละกำลังของตน อยากจะเอาชนะคู่แข่งให้ได้ ดังนั้นภายในสมองก็เลยมีแต่ การพยายามเพิ่มความสามารถ ของตนอยู่ตลอดเวลา

จะว่าไปแล้วสัญชาตญาณแห่งการต่อสู้ของผู้ชายไม่ได้เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ยุคโบราณมาแล้ว เราอาจจะเคยได้ยินคำพูดที่ว่า คนเราก็มีวันพ่ายแพ้ได้แต่ก็ไม่มีใครอยากที่จะเป็นผู้แพ้

คนที่สามารถรอดพ้นจากความโชคร้ายมาได้แถมยังเชิดหน้าได้อีก คนแบบนี้ถึงจะเรียกว่าได้รับชัยชนะจนประสบความสำเร็จ

คนเราจะคอยแต่พึ่งคนอื่นอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ก็ต้องใช้ความสามารถและความคิดของตนจัดการให้ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องต้องมั่นใจในความสามารถของตน เมื่อเตรียมตัวรับสถานการณ์ได้อย่างนี้จึงจะเรียกได้ว่าเป็น ผู้ประสบความสำเร็จ

เมื่อตนเองเข้าใจงานของตนอย่างทะลุปรุโปร่ง ย่อมสามารถผ่านอุปสรรคไปได้ไม่ยาก

และถ้ามีอะไรเข้ามาขัดขวางหรือทำให้เกิดความรำคาญ ก็ต้องรีบกำจัดให้พ้นทางไปโดยเร็ว !

ต้องตั้งใจเอาไว้ว่า วันนี้ของปีหน้าเราจะต้องไม่อยู่ในสภาพนี้อีก

สิ่งที่มนุษย์ไม่อาจจะตัดขาดได้ก็คือเรื่องที่เกี่ยวกับมนุษย์ด้วยกันนี่แหละที่ไม่สามารถตัดสินใจทำอะไรง่ายๆ ได้ลงคอ และยิ่งถ้าต้องตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญมากด้วยล่ะก็ จะทำให้คนคนนั้นกลายเป็นคนที่ไม่มีความสุขไปเลย

ดังนั้นเหนือสิ่งอื่นใด จะต้องรู้ให้แน่ชัดก่อนว่าอะไรคือสิ่งที่ขัดขวางความสำเร็จของตัวเอง

ถ้าอยากจะเป็น ผู้ประสบความสำเร็จ ก็ต้องเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ นี้ก่อน

การที่จะประสบความสำเร็จ ต้องมองสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในมุมกว้าง

การพูดบ่นอย่างไร้จุดหมาย ไม่สามารถทำให้ความฝันนั้นๆ เป็นจริงขึ้นมาได้ ถ้าอยากจะบินให้ได้เหมือนนกบนท้องฟ้าก็ต้องเริ่มวางแผนการสำหรับปัจจุบันและอนาคตอย่างเป็นรูปธรรมก่อน

อย่างที่เรียกกันว่าต้องใช้ตาแบบนกมองรอบตัว เพื่อวางแผนการพัฒนาตนเองสู่อนาคต หรือเรียกในภาษาอังกฤษว่า “big picture” ถ้าเราไม่สามารถวาด แผนการขนาดใหญ่ได้ก็จะเป็นผู้ประสบความสำเร็จได้ยาก

คนที่รู้จักฉกฉวยโอกาส ย่อมไม่ปล่อยโอกาสดีๆ ให้หลุดมือไป
คนที่มี แผนการขนาดใหญ่กลับมองถึงโอกาสที่อาจเปลี่ยนไป โดยค่อยๆ ใช้ความพยายามทำให้โอกาสมีมากขึ้น จากนั้น ผู้ประสบความสำเร็จก็จะอาศัยการวางแผนที่เหมาะสมและถูกจังหวะลงมือ

