ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ทริปต้องโทษดาว กับเพื่อนร่วมทางหำหด+ทุ่งกะมัง

กำหนดการที่เริ่มชัดเจน น่าจะราวๆ เดือนตุลาคม 2555 น่าจะได้
ส่วนกำหนดการคร่าวๆนั้น พวกเราต่างก็คิดๆ เล็งๆไว้แทบจะเกือบปี
ปีนี้ พวกเราคง Concept หลักๆ ไม่มีเขาสูงชัน ไม่ใกล้พม่า
เพื่ออะไร เพื่อใคร พวกเราต่างทราบกันดี - ก็เพื่อเพื่อนที่อยากให้ร่วมทางนั่นเอง



วันที่ 8 ธันวาคม 2555
พวกเรานัดเจอกันระหว่างทางเส้นวงแหวนตะวันออก เวลา 05:00 น.
ทีมจาก กทม. 3 คัน มีผม มีล้อโต และพี่ทนายและชาวคณะ
ก็เป็นพี่ทนาย ( ผู้ที่เกริ่นๆว่าจะนัดกัน ตี 4 !! ) มาเกือบๆ 06:00 น.
ให้เพื่อนๆ รอ อย่างตื่นเต้น

เมื่อพบเจอกัน ก็เริ่มเดินทาง ไปเจอ เพื่อนพงษ์และขาวคณะ ที่แยกบึงสามพัน
จัดแจงเติมน้ำมันกันให้เต็มถัง เพราะทางข้างหน้า แม้จะเป็นถนนเส้น 255
แต่เราเชื่อกันว่า คงจะหาปั๊มน้ำมัน ( ที่รับบัตรเครดิต ) ยากหน่อย
ราว 10:00 น. พวกเรา 4 คัน 9 คน เดินทางเข้าเส้น 255 เพื่อไปอุทยานแห่งชาติไทรทอง
ใช้เวลาไม่ถึง 2 ชม. บนเส้นทางเขาไม่สูงชันมาก ประกอบกับ จอดๆ ชลอๆ หาเสบียง น้ำแข็ง
พวกเราไปถึง อช. ไทรทองไม่เกินเที่ยง  กินอาหารร้านสวัสดิการ ข้างๆที่ทำการเลย
แพลนที่คิดกันไว้ คือ นอนข้างบน ใกล้ๆผาหำหด
แต่ จนท. อุทยานมาบอก ตอนที่กะลังกินข้าวว่า ช่วงนี้ ห้ามขึ้นไปพักข้างบน
จะให้แค่ช่วงเทศกาลดอกกระเจียว กับปีใหม่



ทำให้พวกเรา ต้องจำใจ นอนที่ด้านล่าง
มองในแง่ดี ก็รอพี่ห้าวด้วยซะเลย แล้วค่อยขึ้นข้างบนไปพร้อมๆกัน แล้วค่อยกลับลงมา
ด้วยความที่มาถึงกันไว พวกเราเลยมองๆมุมที่จะกางเต๊นท์ได้เต็มที่
ริมบึงน้ำ และใกล้ห้องน้ำ ก็ถึอว่ามุมดี
เพียงแต่ว่า คุณแม่บ้านที่ดูหนังมากไป เกริ่นไปว่า เดี๋ยวจะมี จรเข้โผล่มาจากน้ำ !!!

พี่ทนายและชาวคณะ ยืมเต๊นท์มา แต่มีปัญหานิดหน่อย ตรงที่พลาสติกพื้นเต๊นท์ กรอบ ร่อน จนเป็นฝุ่น ทำให้ต้องทำความสะอาดนิดหน่อย
ส่วนของผม เต๊นท์ใหม่ ขนาดใหญ่กว่าเดิม กลับเจอคุณภาพเต๊นท์ที่แย่ ฮุคยึดเสาเต๊นท์ขาดง่ายดายเหลือเกิน โชคดีที่เตรียมมาทั้ง 2 หลัง คืนต่อไปคงใช้เต๊นท์เก่า



ราว 15:30 น. พี่ห้าวก็เดินทางมาถึง เป็นอันพร้อมหน้า สำหรับผู้ที่ตอบตกลงชัดเจน ว่าจะร่วมทาง
พอครบองค์ประชุม พวกเราก็รวมตัว เดินทางขึ้นไปที่ผาหำหด ที่อยู่ห่างออกไปในถนนของอุทยานฯ ราว 9 กม. ที่ต้องผ่านทางน้ำนิดหน่อย