แผนการดี ๆ ที่ลงมือทำได้เลยทันที ดีกว่าแผนการสมบูรณ์แบบที่จะลงมือในอาทิตย์หน้า

เมื่อตัดสินใจแล้วจะต้องไม่หันหลังกลับไปอีก จะต้องไม่ยึดติดอยู่กับพันธนาการเล็ก ๆ ต่าง ๆ ไม่ว่าอะไรก็ตามต้องมีการคัดเลือกและลงมือทำอย่างรวดเร็ว เมื่อตัดสินใจแล้วไม่ลงมือทันทีก็ไม่มีความหมายใด ๆ

ผู้ประสบความสำเร็จ จะมีความสามารถพิเศษในการทำให้โอกาสเข้ามาอยู่ในมือ และเมื่อโอกาสมาถึงแล้ว ตบมือแค่สองสามครั้งก็เริ่มลงมือได้เลย ทั้งนี้ต้องซื่อสัตย์ต่อความทะเยอทะยานของตนเองแล้วค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปสู่จุดหมาย

ประโยคที่ว่า ลูกค้าคือพระเจ้ามักจะใช้กับการหาลูกค้าใหม่ ๆ ส่วนประโยคที่ว่า ลูกค้าคือปีศาจจะเป็นวิธีจัดการรักษาลูกค้าเอาไว้ พูดอีกอย่างก็คือ การรักษาลูกค้าเอาไว้เป็นสิ่งสำคัญกว่าอย่างอื่น

สำหรับผู้บริหารมืออาชีพแล้ว เขาย่อมมีวิธีการปฏิเสธความต้องการของลูกค้าอย่างไม่มีเยื่อใยเลยทีเดียว

ความสำเร็จนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับ การตัดสินใจที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความกล้าหาญและกล้าลงมือด้วย

การตัดสินใจไม่ได้มีผลต่อโอกาสที่จะสำเร็จ แต่การคาดการณ์ความเสี่ยงได้ถูกต้องต่างหาก ที่จะเป็นตัวตัดสินผลลัพธ์

กล่าวกันว่าคนที่กำลังโกหกมักจะไม่กล้าประสานสายตา แต่ถ้าเป็นคนเล่ห์เหลี่ยมจัดที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ขณะที่โกหกสายตาก็ยังนิ่งเฉย

ดังนั้นถ้าจิตใจมีแต่เรื่องร้าย ๆ การจะสลัดความทุกข์ร้อนหรือความห่อเหี่ยวให้ออกไปนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ต้องสร้างภาพอยู่เสมอว่าสามารถพาตนเองกระโดดข้ามกำแพงสูงที่ขวางกั้นอยู่ได้

สิ่งที่อยากให้จำไว้ก็คือ ในตอนนั้นต้องไม่คิดถึงจุดอ่อนของตนเอง แทนที่จะคิดว่าตนเองไม่เคยเอาชนะในจุดนี้ได้ ก็ให้คิดถึงจุดแข็งของตนเอง และดูว่าจะสามารถเอาชนะจุดนั้นได้อย่างไร นั่นคือการสร้างภาพที่จะทำให้เอาชนะในโลกแห่งความเป็นจริงได้

ถึงแม้จะเป็นการมองโลกเข้าข้างตนเองเกินไป แต่การสร้างภาพดี ๆ ในจิตใจก็จะเป็นผลดีต่อพลังในการแข่งขันในอนาคต

ต้องเข้าใจจุดที่เป็นปัญหา ต้องเข้าใจมุมมองของลูกค้า และต้องเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด
การเข้าใจจุดที่เป็นปัญหาถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด โดยใช้ความละเอียดอ่อนเข้าช่วย การเข้าใจมุมมองของลูกค้า คือการทำอารมณ์ของตนเองให้เย็นลงแล้วฟังอีกฝ่ายบ้าง การเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดก็คือ ต้องมองออกได้อย่างทะลุปรุโปร่งว่าขั้นตอนต่าง ๆ อยู่ที่จุดไหนแล้ว เพื่อที่จะตัดสินใจได้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีการตอบสนองอย่างไร