พวกเราขึ้นไป ก็ถ่ายรูป นั่งชื่นชมสภาพบรรยากาศโดยรอบ
แล้วก็ไม่ลืมที่จะต้องถ่ายรูปกับ Logo ของที่นั่น "ผาหำหด"







พอเริ่มเย็นลงพวกเราก็ลงมาจาก ผาหำหด
แล้วก็เริ่มลงมือทำอาหารกินกัน โดยพี่ห้าว พ่อครัวใจสั่งมาจาก มหาสารคาม




พวกเราก็เริ่มวงสนทนาธรรมกันอย่างเป็นทางการ
จนเวลาค่ำมืด ก็ต่างแยกย้ายเข้าเต๊นท์กันตามสภาพ



เช้ามายังไม่ทัน 05:00 น. รอบนี้ กลับไม่ใช่ผมที่ตื่นคนแรก
ไอ้ตี้ หมาของพี่ห้าว ก็ส่งเสียง หงิงๆ ปลุกผมซะก่อน
หลายๆคนเริ่มตื่นขึ้นมา นั่งมองน้ำ มองฟ้า
ผมก็ตื่นมา ถ่ายรูปเรื่อยเปื่อยไป
ส่วนคุณแม่บ้าน กะพ่อบ้าน ก็ทำอาหาร นั่งคุยกันไปตามเรื่องตามราว


พอตกสายหน่อย พี่ห้าว ก็ชวนเอาเบียร์ใส่กระติก ไปนั่งจิบกันริมลำธารใกล้ๆ
นั่งคุยกันตามประสาเพื่อนๆ เรื่องอนาคต เรื่องแผนธุรกิจ








เสร็จแล้วพวกเราก็ไปที่น้ำตกไทรทอง ที่อยู่กันไม่ไกลจากจุดที่เรากางเต๊นท์กัน
จนราว 11:00 น. ก็เริ่มเก็บข้าวของ เตรียมเดินทางต่อไปที่ ทุ่งกะมัง


แรกเริ่ม ผมคิดว่า จะใช้เวลาเดินทาง ราว 2 ชม.
แต่ถึงเวลาจริงๆ แวะกินข้าว ซื้อเสบียง แวะนู่นนี่
สุดท้ายก็ไปถึงปากทาง ทุ่งกะมัง ราวๆ 17:00 น.
ถนนเป็นถนนราดยางที่ไม่กว้างมาก พอชลอตัวสวนกันได้
แต่ก็มีป้ายบอกตลอดทาง ว่าให้ระวังสัตว์ป่า
ใช้เวลาราว 20 นาที ก็ถึงด้านใน
เจ้าหน้าที่ให้พวกเราเข้ามากางเต๊นท์ตรงทางที่จุดกางเต๊นท์
ซึ่งมีห้องน้ำรองรับผู้ที่เข้ามาได้ ไม่มากนัก มีห้องน้ำ ชาย 2 หญิง 2
ในพื้นที่เขตฯ มีบ้านพักรองรับผู้ที่เข้ามาค่อนข้างเยอะ



ในจุดที่เรากางเต๊นท์กัน หลังจากที่จัดที่นอน จัดที่ทำอาหารเสร็จ
ผมก็ออกเดินสำรวจใกล้ๆ เห็นว่า มีรอยเท้าสัตว์อยู่ใกล้ๆ
แถมยังเจอกวางยืนจ้องหน้าอยู่ในทุ่งหญ้าไม่ไกล
พยายามจะถ่ายรูป แต่ดันเอาไปแต่โทรศัพท์
ไม่สามารถจะ Zoom มาได้จะๆ จังๆ
แต่ก็พอทำให้ตื่นเต้นได้เลยทีเดียว

ในบริเวณที่กางเต๊นท์ก็จะมีกวางที่ค่อนข้างชินผู้คน เดินไปมาอยู่หลายตัว
รวมถึงเดินเข้าออก ไปมา ระหว่างป่ากับถนน
ไอ้ตัวที่ชินกับผู้คน มักจะเดินมาป้วนเปี้ยนแถวที่คนอยู่ เพื่อกินอาหาร
เรียกชัด ตรงๆ ว่า มาขโมยของกินเวลาคนเผลอนั่นแหละ
ใครไปที่นั่น ควรหาถังพลาสติก ที่ปิดล็อคมิดชิดใส่ของไปจะดีกว่า
เพราะถ้าคุณใส่แบบถุงพลาสติกแล้วมัดปากถุงเมื่อไร
พวกสัตว์จะมาลากไปกิน โดนที่ไม่รู้ว่าอะไรที่กินไม่ได้
แล้วมันก็จะป่วย !!