ผู้ที่ประสบความสำเร็จสามารถมองสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าได้หลายมุมมอง

คนเราก็ต้องประสบกับอุปสรรคด้วยกันทั้งนั้น จุดสำคัญอยู่ที่ในตอนนั้นเราจัดการรับมือกับมันอย่างไร

เวลาทหารตั้งกองทัพจะต้องให้อยู่ต้นลม และคอยเวลาที่ลมจะพัดลงไป แต่หากลมยังสงบนิ่งอยู่ แทนที่จะคอยอยู่เฉย ๆ จงอย่าปล่อยให้เวลาสูญเปล่า พยายามศึกษาภูมิประเทศที่ตั้งทัพอยู่ให้ถ่องแท้เป็นการฆ่าเวลา

การวัดความสำเร็จของตนเอง ต้องยึดความสามารถพิเศษที่ตนมีอยู่เปรียบเทียบกับในวงการที่ตนอยู่เป็นหลัก


บทที่ 3 # กรณีศึกษาของผู้ประสบความสำเร็จ
เป็นเพื่อนสนิทกับความโดดเดี่ยว เพื่อที่จะตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้ตลอดรอดฝั่ง



ความเห็นแก่ตัวเป็นสิ่งที่ควรสรรเสริญอย่างนั้นหรือ

น่าสรรเสริญหรือไม่เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ ผู้ที่ประสบความสำเร็จ จะคิดเรื่องของตนเองเป็นอันดับหนึ่ง

เขาจะคิดอยู่แต่เพียงว่า สุดท้ายตัวเองเท่านั้นที่จะต้องอยู่รอด คนสุดท้ายที่เขาจะไว้ใจได้ก็คือตัวของตนเอง

มนุษย์ทุกคนในยามปกติมักมีชีวิตอยู่กับกฎระเบียบ และผูกพันอยู่กับมันจนวันตาย แต่เมื่ออยู่ในภาวะคับขัน ตำแหน่งหน้าที่ก็ไม่มีความสำคัญอีกต่อไป ต่างคนต่างพยายามตะเกียกตะกายหนีจากสภาวะเลวร้ายนั้นให้ได้

คนที่สามารถเลือกตัดสินใจในการดำเนินชีวิตด้วยตนเองได้ ก็นับเป็นสิ่งที่ดีที่ไม่ต้องไปทนกับสภาพเหล่านั้น เพื่อความสำเร็จแล้ว จะให้ใครมาคอยบงการอยู่ข้างหลังไม่ได้

ชะตากรรมของชีวิตเรา เราเองเป็นผู้กำหนด คนที่สามารถแผ้วถางเส้นทางเดินของตัวเองได้ย่อมไม่มัวแต่มานั่งรอคอยสังคมในอุดมคติ และมีชีวิตอยู่โดยที่ไม่ต้องขึ้นอยู่กับความเห็นของมนุษย์คนใดทั้งสิ้น ผู้ที่ประสบความสำเร็จรู้ดีว่าการมีความกรุณาอย่างอ่อนหัดจะให้ผลร้ายตอบสนองกลับมาอย่างไร

คนที่มัวแต่วิตกกังวลกับเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ จนไม่อาจตัดสินใจ คนประเภทนี้ยากที่จะประสบผลสำเร็จ

เรื่องของตนเองยังไม่อาจตัดสินใจได้ว่าสิ่งไหนสำคัญสิ่งไหนไม่สำคัญ พวกเขาไม่มีวันที่จะนำหน้าคนอื่นได้อย่างแน่นอน

มนุษย์เราโดยทั่วไปตัดสินกันด้วยสายตา

ไม่ว่าจะเป็นอะไร ก่อนอื่นจะดูที่รูปลักษณ์ภายนอก จากนั้นถึงดูลึกเข้าไปในเนื้อหา

เมื่อออกโรงก็ต้องให้งดงาม ยิ่งเมื่ออยู่บนแท่นพูด ก็ยิ่งต้องทำให้ดูเชี่ยวชาญ

หากบางครั้งต้องพูดเรื่องที่เกินความจริงไปหน่อย ก็ต้องพูดเฉพาะสิ่งที่ตนเองเท่านั้นที่รู้เรื่องดี หรือเรื่องที่มีแต่ตนเองเท่านั้นที่ได้ไปประสบพบเห็นมาจริง ๆ

เมื่อประสบความสำเร็จแล้ว สิ่งที่ถือเป็นความสุดยอดก็คือ ต้องออกไปเผชิญหน้ากับผู้คน

คนที่เคยผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบากมาได้มักจะกลายเป็นคนที่มีความร้ายกาจเพิ่มขึ้น ความร้ายกาจอันนั้นทำให้คนเรามีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น

ไม่ว่าจะนักการเมืองหรือนักกีฬาต่างก็ชอบที่จะได้รับ การจดจำมากกว่า การจดบันทึกซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถที่แสดงออกมานั่นเอง

เกิดเป็นผู้ชายแล้ว คงอยากจะมีสักครั้งในชีวิตที่ได้รับการยกย่อง และได้ออกไปยืนอยู่บนเวทีใหญ่
คนโกงแม้ทำงานร่วมมือกันก็เป็นไปอย่างแกน ๆ ทำงานร่วมกับคนโกงก็เหมือนทำงานอยู่กับฝ่ายตรงข้ามย่อมมีผลเสีย

ถ้าไม่มั่นใจในงานใหม่ที่ไม่คุ้นเคยเหมือนงานเก่ากับที่เก่าละก็ ต้องพยายามสร้างความมั่นใจขึ้นมาให้ได้ โดยไม่ไปสนใจกับข่าวลือต่าง ๆ จะทำได้ก็ต้องมีสปิริตหรือต้องมีความมุ่งมั่น ไม่ควรเอาเวลาทั้งหมดไปสนใจในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง มีแต่ผลเสีย

ต้องใช้คนที่เก่งกว่าเราให้ได้ การที่สามารถใช้คนที่เก่งกว่าตัวเรามาทำงานให้ นับว่าเป็นไม้ตายอย่างหนึ่งในการทำธุรกิจให้สำเร็จ

การใช้คนไม่ใช่เอาแต่สั่งอย่างเดียว แต่หมายถึงการทำให้คนคนนั้นแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่

ต้องสร้างความเป็นตัวของตัวเองขึ้นมา ต้องรู้จักตัวของตัวเองให้ดี และสามารถพูดคุยเสนอความเห็นกับผู้อื่นได้อย่างมั่นใจโดยไม่รู้สึกต่ำต้อยกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องแสดงอาการหยิ่งยโส

แม้การเอาชนะจะเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่การฝึกฝนต้องทำกันเป็นทีม

ถ้าต้องการสร้างองค์กรให้ประสบความสำเร็จอย่างปัจจุบันทันด่วน ต้องรวบรวมคนให้ได้หลาย ๆ ประเภท นำมาสร้างเป็นทีมที่ต้องมีความเชื่อใจในสไตล์การทำงานของแต่ละคนด้วย และต้องส่งเสริมลักษณะเด่นของคนเหล่านั้นให้ชัดขึ้นมา ทีมที่สร้างขึ้นจากคนหลาย ๆ ประเภทนี้ถ้าได้รับการอธิบายถึงเป้าหมายในการทำงานอย่างชัดเจน ก็สามารถระเบิดพลังความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่ จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของผู้ที่อยู่บนสุดซึ่งเป็นผู้นำของทีมว่าจะสามารถนำทีมได้ดีแค่ไหน

ค้นหา ห้าสหายแห่งโชคชะตา ให้พบ
ที่ปรึกษาอาวุโสจะเป็นคนคอยช่วยชี้ โอกาส ให้
คนที่มีความเป็นสุดยอดจะเป็นคนช่วยสร้าง ความกล้า
คู่ชีวิตจะเป็นคนคอย ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าท้อแท้
ผู้พิทักษ์จะช่วย ถ่วงเวลา เอาไว้เมื่อต้องการ
เพื่อนตายจะช่วยเป็น กำลังใจ คอยสนับสนุน

หากใครมีคนทั้งห้านี้อยู่รอบข้างก็เท่ากับว่ามี ดวงดาวแห่งชัยชนะอยู่ในตัว ซึ่งจะยืนยันได้ถึงความมั่นคงในความสำเร็จ

และหากวันใดคนคนนั้นเกิดต้องสูญเสียดวงดาวเหล่านี้ไปแม้เพียงดวงเดียวก็อาจจะทำให้เส้นทางแห่งความสำเร็จที่วางเอาไว้พังทลายลงมาได้

ผู้ประสบความสำเร็จย่อมต้องรู้จักความเป็นมนุษย์เป็นอย่างดี

พวกเขาจะรู้จัก ความเงียบเหงา ความเศร้าสร้อย ความสุข และความยินดีมากกว่าใคร ๆ นอกจากนี้พวกเขายังมีเสน่ห์จากการที่เป็นคนจริงใจด้วย ซึ่งหาได้ยากในคนทั่ว ๆ ไป

นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงมักจะมีเพื่อนร่วมงานที่รู้ใจ ไม่ใช่แต่ไว้ใจคนที่เรารัก แต่ควรจะรักคนที่เราไว้ใจด้วย


บทที่ 4 # เพื่อนของผู้ยิ่งใหญ่
ในแววตาที่เป็นประกายนั้นบอกอะไรเราบ้าง



การจะประสบความสำเร็จนั้นสิ่งสำคัญที่สุดต้องทำให้รูปลักษณ์ภายนอกดูดี แต่ถ้าจะให้สมบูรณ์แบบก็ต้องทำให้สม่ำเสมอจนผู้คนเชื่อว่า นี่แหละคนที่เหมาะสม

ผู้ที่ประสบความสำเร็จ จะไม่ทำให้ การพบปะกันเป็นการสูญเปล่า

ผู้ที่ประสบความสำเร็จ เป็นคนที่อยู่ในโลกแห่งความจริง เขาสามารถ หยุดคิดฟุ้งซ่านได้

หมายความว่า เขาสนใจแต่โอกาสที่ดีของตนเอง ฟังแต่สิ่งที่เกี่ยวกับตนเองและไม่เก็บเอาสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับตนเอาไว้ให้เปลืองสมอง

ความฝันจะเห็นได้ก็ตอนที่หลับเท่านั้น พอตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นอีกต่อไป

ขั้นตอนที่จะประสบความสำเร็จมี 4 อย่างคือ ความไม่ไตร่ตรอง ความทะเยอทะยาน ความปรารถนา และความคาดหวัง

ความไม่ไตร่ตรองเป็นความคิดที่อันตรายให้เลิกซะ
ความทะเยอทะยานทำให้จิตใจเข้มแข็งมั่นคง
ความปรารถนา ทำให้สมองซีกขวาทำงานก่อนเข้านอน
ความคาดหวังเป็นการร้องขออย่างลับ ๆ

ไม่มีใครที่จะให้โอกาสที่ดีในการทำงานแก่เราหรอก เราเองต่างหากที่จะต้องเปลี่ยน ความฝันให้เป็น เป้าหมาย ในชีวิตให้ได้

ถ้ามีความพยายามอยู่ตลอดเวลาย่อมประสบผลสำเร็จ เป้าหมายกับ ความฝันที่กลายเป็น ความต้องการที่ยิ่งใหญ่จะหล่อหลอมเข้าเป็นตัวตนของคนคนนั้น

ไม่ว่าจะต้องพบกับความไม่มีเหตุผลสักแค่ไหน หากสามารถมองมันในแง่บวกแล้วใช้เป็นกระจกเงาสะท้อนให้ก้าวกระโดดออกไปได้ย่อมประสบความสำเร็จ

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น