พอเริ่มค่ำลง พวกกวางที่ชินผู้คน ก็มาป้วนเปี้ยน แอบมาฉกของกินที่ปิด หรือเก็บไม่ดีตลอด
ต้องคอยไล่ไปทางอื่น
พอได้เวลา พวกเราก็ต่างเข้านอน เต๊นท์ใคร เต๊นท์มัน

กลางคืน ค่ำคืนนี้ น้ำค้างค่อนข้างแรงใช้ได้เลย
นอนกลางดึก จะได้ยินเสียงหยนดของน้ำค้าง ลงมาที่ใบไม้ หล้งคาเต๊นท์
แถมด้วยเสียงกวางที่มากินดิน กินหญ้า แถวที่เรากางเต๊นท์กัน

กลางดึก ผมและเพื่อนๆ ก็โผล่หน้าออกจากเต๊นท์มาส่องไฟฉายเพื่อดูกวาง
ใจหนึ่งก็ไม่แน่ใจว่า มันจะมีสัตว์อื่นมาแจมอีกไหม แต่ก็ไม่น่าจะมี (มั้ง)


 เช้ามาพวกเราตื่น หาอะไรรองท้องกันยามเช้า แล้วขับรถไปไม่ไกล เพื่อไปสู่ทุ่งกะมัง
ในส่วนที่เป็นทุ่งจริงๆ
พื้นที่ตรงจุดนี้ เป็นทุ่งกว้าง สามารถเดินไปได้ทั่วๆ ก็จะเห็นทิวทัศน์ที่แปลกตาไปเรื่อยๆ




บรรยากาศ และสภาพหมอกที่ไม่จัดจนเกินไป มาพร้อมๆกับแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆขึ้นมา
เป็นภาพที่ทำให้เพื่อนๆ ติดใจ มีความสุขกับการเดินไปๆไหนต่อไหนไกลๆได้
โดยไม่รู้สึกว่าไกล หรือ รู้สึกเหนื่อย


ก็ไม่ใช่เพียงแค่สายหมอกกับแสงอาทิตย์เท่านั้น
เพียงเดินลงมาตามทางของทุ่ง ก็จะเจอฝูงกวางที่เดินบ้าง วิ่งบ้างอย่างไม่แคร์คน
เพราะัที่นี่คือบ้าน คือที่อยู่ ที่หากินอย่างไม่มีมนุษย์รบกวน



เริ่มสายหน่อย พวกเราก็ลงมาที่จุดกางเต๊นท์ เตรียมเก็บข้าวของ



พวกเรานัดกันที่ปากทางทุ่งกะมังว่า จะออกมาเส้นถนนสาย 12 ที่น่าจะวิ่งสะดวก
ส่วนพี่ห้าว ขอแยกทางตรงปากทางทุ่งกะมัง เพราะกลับสายอิสาน

พวกเราแพลนเข้าไปที่หล่มสักแล้วหาที่กินข้าวกลางวันพร้อมกันส่งท้ายทริปนี้
เมื่อถึงหล่มสัก พี่ทนายและชาวคณะแยกตัวกลับก่อน เพราะลูกต้องกลับไปทำการบ้าน
เพื่อนพงษ์และชาวคณะ แยกกันตรงแยกบึงสามพัน
ส่วนล้อโต กับผม แยกกันแถวๆ ใกล้ๆสระบุรี

ทริปนี้ สมหวังกับการเดินทางทุกคน ไม่มีผิดแผน ไม่มีโอ้เอ้
ขอบคุณทุกๆคน ที่ทำให้ป้ายประจำทริปได้ใช้อย่างสมหวัง
ขอบคุณทุกๆคน ที่ทำให้ของชำร่วย ได้แจกด้วยความอิ่มเอม
ขอบคุณทุกๆคน ที่จะร่วมทางกันอีก ในปีต่อๆไป ทุกปี
เราจะร่วมทางกันอีกครั้ง ในอีกไม่นาน .....

ผมยังคงอธิษฐานทุกๆปี ให้มีเพื่อนๆร่วมทางมากขึ้นเรื่อยๆ

1 ความคิดเห็น: